หย่ากันแล้ว ยังต้องมาเจอหน้าใบนี้อีก ช่างทรมานจริงๆ!
จ้องไปทางสุนันท์ เธอค่อยๆ ยิ้มโค้งขึ้น หยิบใบเช็คที่ยื่นออกไปกลับมาอีกครั้ง “ขอบคุณคุณหญิงสุนันท์มากๆ ค่ะที่เตือน ได้ค่ะ ฉันจะเขียน”
ระหว่างที่พูด เธอพลางโค้งตัวลง หยิบปากกา เขียนจำนวนตัวเลขแถวหนึ่งไว้บนเช็ค
แววตามองผ่านไปทางจำนวนบนเช็ค คิ้วที่สง่างามของสุนันท์ขมวดขึ้น นับจำนวนอย่างละเอียด จากนั้นก็มีความตกใจเล็กน้อย เธอกลับเขียนมาหนึ่งพันล้าน!
“นี่การตอบสนองอะไรของคุณหญิงสุนันท์คะ หรือว่ารังเกียจที่ฉันเขียนน้อยไปคะ?” มุมปากของเชอร์รีนแฝงรอยยิ้มที่นิ่งสงบ ลุกขึ้น แล้วเพิ่มศูนย์ไปที่ข้างหลังอีกตัว กลายเป็นหนึ่งหมื่นล้าน
“หน้าไม่อายเลยจริงๆ โลภมากขอราคามาไม่น้อยเลย” สุนันท์กัดฟันพูดด่า
“ดูคุณหญิงสุนันท์พูดสิคะ เมื่อกี้ฉันไม่เขียน คุณหญิงรู้สึกว่าฉันเสแสร้ง ดัดจริต ตอนนี้ฉันเขียนแล้ว กลับมารังเกียจว่าฉันโลภมากขอราคาไม่น้อย แล้วฉันต้องทำยังไงถึงจะถูกใจคุณหญิงสุนันท์ล่ะคะ? ”
“แก——” ถึงแม้ว่าสุนันท์จะโมโห แต่กลับหมดคำจะพูด
“จริงๆ แล้ว นิสัยของฉันค่อนข้างที่จะสุดขีดไปหน่อย หากไม่เอาก็ไม่เอา หากเอาแล้ว ก็จะเอาทั้งหมด คุณหญิงสามารถรออีกสองสามวันได้ไหมคะ รอให้ฉันประเมินค่าของคุณออกัสเรียบร้อยแล้วค่อยเขียน?” เชอร์รีนไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำ พูดอย่างเฉยชา
กระทืบไปที สุนันท์เก็บเช็คกลับมา จากนั้นก็รีบฉีกเช็คให้เป็นเศษชิ้นๆ น้ำเสียงที่เย็นชาถูกบีบออกมาจากซอกฟัน “แกอย่าคิดที่จะเอาเงินจากที่นี่ไปแม้แต่บาทเดียว!”
“ในเมื่อให้ไม่ไหว แล้วทำไมต้องตั้งใจมาลองใจ มาประชดฉัน? ปรากฏว่าเป็นการทำตัวเองทั้งนั้น” เชอร์รีนยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย
ทะเลาะกับเชอร์รีน ตั้งแต่ต้นจนจบสุนันท์ไม่เคยชนะเธอเลย นี่ทำให้เปลวไฟที่อยู่ในใจของเธอลุกขึ้นมาเป็นไฟอีกครั้ง “คิดไม่ถึงว่าเธอจะผลักหยาดฝนลงเหวไป ผู้หญิงที่โหดร้ายอย่างเธอ จะต้องเจอฟ้าผ่า ไม่ตายดีแน่นอน!”
เปลี่ยนไปท่าหนึ่ง เชอร์รีนจ้องเธอ พยักหน้า ตอบกลับเบาๆ ว่า “ได้ค่ะ งั้นฉันจะรอฟ้าผ่า ไม่ตายดี รอให้เวรกรรมตามสนองฉันค่ะ”
มีทิฐิสูงมากจริงๆ ไม่ว่าจะด่ายังไง แค่สองสามประโยคก็มักจะพ่ายแพ้เสมอ ไม่เคยได้เปรียบเลยสักน้อย นี่ทำเอาสุนันท์โมโหจนอยากจะโยนแก้วลงพื้น!
