บทที่ 359 หนี้เลือดพันปีควรชำระได้แล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 359 หนี้เลือดพันปีควรชำระได้แล้ว
พลังของสุดยอดผู้อาวุโสแก่กล้ามาก ผู้อาวุโสฮัวทัดทานไม่ไหว หนำซ้ำยังถูกทำให้บาดเจ็บสาหัส น่าหลันหลิงลั่วโบกพัดเซวียนกู่กลับไป อาวุธลับหลายสิบชิ้นซัดออก จากนั้นก็ถูกพลังแกร่งของสุดยอดผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฟิ่นซัดปลิว แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็ถูกซัดปลิวด้วย “ฟิ่ว…”

ก็ไม่รู้ว่าสุดยอดผู้อาวุโสเคลื่อนไหวอย่างไร ถึงข้างแท่นดอกบัวแล้ว กำลังภายในของเขารวมอยู่ในมือ หลอมพลังคุ้มครองของแท่นดอกบัว

น่าหลันหลิงลั่วเห็นดังนั้น พัดเสมือนมีวิญญาณ คนพัดเป็นหนึ่ง บุกเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

“ปังๆๆ…”

ชั่วพริบตาทั้งสองก็ปะทะกันหลายสิบกระบวนท่าแล้ว

ท่วงท่าพวกเขาไวมาก กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าไหนชั่วขณะ คลับคล้ายคลับคลาเห็นสุดยอดผู้อาวุโสกดน่าหลันหลิงลั่วไว้แน่น

“ปัง…”

หลังจากปะทะฝ่ามือหนึ่ง ทั้งสองก็แยกออก น่าหลันหลิงลั่วบาดเจ็บหนัก มุมปากทะลักเลือดสดสายหนึ่ง

เขาเลียเลือดสดที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ร้าย ทั้งยังคิดจะลุยอีก กู้ชูหน่วนปรามเขาไว้ “ตาแก่นี่วรยุทธ์สูงมาก ดึงดันเข้าไปก็แค่ไปตายเท่านั้น ก็แค่มุกมังกรเม็ดเดียวมิใช่หรือ? ถ้าเขาต้องการ ก็ให้เขาไปเถอะ”

กู้ชูหน่วนขยิบตาโตอย่างมีเล่ห์ร้ายในจุดที่สุดยอดผู้อาวุโสมองไม่เห็น

หัวใจน่าหลันหลิงลั่วตึกตัก

นางอัปลักษณ์ผู้นี้คิดจะทำอะไรอีก?

สุดยอดผู้อาวุโสเกี่ยวยิ้ม อารมณ์ดีมาก “ยังเป็นนังหนูที่รู้จักส่วนรวม ขอเพียงพวกเจ้าไม่ขวางข้าเอามุกมังกร ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้า”

“เจ้าหุบเขา ข้าจะไปชิงกลับมา” อาวุโสเจี่เดินกะเผลกๆ สีหน้าซีดเซียว พยายามคลานขึ้น

น่าหลันหลิงลั่วประคองให้เขานั่งดีๆ “แม่นางผู้นี้กล่าวได้ไม่ผิด เพื่อมุกมังกรเม็ดเดียว ต้องทุ่มเทหนึ่งชีวิตมิคุ้มค่า ช่างเถอะ มุกมังกรเม็ดนี้ก็ให้เขาไปก่อน ถึงอย่างไรยังมีมุกมังกรอีกหลายเม็ดขนาดนั้น พวกเราค่อยๆ หากันเถอะ”

“เจ้าหุบเขา…”

ผู้อาวุโสเจี่ยแทบเป็นลมจับ

นี่คือมุกมังกรเชียวนะ ไม่กล้าชิงเพราะวรยุทธ์เขาค่อนข้างสูงได้อย่างไร?

“เจ้าพูดอะไรกับเจ้าหุบเขา? เจ้าหุบเขา นางคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร นาง…”

“ฟึบ…”

น่าหลันหลิงลั่วจี้จุดหลับของเขาทันที เขาจะได้ไม่เจื้อยแจ้ว แล้วจึงกล่าวสืบต่อ “เจ้าต่อเถอะ เราไม่แย่งกับเจ้า”

กำลังภายในของสุดยอดผู้อาวุโสเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลอมพลังปกป้องแท่นดอกบัวอย่างยากลำบาก

เขายื่นมือไปหยิบมุกมังกร ทว่าจู่ๆ ก็บังเกิดแสงเจิดจ้าชอนไชดวงตาออกมา ทันใดนั้นเขาก็ถูกซัดปลิว ตกลงข้างโขดหินหนัก กระอักเลือดสามคำติด แม้แต่ชีวิตก็หายไปกึ่งหนึ่ง

“อานุภาพ…อานุภาพแก่กล้านัก”

กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน สุดยอดผู้อาวุโสที่วรยุทธ์สูงถึงจุดยอดไร้เทียมทานกลับถูกมุกเล็กๆ ทำจนบาดเจ็บปางตาย เคราะห์ดีที่เมื่อครู่พวกเขาไม่บุ่มบ่ามไปเอามุก มิเช่นนั้นด้วยพลังของพวกเขา เกรงแต่จะถูกซัดตายไปนานแล้ว

กู้ชูหน่วนเอากระดิ่งทลายวิญญาณออกมา เดินไปข้างมุกมังกรทีละก้าว เอากระดิ่งทลายวิญญาณประทับที่แท่นดอกบัวด้านล่างมุกมังกร

ทันใดนั้นเอง แท่นดอกบัวที่ไม่รู้ทำจากวัสดุอะไรกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน จากดอกบัวที่ทำจากหิน กลายเป็นดอกบัวขาวบานสะพรั่งสิ่งกลิ่นหอมโถมจมูก

ดอกไม้จริง…

เป็นดอกไม้จริงไปเสียได้

ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ มุกมังกรบนดอกบัวส่องแสงสว่างไสว

ในมุกมังกร มังกรฟ้าตัวหนึ่งคล้ายกำลังตื่นขึ้นช้าๆ

ทุกคนงุนงง เหตุใดกู้ชูหน่วนจึงเอากระดิ่งทลายวิญญาณไว้บนแท่นดอกบัว?

แม้แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เมื่อครู่นางเหมือนกับถูกสิง แค่วางเข้าไปตามจิตใต้สำนึกเท่านั้น

เห็นอันตรายบนแท่นดอกบัวขจัดไปแล้ว กู้ชูหน่วนรีบหยิบมุกมังกรออกมา กำไว้ในมือแน่น

ขณะเดียวกัน สุดยอดผู้อาวุโสสามคนของเผ่าเทียนเฟิ่น หัวหน้ากองธงกล้วยไม้และหัวหน้ากองธงโบตั๋นของเผ่าปีศาจ แล้วยังอาวุโสจำนวนน้อยของหุบเขาตันหุยก็เร่งเข้ามา และทั้งหมดก็เห็นภาพนางกำลังหยิบมุกมังกร

“วางมุกมังกรลง!”

แทบเป็นเสียงเดียวกัน แต่ละคนต่างให้กู้ชูหน่วนวางมุกมังกรลง กระทั่งใช้ท่าพิฆาตออกมาติดกัน แต่ละคนอยากเอาชีวิตกู้ชูหน่วนเสียเดี๋ยวนี้

เผ่าเทียนเฟิ่นมีกำลังเสริมมามากเกินไป เผ่าปีศาจก็เช่นกัน พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ ลงมือไร้ไมตรีแม้แต่น้อย กู้ชูหน่วนอยากหนีจากที่นี่ ยากลำบากโดยแท้

มือหนึ่งกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับแน่น มือหนึ่งดึงกำลังภายในทั่วสรรพางกายให้ถึงจุดสูงสุด พร้อมรับท่าพิฆาตทุกท่าของพวกเขาตลอดเวลา

น่าหลันหลิงลั่วยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที ออกศึกเคียงบ่ากับนาง

แต่ที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ ท่าพิฆาตเหล่านั้นยังไม่ทันตกศีรษะนาง ก็ถูกคนสลายไปแล้ว

ในสระโลหิตมีคนกลุ่มหนึ่งมา

คนกลุ่มนี้แต่ละคนสวมชุดขาวปิดหน้า แขนเสื้อปักคำว่า ‘หยก’

คนเหล่านั้นมีชรามีเด็ก พลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฟิ่นกับเผ่าปีศาจร่วมมือกันก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาสักนิด

“เผ่าหยก…หายสาบสูญนับพันปีแล้ว ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมา” คนของเผ่าเทียนเฟิ่นแต่ละคนสูดลมเย็น จ้องพวกเขาอย่างไม่เป็นมิตร

กลิ่นควันดินปืนระลอกหนึ่งรุนแรงกว่าอีกระลอกหนึ่ง นี่เป็นการพบพานของคู่อริชัดๆ อารมณ์พลุ่งพล่านเป็นพิเศษ

“หนี้เลือดพันปี วันนี้ถึงเวลาที่เราควรชำระได้แล้ว!”

ชายชราผมขาวคนหนึ่งของเผ่าหยกแทบกัดฟันเค้นคำพูดนี้ออกมา ในดวงตาเขาแดงเถือก แทบอยากเอาชีวิตคนของเผ่าเทียนเฟิ่นทั้งหมด

กู้ชูหน่วนกวาดตามองน่าหลันหลิงลั่ว “เผ่าหยกเป็นอิทธิพลไหน?”

