ตอนที่ 967 ปีที่วุ่นวาย

Elixir Supplier

967 ปีที่วุ่นวาย

เห็นได้ชัดว่า เมี่ยวฉางเชิงคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เรื่องนี้ถือ เป็นการล้ําเส้นเขา แต่เมี่ยวซีเหอกับคนของเขาล้วนแล้วแต่เก่งกาจ มันไม่ใช่
เรื่องที่ดีหากพวกเขาต้องผิดใจกัน และเขายังต้องการความสามารถของพวกเขาอยู่

เฮ้อ!

หลังจากเดินกลับไปกลับอยู่หลายรอบเขาก็ใจเย็นลงไปบ้างแล้ว
เขาตัดสินใจที่จะยังไม่ทําอะไรในตอนนี้ แต่เขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่

คืนนั้น ทุกคนในเขตเหอต่างอยู่ไม่สุข

เมี่ยวซีเหอกับคนของเขาต่างตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา อย่างที่เมี่ยวซีเหอพูดไว้ พวกเขาอยู่ข้างนอกที่ไม่ใช่ในหุบเขา นั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่สามารถทํา อะไรตามอําเภอใจได้ เพราะเมื่อพวกเขาทําลงไปแล้วผลลัพธ์ที่จะตามมาไม่ใช่ เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นได้เลย

มีเสียงไซเรนรถตํารวจดังตลอดทั้งคืน

ค่ําคืนที่วุ่นวายได้ผ่านพ้นไป

ทันทีที่ฟ้าสาง คนจากหุบเขาก็ออกเดินทางกลับหุบเขาในทันที

“พวกเขาไปกันแล้วเหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม

“ครับ ผู้ว่าเขตกั่ว”

“อืม คุณไปทํางานของคุณเถอะ”

“ครับ”

ในเมื่อคนส่วนใหญ่ปลอดภัยแล้ว คลื่นลมจึงสงบชั่วคราว แต่เรื่องราวทั้งหมด ยังห่างไกลจากคําว่าจบเรื่อง เหตุการณ์ในครั้งนี้ทําให้เบื้องบนระวังตัวกันมากขึ้น ทั้งที่ตรุษจีนใกล้เข้ามาแล้ว แต่ที่เขตเล็กๆแห่งนี้กลับเกิดเรื่องขึ้นไม่จบไม่สิ้นตอนนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ยังโดนไปด้วย นับเป็นการท้าทายที่ไม่อาจให้อภัยได้ แต่เพราะเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้เข้ามา ทําให้ไม่สามารถทําอะไรได้มาก ถ้าไม่ อย่างนั้นเรื่องก็คงเป็นไปในอีกทิศทางหนึ่ง

“พี่ ตรุษจีนนี้อยู่ฉลองที่นี่ดีไหมครับ?” กั๋วเจิ้งเหอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพี่สาวของเขาต้องการกลับไป

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ” กั่วซือหรงยิ้ม แม้สีหน้าของเธอจะยังไม่ดีขึ้นก็ตาม

“ก็ได้ครับ ดูแลตัวเองดีดีนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ถ้าถึงบ้านแล้วโทรบอกผม ด้วย แล้วก็ไปหาหมอด้วยนะครับ หลังตรุษจีนก็แวะไปหาหวังเย้าด้วยนะครับ”

“ได้จ๊ะ เธออยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีดีนะ!”

“ครับ ผมรู้แล้ว”

กั๋วเจิ้งเหอขับรถพาพี่สาวของเขาไปส่งที่สนามบินที่ใกล้ที่สุดและมองดูเธอเดินไปขึ้นเครื่องไป

“หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก” กั๋วเจิ้งเหอพูด

ในหุบเขาพันโอสถ

เมี่ยวฉางเชิงเนื้อตัวเปล่าเปลือย ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล
ทั้งหมดเป็นบาดแผลที่เกิดจากการถูกฟาดด้วยแส้หวายที่แช่ในน้ําเกลือ

“พ่อ ผมขอโทษ” เมี่ยวฉางเชิงคุกเขาอยู่ที่พื้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านคล้ายกับจะหมดสติได้ทุกเมื่อ

“สาดน้ํา”

น้ําเย็นถูกสาดใส่ร่างกายของเขา

“เงยหน้าขึ้นมามองฉัน” เมี่ยวซีเหอพูดเสียงเย็นเยียบ

เมี่ยวฉางเชิงที่ได้สติจากน้ําเย็นก็เงยหน้าขึ้นมองพ่อผู้ให้กําเนิดของเขา

“แกรู้รึยังว่าทําผิดเรื่องอะไร?”

