ในตอนนี้ มุกวิญญาณเก้าหยกในมือของเขาร้อนขึ้น ซือหยูพยายามจะโยนมันออกไปแต่มันก็จมเข้าไปในฝ่ามือของเขา
รอยสักมุกวิญญาณเก้าหยกฝังอยู่ในแขนของเขา พื้นที่รอบตัวเขาสลายไป เหล่าภูเขาอันงดงามโดยรอบหายไปแทนที่ด้วยถ้ำเนื้อเหนียวๆ!
ซือหยูตกใจมาก หุบเขาหายไปไหนแล้ว? เขายังไม่ได้ก้าวออกจากถ้ำเลย เขากลับยังอยู่ที่เดิมที่มองเห็นหุบเขา…ขณะที่มองมันจากข้างนอก! ราวกับว่าเขาฝันไป ซือหยูสงสัยว่าเขาเห็นภาพหลอนไปหรือไม่
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงในสมอง
“มุกวิญญาณเก้าหยกคือโลกของภูเขานั่น! เจ้าจะเข้าใช้ถ้าใช้จิตวิญญาณมองไปยังภายในของมุกวิญญาณเก้าหยก”
ซือหยูทั้งสงสัยและระวังตัว เขาปล่อยพลังจิตวิญญาณเล็กน้อยมองดูมุกวิญญาณเก้าหยก ในตอนนั้น ภูเขาที่หายไปกลับปรากฏอยู่ในสายตา
“นี่มัน…”
ซือหยูมิอาจปิดบังความตกใจไว้ได้
เสียงอันอ่อนโยนดังอีกครั้งในหัว
“มีอีกโลกหนึ่งภายในมุมวิญญาณเก้าหยก พลังจิตวิญญาณจะพาเจ้าเข้าไป”
ซือหยูตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ พลังจิตวิญญาณของเขาถูกมุกวิญญาณเก้าหยกดูดซับเข้าไปเมื่อเขาได้เห็นภูเขาโดยที่ไม่รู้ตัว มันมีพลังแบบไหนกันแน่ จิ้งจอกอสูรที่ตายไปแล้วหลายปีถึงยังแสดงพลังเช่นนั้นออกมาได้?
“นับแต่นี้ไป เจ้าก็แค่ต้องใช้พลังจิตวิญญาณเล็กน้อยในการเข้าไปในโลกของหุบเขา”
“เจ้าเก็บของที่นั่นได้ แต่เจ้าจะยังนำของเดิมภายในนั้นออกมาไม่ได้เพราะคำสาบาน เจ้ายังไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง ตอนที่เจ้าทำตามคำสัญญาแล้ว หุบเขานั้นจะเป็นของเจ้าอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเจ้าจะทำอะไรก็ย่อมได้”
ซือหยูขมวดคิ้ว จิ้งจอกนั้นวางเงื่อนไขอื่นอีก แผนการที่ซือหยูจะเอาดินเพาะบ่มออกมาและกับสมบัติก็สูญเปล่าน่ะสิ? แต่ซือหยูก็ยังพอใจที่ได้พื้นที่เก็บของขนาดใหญ่มาครอง คันฉ่องจักรวาลนั้นแคบเกินไป เขาได้สมบัติมามากมายตั้งแต่เจ้ามาที่กระโจมเทพสวรรค์ คันฉ่องจักรวาลนั้นเต็มแล้ว
ซือหยูใช้วิญญาณเข้าไปยังมุกวิญญาณเก้าหยก มันใกล้และเป็นของเขา มันไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังออกจากร่าง
ซือหยูคิดอยู่ชั่วครู่ เขารื้อถอนกระท่อมเดิมออกไปและสร้างชั้นจากไม้ที่ได้มา จากนั้นเขาก็นำสมบัติในคันฉ่องจักรวาลใส่ลงในชั้นไม้ เขาเก็บสมบัติเทพระดับกลางจำนวนมากไว้ในนี้ ส่วนคันฉ่องจักรวาลนั้นจะมีแหวนปราบมาร เข็มเก้าหยินหยาง กระบี่สายฟ้า และโอสถหยาดจันทราเยือกแข็งที่ใช้ฟื้นฟูพลังวิญญาณ เขาไม่เก็บมันไว้ในที่นี่ เขายังไม่คุ้นเคยกับมุกวิญญาณเก้าหยก ถ้าเกิดอะไรขึ้นและเขาต้องเสียของทั้งหมดไป เขาคงจะโศกเศร้าอย่างมาก
เมื่อจัดการสมบัติเสร็จแล้วซือหยูก็ได้พักอย่างที่ใจอยาก เขาใช้เวลานี้เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณที่หายไป
เขาหยิบเหรียญพันธนาการภูติที่เพิ่งได้ออกมา เขาเคยเห็นพลังมหาศาลของมันด้วยตัวเอง ศัตรูที่บาดเจ็บหนักกลับใช้มันปล่อยพลังระดับขอบเขตภูติออกมาได้ ซือหยูตรวจสอบและผิดหวังเล็กน้อย เหรียญนี้ถูกชำระไปแล้ว เขาต้องหาทางลบร่องรอยเจ้าของเดิมไปถึงจะได้ใช้มัน
ของชิ้นที่สองคือร่มวิเศษสุริยาม่วง ซือหยูคาดหวังกับมันมาก เขาหยิบมันออกมาและหยดแก่นโลหิตตัวเองลงไปเพื่อชำระล้าง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่รู้จัก
ร่มวิเศษสุริยาม่วง สมบัติเทพระดับสูง สมบัติอัคคีที่จะปล่อยเพลิงทรงพลังของสุริยาม่วงออกมา ระยะและพลังจะขึ้นอยู่กับฐานพลังของผู้ถือครอง
ซือหยูตาเป็นประกาย สมบัติเทพระดับสูง! และมันยังเป็นสมบัติเทพระดับสูงที่ใช้โจมตี!