เหตุใดนางสืบค้นทั้งสมองแล้วก็ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าหยกไม่ได้เลย?

สีหน้าน่าหลันหลิงลั่วขรึมบางส่วน “เป็นเผ่าโบราณชื่อดังเผ่าหนึ่ง หายสายสูบไปจากโลกเมื่อพันกว่าปีก่อน ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาตกตายไปหมดแล้ว คิดไม่ถึง…”

“เผ่าหยกกับเผ่าเทียนเฟิ่นมีหนี้เลือดอะไรกันหรือ?” ถึงกับพันปีแล้วก็ยังเป็นปม

“รายละเอียดข้าก็ไม่แน่ชัด” น่าหลันหลิงลั่วส่ายหน้า ราวกับไม่อยากพูดมากเกินไป ทั้งราวกับเขาไม่ค่อยแน่ชัดในความผันแปรระหว่างนั้น

เผ่าหยกกับเผ่าเทียนเฟิ่นวาจาไม่ลงรอยกัน เปิดศึกขึ้นโดยตรง โรมรันดุเดือด สะเทือนพสุธาคลอนบรรพต

คนของเผ่าปีศาจบีบประชิด หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ้มเย็นเอ่ย “กู้ชูหน่วน อย่าคิดว่ามีหุบเขาตันหุยคุ้มครองแล้วจะไม่มีคนทำอะไรเจ้าได้ วันนี้เจ้าต้องตายที่นี่!”

กู้ชูหน่วนแคะหู ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าพูดคำนี้มากี่รอบแล้ว เจ้าไม่เหนื่อย ข้ายังกลัวหูดจะขึ้นหู มีฝีมืออะไรก็งัดมาใช้ให้หมดเถอะ”

“กำแหง!”

แม้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้บาดเจ็บทั่วตัว แต่ห้านิ้วยังงอเป็นกรงเล็บ ร่างกายเฉกเช่นสายลมสายหนึ่ง อยากบีบคอกู้ชูหน่วนแรงๆ บีบนางให้ตายทั้งอย่างนี้

มุมปากกู้ชูหน่วนเกี่ยวรอยยิ้มอำมหิต สองมือกดแท่นดอกบัว

ทันใดนั้นเอง ตำแหน่งที่เผ่าปีศาจยืนอยู่ พื้นผิวแตกออกเป็นหลุมใหญ่

คนของเผ่าปีศาจไม่ทันตั้งตัว สั่นคลอนตกลงไป ส่งเสียงร้องอย่างอเนจอนาถ

ครั้งนี้ เดิมทีกู้ชูหน่วนสามารถทำให้เผ่าปีศาจตายอยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด

แต่ที่นางคิดไม่ถึงเลยก็คือ เย่เฟิงกลับย้อนกลับมา แล้วยังพุ่งมาด้วยความรวดเร็ว อยากสังหารหัวหน้ากองธงกล้วยไม้แทนนาง

เพราะเขาอยู่ใกล้กับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้มาก และตกลงหลุมตามไปด้วย

สีหน้ากู้ชูหน่วนเปลี่ยนพลัน เข้าไปดึงมือเย่เฟิงอย่างเร่งรีบ ที่ก้นหลุมใหญ่ แรงดึงดูดมหาศาลดูดนางไม่หยุด กระชากนางลงไป

“ซี้ด…”

ช่วงวิกฤต น่าหลันหลิงลั่วดึงนางไว้ เพียงแต่แรงดึงดูดก้นบึ้งมากเกินไป น่าหลันหลิงลั่วก็ทานไม่ไหวเช่นกัน

“ปล่อยมือ รีบปล่อย!” กู้ชูหน่วนตะโกน

หากยังไม่ปล่อยมือ เขาก็จะตกลงไปด้วย

น่าหลันหลิงลั่วไม่ปล่อย คิดหาหนทางเพียงอยากดึงกู้ชูหน่วนกลับมา

แต่น่าเสียดาย ไม่เพียงไม่อาจดึงกู้ชูหน่วนกลับมา แม้แต่ตัวเองก็ถูกดูดเข้าไปด้วย

“อ้า…”

เสียงอนาถดังขึ้นในหลุมใหญ่

“อาหน่วน…”

กระแสลมแรงเกินไป กู้ชูหน่วนถูกดูดจนลืมตาไม่ขึ้น ข้างกายกลับมีเสียงร้อนรนของอี้เฉินเฟยดังขึ้น

นางฝืนลืมตา กลับเห็นอี้เฉินเฟยที่บาดเจ็บสาหัสเพิ่งฟื้นไม่สนใจความเป็นความตาย …กระโดดลงมาด้วย

ปัดโถ่! ตาบื้อนี่…

เขาอยากตายขนาดนี้เชียวหรือ?