“ผมรู้แล้วครับพ่อ”

“แกทําผิด ตัวฉันก็ผิดเหมือนกัน” เมี่ยวซีเหอพูด “แกเป็นลูกชายของฉัน แต่ก็ ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะต้องเข้าข้างและปกป้องแกเสมอ เรื่องที่แกทําลงไป เมื่อคืน ทําให้ทุกคนในหุบเขาต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง ถ้าหุบเขาที่อยู่มา นานหลายร้อยปีถูกทําลายลงเพราะสิ่งที่แกทําลงไป แม้แต่ความตายก็ยังถือว่าดี เกินไปสําหรับแก แกเข้าใจไหม?”

“ผมเข้าใจครับพ่อ ผมขอโทษ”

“เอาเขาออกไปข้างนอกและจัดการตามกฎของหุบเขา”

“ผู้นํา ถึงยังไงก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว ทําแบบนี้จะดีเหรอครับ?”

“ตรุษจีนแล้วยังไง? นั่นเป็นเหตุผลที่จะไม่ทําตามกฎได้ด้วยเหรอ?” เมี่ยวซีเห อพูดเสียงเย็น

“เข้าใจแล้วครับ”

เมี่ยวฉางเชิงถูกพาตัวออกไปและถูกนําไปมัดไว้กับต้นไม้ใหญ่กลางหุบเขา
ร่างกายช่วงบนของเขาไม่ได้ใส่เสื้อเผยให้เห็นบาดแผลเต็มตัว

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“เมี่ยวฉางเชิงนี่ เขาเป็นลูกชายของผู้นําไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ หรือเขาจะทําความผิดร้ายแรงอะไรมา?”

ทุกคนในหุบเขาต่างตกใจ มันนานมากแล้วที่มีคนถูกทําโทษด้วยวิธีการนี้ ไม่มีใครทําความผิดร้ายแรงมานานมากแล้ว จึงไม่จําเป็นต้องยกกฎการลงโทษนี้มาใช้

“เฮ้อ ผู้นําไม่เบามือเลย!”

“แล้วเขาทําอะไรผิดเหรอ?”

เมี่ยวชิงเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็อาการดีขึ้นพอที่จะออกมาเดินเล่นได้บ้างแล้ว เขาต้องประหลาดใจที่เห็นชายหนุ่มถูกมัดเอาไว้ที่ต้นไม้ เขาจึงถามคนที่ออกไปข้างนอกกับเมี่ยวซีเหอว่าเกิดอะไรขึ้น

“เขาวางยาคนคนหนึ่งน่ะสิ”

“วางยา? ข้างนอกหุบเขาน่ะเหรอ?”

“ใช่”

“แล้วมีคนตายเหรอ?”

“ไม่ ผู้นําาช่วยไว้ได้

“อืม การวางยาถือว่าผิดกฎก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีใครตายนี่ จริงไหม?” เมี่ยวชิง เฟิงถาม “แล้วทําไมต้องทําถึงขนาดนี้ด้วย? ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกของผู้นํา แล้ว เขาวางยาใครเหรอ?”

“พี่สาวของผู้ว่าเขตกั๋ว”

“อะไรนะ!” เมี่ยวชิงเฟิงที่ได้ยินว่าเขาวางยาใครก็ต้องตกใจ

คนอื่นอาจไม่รู้ภูมิหลังของผู้ว่าเขตคนนี้ แต่เขารู้ดี แล้วเขาก็ยังรู้อีกด้วยว่า ลูกชายของผู้นําเป็นคนยังไง โดยรวมแล้ว เมี่ยวฉางเชิงเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เขามีข้อเสียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือความหลงใหลในตัวผู้หญิงหน้าตาดีเขาเคยความผิดเดียวกันนี้ในหุบเขาและถูกผู้นําขังเอาไว้ครึ่งปี เมี่ยวชิงเฟิงคิดว่าชายหนุ่มคงทําตัวดีขึ้นแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับยังออกไปข้างนอกและสร้างเรื่อง ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ถ้าพวกเขาทําให้คนตระกูลถั่วไม่พอใจและอีกฝ่ายคิดตอบโต้ กลับมา มันคงกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