เขาคิดย้อนกลับไปถึงพลังของร่มคันนี้ ซือหยูดีใจมาก ในการควบคุมของชายหนุ่มผมขาว เพลิงจากสุริยาม่วงแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าต้นกำเนิดอัคคี พลังของสมบัตินี้น่ากลัวอย่างมาก เขาได้สมบัติเทพระดับสูงมาอีกคครั้ง
สุดท้ายคือแก้วภูติของทูตพันธนาการ แล้วก็ยังมีเรือบินเทวะที่เป็นสมบัติเทพระดับสูง เขาคิดถึงสมบัติจากห้องลับที่เขาได้มา เขาหยิบคัมภีร์ที่เปื่อยยุ่ยกับกระบี่ขึ้นมาดู มันมีบางอย่างที่เขายังไม่ได้ตรวจสอบ!
ฟึ่บ–
โครงกระดูกปรากฏในมือซือหยู ซือหยูจุดไฟที่ปลายดัชนี ในแสงไฟนี้มีเงาซี่โครงสิบเอ็ดซี่แต่มีซี่โครงอยู่สิบสองซี่
ซือหยูมองซี่โครงที่สามจากด้านขวา แม้ว่าแสงจะส่องตรงไปหามัน มันก็ไม่ต่างกับว่าแสงนั้นได้ทะลุผ่านไปอย่างไร้ปัญหา
ซือหยูยื่นมือไปสัมผัสกระดูกชิ้นนั้น น่าแปลกที่มีแสงสะท้อนกลับมายังมือของเขา
ซือหยูหยุดคิด เขาจับกระดูกชิ้นนั้นและออกแรง แต่โครงกระดูกนั้นมั่นคงอย่างมาก ซือหยูดึงอย่างแรงแต่ก็เอากระดูกซี่โครงออกมาไม่ได้ เขาพยายามต่อไปอีกจากนั้นจึงเลิกใช้พลังกาย เขาหยุดคิดก่อนจะใช้เนตรวิญญาณมองดูกระดูกซี่โครงเพื่อตรวจสอบว่ามีสิ่งประหลาดใดที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อเขาใช้เนตรวิญญาณก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าขนลุก! วิญญษณของเขาที่สัมผัสกับกระดูกถูกดึงเข้าไปในซี่โครงนั้น…ราวกับว่ามันกำลังกลืนกินวิญญาณของเขา
ในพริบตาเดียว พลังจิตวิญญาณของซือหยูถูกดูดเข้าไปหนึ่งในสิบส่วน!
ซือหยูหวาดกลัวมาก วิญญาณคือพื้นฐานของทุกสิ่งมีชีวิต การที่ดวงวิญญาณเสียหายจะก่อให้เกิดภัยร้ายแรง การเสียวิญญาณไปหนึ่งในสิบส่วนนั้นจะทำให้เกิดการเสียหายที่ยากจะคาดเดากับซือหยู! มันทำให้วิญญาณของเขาเสียหายอย่างถาวะ เขาจะเติบโตในเน้นทางการบ่มเพาะพลังไม่ได้อีก
ซือหยูพยายามจะถอนเนตรวิญญาณและก็พบว่าเขามิอาจหยุดใช้มันได้ วิญญาณของเขายังคงถูกกระดูกซี่โครงดูดกลืนเข้าไป หม้อเก้ามังกรนั้นไม่แสดงการตอบสนองใดเลย มันไม่หยุดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ซือหยูใจหาย เขาได้ยินเสียงที่คล้ายเสียงแตก จากนั้นภาพก็มีดไป เขาหมดสติไปโดยไม่รู็ตัว
******
ลึกในการหลับใหล ซือหยูฝันว่าพลังอับอบอุ่นเอ่อล้นออกมาจากตัว พลังที่เขาไม่รู้จักหลอมรวมกับดวงวิญญาณ ความฝันนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นไปตลอดกาล
ซือหยูตัวสั่นและตื่นขึ้น แขนขาของเขาชามิอาจขยับ เขาหมดสติไปนานมาก
“ข้า…ยังไม่ตาย!”