หยิบกล่องขึ้นมา เธอไม่มีอารมณ์และไม่มีเวลามาตอแยกับสุนันท์ต่อ “ฉันยังมีธุระต้องยุ่งอีกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ หากคุณหญิงสุนนัท์ไม่มีเรื่องธุระอะไร สามารถลองชิมกาแฟที่นี่แก้วหนึ่งได้ค่ะ”
พอพูดจบ เธอเดินผ่านสุนันท์ไป เดินตรงไปข้างหน้า สุนันท์ยิ้มอย่าดูถูก พิงร่างกายอยู่ตรงนั้น “ใบหน้าของหยาดฝนเสียโฉมขนาดนั้น ในใจเธอคงรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นใช่ไหม? ”
แต่ละคำแต่ละประโยค เชอร์รีนได้ยินอย่างชัดเจน แต่กลับยิ้ม แล้วเดินตรงไปข้างหน้า
วินาทีถัดไป น้ำเสียงของสุนันท์ดังขึ้น “แต่แค่ว่า ความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นของเธอจะสามารถรักษาได้นานแค่ไหนล่ะ? ออกัสพาหยาดฝนไปรักษาหน้าที่อเมริกาแล้ว ใบหน้าของเธอ ในไม่ช้าก็จะกลับมาฟื้นฟูเหมือนเดิม!”
ที่แท้ เขาก็พาหยาดฝนไปรักษาหน้าที่อเมริกาแล้ว!
ก็แหงอยู่แล้ว หยาดฝนเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดเลย ใบหน้าเสียโฉมไปขนาดนั้น เขาจะไม่ปวดใจได้ยังไงล่ะ?
อีกอย่าง แม้กระทั่งเซนต์ใบหย่าก็พาหยาดฝนมาด้วย ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองเข้มข้นถึงขั้นนั้นแล้ว!
หัวใจ เจ็บปวดแบบชาๆ เชอร์รีนค่อยๆ หลับตา อดทน พูดคำว่า อ่อ ออกมาจากปากอย่างไม่เป็นไร จากนั้นก็จากไป ราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่ใจเลย
รอให้เธอจากไปแล้ว สุนันท์ถอนหายใจยาว ยื่นมือลูบหน้าอกที่โมโหไม่เบา
ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นที่จะไปโมโหกับผู้หญิงแบบนั้น!
ยามค่ำคืนราตรี
เชอร์รีนนั่งอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง ดอกไม้ที่วางอยู่ตรงระเบียงเบ่งบานอย่างสง่างาม เธอมองอย่างเงียบๆ
คำพูดพวกนั้นของสุนันท์เหมือนดั่งมีด ด้วยมีดหนึ่งเล่มและหนึ่งเล่ม จังหวะที่ลึกและตื้นกรีดลงบนเนื้อที่อ่อนนุ่มบนหัวใจของเธอ เลือดเนื้อแพลงออกมาทางข้างนอก
อื้ม เธอไปอเมริกาเป็นเพื่อนหยาดฝนแล้ว ทั้งสองคงอ่อนหวานสนิทสนมไม่น้อย……
เฮอะ เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว เธอยังคิดเรื่องพวกนี้อีกทำไม ก็แค่การเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น ทว่า ก็มักจะอดไม่ไหวที่จะคิด ไม่สามารถควบคุมได้
ราวกับว่า ผู้หญิงมักจะใส่ใจในเรื่องความรู้สึกมากกว่าผู้ชาย……
แล้วไปนึกถึงอีกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยตะโกนไล่ตัวเองออกไปในโรงพยาบาลติดต่อกัน เธอยิ้มโค้งที่มุมปากอย่างประชด ลบภาพทั้งหมดที่โผล่ขึ้นมาในสมองอย่างเจ็บปวดและเด็ดขาดอย่างยิ่ง!
กนกอรเดินเข้ามา จ้องเธอ “ทำไมยังไม่นอน ดึกขนาดนี้แล้ว”
กะพริบตาเบาๆ กะพริบความเศร้าในตานั้นหายไป เชอร์รีนเก็บอารมณ์ “ใกล้นอนแล้วค่ะ”
พยักหน้า กนกอรพูดขึ้น “แล้วก็ ไม่ต้องฟังที่พี่สะใภ้แกพูด หากตระกูลสิริไพบูรณ์ให้เงินแก แกไม่ต้องรับ บ้านเราไม่ขาดแคลนเงิน ห้ามให้พวกเขามาดูถูกอีกแล้ว!”