“ไม่แปลกใจเลยว่าผู้นําจะโมโหขนาดนั้น” เขาถอนหายใจ

เมี่ยวฉางเชิงถูกมัดเอาไว้ที่ต้นไม้เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน เขาได้รับอนุญาตให้ดื่มได้แค่น้ําเปล่าเท่านั้น เขาถูกห้ามไม่ให้กินอะไรเลย

แฮ่ก แฮ่ก

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันต่อมา เขาก็ยังคงถูกมัดเอาไว้ที่ต้นไม้

ชายหนุ่มถูกมัดไว้กับต้นไม้ติดต่อกันเป็นเวลาสามวัน

สามวันต่อมา มันเป็นวันตรุษจีน

ในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัว หุบเขากลับมาคึกคักอีกครั้ง ผู้คนปฏิบัติตาม
ธรรมเนียมที่ถูกส่งต่อกันมาหลายร้อยปี ทําให้ภายในหุบเขาดูวุ่นวายเป็นพิเศษ

ในปักกิ่งที่ห่างออกไปหลายพันไมล์

วันเทศกาลกลับเป็นวันที่เงียบเหงาสําหรับคนตระกูลกั่ว

สองพ่อลูกตระกูลถั่วต่างก็ต้องอยู่ต่างเมืองในช่วงวันเทศกาล และไม่สามารถกลับมาบ้านได้ มีเพียงแม่และลูกสาวเท่านั้นที่เหลืออยู่ภายในบ้าน ทันจึงทําให้บรรยากาศเงียบเหงาลงไปอีกมาก

“มา ซือหรง กินเยอะๆนะจ๊ะ”

“ค่ะ”

หลังกลับมาจากเขตเหอในยูนนานใต้ สีหน้าของกั๋วซือหรงก็ไม่เคยดีขึ้นจากเดิมเลย เธอดูซีดเซียวจนทําให้ผู้เป็นแม่รู้สึกกังวล

“พอผ่านช่วงเทศกาลไปแล้ว ลูกไปหาหวังเย้าหน่อยดีไหมจ๊ะ?”

“ได้ค่ะ” กั๋วซือหรงพูด

ภายในหมู่บ้านหวัง แผ่นป้ายคํามงคลถูกติดจนทั่ว มีเสียงประทัดดังขึ้นอยู่
เนืองๆ อาหารหลากหลายชนิดถูกนําขึ้นโต๊ะ มันทําให้เทศกาลนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น

แม่ของหวังเย้าทําอาหารออกมาจนเต็มโต๊ะ เธอตั้งใจเลี้ยงฉลองอย่างเต็มที่หวังเย้าดื่มกับพ่อของเขาและนําเนื้อที่แม่ของเขาทําขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเขานํามันไปให้กับซานเซียน ต้าเซี่ย และเสี่ยวเฮย
“มา กินเยอะๆ สุขสันต์วันตรุษจีนนะ ซานเซียน ต้าเซี่ย เสี่ยวเฮย โฮ่ง!โฮ่ง! ซานเซียนส่งเสียงเห่าอย่างมีความสุข

“คืนนี้ฉันจะไม่ขึ้นมานอนข้างบนนี้นะ ฉันอาจจะไม่ขึ้นมาหลายวัน ช่วยดูแลที่นี่กันด้วยล่ะ”

โฮ่ง!โฮ่ง!