ซือหยูกลับมาได้สติอีกครั้ง
ซือหยูคิดถึงกระดูกซี่โครงนั้น เขารีบยืนขึ้นและต้องตกตะลึง ฐานพลังของเขาที่เพิ่งจะถึงผู้คุมสวรรค์นั้นไปถึงระดับราชามนุษย์อย่างประหลาด!
ตอนนี้เขามีแก้วพลังวิญญาณสองดวงอยู่ในจุดกำเนิดพลัง พลังวิญญาณของเขามากกว่าเดิมเป็นสองเท่า!
การเพิ่มพลังของซือหยูนั้นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือวิญญาณที่เสียหายของเขาถูกฟื้นฟูกลับมา และมันก็ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
“โอรสสวรรค์จ้องนภา…”
ซือหยูอ้าปากค้าง
“ขอบเขตการเปลี่ยนวิญญาณขั้นสูงสุด!”
ซือหยูไม่อยากจะเชื่อ เขามิอาจบรรลุโอรสสวรรค์จ้องนภาตั้งแต่ที่มันไปถึงขั้นกลางของระดับแรก น่าอัศจรรย์อย่างมากที่เขาได้บรรลุระดับหนึ่งขั้นสูง! มันต้องเกิดจากการเพิ่มพลังจิตวิญญาณของเขาไม่ผิดแน่ มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่จะทำให้ซือหยูผ่านสิ่งกีดขวางสุดท้ายและถึงขั้นสุดยอดของขอบเขตการเปลี่ยนแปลงวิญญาณ ตามที่วิชาโอรสสวรรค์จ้องนภาบอก วิญญาณของเขาจะออกมาต่อสู้ภายนอกกายหยาบได้เมื่อมาถึงขั้นนี้!
ซือหยูคาดหวังกับพลังนี้มาก แต่เรื่องประหลาดอย่างนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
ซือหยูมองโครงกระดูกที่อยู่ข้างกาย กระดูกซี่โครงนั้นหักเป็นสองท่อน ซือหยูหยิบเอาเกล็ดสีชมพูออกมาจากภายในกระดูกที่หัก ในนั้นมีพลังอันอ่อนโยนอยู่ด้วย
เขารู้สึกอบอุ่นในมือ นี่คือพลังที่เขาสัมผัสได้ในความฝันงั้นรึ?
พลังที่ยังหลงเหลือจากเกล็ดสีชมพูไหลเข้าสู่ร่างของซือหยูผ่านฝ่ามือ นั่นทำให้ซือหยูตกใจมาก พลังนั้นทำให้เขาได้เป็นราชามนุษย์อย่างนั้นรึ?
“แปลกจริงๆ…”
“ทำไมถึงมีเกล็ดสีชมพูนี้ในกระดูกซี่โครงได้เล่า?”
ซือหยูมิอาจเข้าใจแต่เขาก็ไม่มีเวลาจะคิดเรื่องนี้อีกแล้ว ดูจากสภาพร่างกาย เขาน่าจะหมดสติไปอย่างน้อยสิบวัน เขาต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปพบกังต้าเหล่ยและคนที่เหลือเพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้น ปฏิญาณสัตย์ดวงใจนั้นไม่ใช่เรื่องตลก
ซือหยูค้นหาทางรอบๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่นานก่อนที่เขาจะหลงทิศทาง แต่ตลอดทางเขาก็ตกใจที่เห็นว่าบางส่วนของกำแพงเนื้อถูกทำลายไปอย่างป่าเถื่อน มันเผยให้เห็นเหล็กสีเงินเป็นพื้นที่กว้าง เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นส่วนหนึ่งของเหล็กสีเงินที่เป็นรู!
หรือว่านั่นจะเกิดจากซื่อหลิงที่มีร่างกายอยู่ในขอบเขตภูติ? ซือหยูสงสัย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแม้แต่ซื่อหลิงยังทำอะไรเหล็กสีเงินนี้ไม่ได้
ในตอนนั้น ซือหยูสัมผัสถึงคลื่นมิติ เขาซ่อนตัวในผ้าคลุมเผื่อหลบเป็นการล่วงหน้า
เขาเดินออกจากถ้ำเนื้อไปยังอีกทาง แต่กำแพงที่นี่ก็แปลกอย่างมาก เนื้อหนังของมันเป็นสีขาว และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีวัตถุทรงกลมสีโลหิตอยู่ที่ใจกลางถ้ำ มันปล่อยแรงกดดันวิญญาณมหาศาลออกมา
ซือหยูตกใจในพลังของมัน พลังเช่นนั้นไม่มีแม้แต่ในขอบเขตภูติ!
เขาตาเป็นประกาย นี่จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน! แต่ซือหยูก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว เขาใช้เนตรวิญญาณสัมผัสว่ามีสิ่งชั่วร้ายซ่อนอยู่ที่ภายในของมัน ความรู้สึกไม่สบายใจที่เอ่อล้นขึ้นมาทำให้เขาถอยกลับ
เขาเลิกล้มความคิดที่จะเอามันมาไว้กับตัว แต่เมื่อเขาถอยก็ได้ยินเสียงอันเย็นชามาจากข้างหลัง
“เจ้ามาอยู่นี่เองสินะ!”