“แม่ หนูไม่รับแน่นอนค่ะ เพื่อลูกไม่จะไม่รับเด็ดขาด หนูสามารถเลี้ยงลูกให้เติบโตได้ด้วยตัวคนเดียว หากรับเงินของพวกเขามา หากวันหนึ่งพวกเขาจะมาแย่งลูกขึ้นมา จะส่งผลเสียต่อหนูและไม่มีผลประโยชน์อะไรเลย หนูไม่มีทางทำความผิดแบบนั้นแน่นอนค่ะ!”
หากศาลตัดสินให้เงินก้อนนั้นเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร งั้นสำหรับเธอแล้ว นี่คือจุดอ่อนแน่นอน!
เธอจะต้องป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุ เตรียมทุกอย่างไว้ให้ดี!
“อื้ม งั้นก็ดี”
ราวกับว่านึกอะไรออก เชอร์รีนมองไปทางกนกอร “แม่ หนูอยากไปเมืองทะเลหทัยแล้วค่ะ ได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นเมืองที่สวยมาก”
รู้ว่าในใจของเธอไม่มีความสุข กนกอรไม่ได้ห้าม ทว่ากลับพูดด้วยเสียงเบาว่า “ไปเถอะ พักผ่อนใจบ้างก็ดี หากเงินไม่พอ อย่าลืมบอกฉันกับพ่อนะ”
“ค่ะ……” เธอยิ้ม
วันที่สอง เชอร์รีนเตรียมกระเป๋าเดินทาง และนั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่เมืองทะเลหทัยคนเดียว ไม่ได้ให้ใครไปส่ง เธอไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นมากๆ
ตัวคนเดียว การเดินทางระยะยาวสักครั้ง ไปยังเมืองที่สวยงามคนเดียว ใช่ว่าจะไม่ดี……
……
เวลาผ่านไปเร็วมาก ดั่งลูกธนูที่ยิงออกไป เพียงแค่แวบตาเดียว ก็เป็นสี่ปีต่อมาแล้ว
เมืองทะเลหทัย ขณะนี้ เป็นฤดูร้อนพอดี
แสงอาทิตย์ในเดือนเจ็ดเหมือนดั่งลูกไฟ ความร้อนที่เผยออกมาเหมือนว่าจะแผดเผาดินให้ไหม้
ถึงแม้ว่า เมืองทะเลหทัยจะเป็นเมืองที่ติดทะเล ทว่าก็ไม่สามารถลดความร้อนได้เลยแม้แต่น้อย
แค่เดินจากห้องเรียนไปยังสำนักงาน ข้างหลังก็มีเหงื่อโชกไปทั้งตัว เชอร์รีนใช้สมุดในมือพัดเบาๆ มีลมอ่อนๆ พัดผ่าน
เธอสวมชุดเดรสระหว่างสีฟ้าและสีขาว ยาวไปถึงเข่า ทำให้ผิวพรรณของเธอดูขาวใสกระจ่าง บนเท่านั้นสวมรองเท้าส้นสูงสีเบจ บุคลิกดูสง่าน่าหลงใหล
ระหว่างที่เดิน กระโปรงยาวพลิ้ว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยผ่านมายังจมูก สดใส น่าดม
สี่ปี เวลาไม่เคยหลงเหลือร่องรอยใดๆ ไว้บนตัวเธอ แต่สลักเธอเหมือนดั่งหยกไปแล้ว
นั่งลงบนยังที่นั่ง เธอมองดูเวลา สิบเอ็ดโมงครึ่ง
หันหลัง อาจารย์ดวงใจที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “คุณครูเชอร์รีนลาเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
“ลาเรียบร้อยแล้วค่ะ” เชอร์รียิ้ม หยิบกระเป๋าขึ้น ทักทายกับผู้คน “ทุกคนยุ่งเลยค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ”
“โอเค ระวังความปลอดภัยระหว่างทางด้วยนะคุณครูเชอร์รีน”
“ขอบคุณค่ะ”
คุณครูที่สำนักงานนั้นมีไม่น้อย ทว่าก็ไม่เคยมีความขัดแย้งอะไรมาโดยตลอด ทุกคนต่างก็เป็นมิตรกัน มีความสุข สะดวกสบาย
เชอร์รีนไม่ได้กลับบ้านเช่าที่อยู่ แต่ว่าไปที่โรงเรียนอนุบาลใกล้ๆ