เจี๋ยจื้อจายกับหูเหมยยุ่งอยู่กับการทําซาลาเปาและขนมมาหลายวันแล้ว ทั้งสองยุ่งมาตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนที่แล้ว จงหลิวชวนกับจงอันซินต่างก็ยุ่งเช่น เดียวกัน นี่เป็นเทศกาลตรุษจีนครั้งแรกในหมู่บ้านแห่งนี้ พวกเขาจึงมีความสุขกันมาก

“เรามาฉลองด้วยกันดีไหม?” เจี๋ยจื้อจายถาม

“เอ่อออ…” จงหลิวชวนมึนงงกับค่าชวนนี้

“ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนี้” หูเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม

ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนบ้านและศิษย์อาจารย์เดียวกัน

“คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก!

“อันซินคิดว่ายังไง?”

“ดีค่ะ” จงอันซินพูดอย่างยินดี

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง มาฉลองกันที่บ้านฉัน!”

ทั้งสองครอบครัวร่วมรับประทานอาหารและต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน หูเหมย
เตรียมอาหารเอาไว้มากมาย

พวกเขารวมตัวนั่งดูทีวีด้วยกันเพื่อรอคอยวันใหม่ที่จะมาถึง
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านของหวังเย้าดังต่อเนื่องไปจนกระทั่งสี่ทุ่ม มีคนโทรมาสวัสดีปีใหม่เขา บางสายก็เป็นผู้อาวุโสและญาติของเขา

วันต่อมาเป็นวันปีใหม่จีน ผู้คนในหมู่บ้านต่างออกไปเยี่ยมเยียนกัน พวกเขาไป ไหว้หลุมศพในวันที่สองของปีใหม่เพื่อเคารพคนที่เสียชีวิตไปแล้ว หวังเย้าออกจากหมู่บ้านไปในตอนกลางวัน เขาขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของ ซูเสี่ยวซวีที่ปักกิ่ง ก่อนจะพาเธอกลับมาที่หมู่บ้านของเขา
หวังเย้าไปเยี่ยมแม่ของซูเสี่ยวซวี ก่อนที่จะไปเยี่ยมน้ารองของเขา พวกเขา ไม่ได้กลับไปบ้านเกิดในช่วงเทศกาลนี้ และพวกเขาก็มีญาติพี่น้องอยู่ในเมืองแค่ไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขาจึงดีใจมากที่เห็นหวังเย้าและดึงดันที่จะให้เขาอยู่ทาน อาหารกลางวันด้วยกัน หวังเย้าต้องใช้เวลาอยู่นานในการปฏิเสธพวกเขา จากนั้นเขาก็ไปเยี่ยมเฉินหยิงกับเฉินโจวที่บ้านหลังน้อยเขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการเยี่ยมเยียนบ้านของคนรู้จักแต่ละคน ในที่สุดเขากับเสี่ยวซวีก็ขึ้นเครื่องกลับบ้าน ทั้งสองกลับไปถึงหมู่บ้านในคืนนั้นพ่อแม่ของหวังเย้าต่างรอคอยการมาถึงของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พี่สาวกับพี่เขยของเขาก็อยู่ที่บ้านด้วยเหมือนกัน ทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาบรรยากาศจึงคึกครื้นเป็นพิเศษ

หน้าท้องของหวังรุ่ยเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้น อีกเพียงแค่เดือนเดียวเธอก็จะ
คลอดแล้ว

วันต่อมา หวังเย้ายังคงออกไปเยี่ยมบ้าน เขาขับรถออกไปเยี่ยมบ้านญาติที่
เขาสนิทสนม และมีซูเสี่ยวซวีไปเป็นเพื่อนด้วย

“เหนื่อยไหม?” หวังเย้าถาม

“ไม่เหนื่อยค่ะ” ซูเสี่ยวซวียิ้มตอบ

“ผ่านวันนี้ไป ก็คงไม่วุ่นวายแบบนี้แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด “จริงสิ ถ้าเราเสร็จเรื่อง ทางนี้แล้ว เราไปกินข้าวเย็นที่บ้านเจี๋ยจื้อจายกันดีไหม?”

“ดีค่ะ ตามใจเชียนเชิงเลย” ซูเสี่ยวซวีตอบ

เจี๋ยจื้อจายชวนเขาไปทานข้าวที่บ้าน ตั้งแต่ที่เขามาเยี่ยมบ้านของหวังเย้าในวันขึ้นปีใหม่ มันเป็นคําเชิญที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้