968 ไม่เป็นอะไร
พวกเขาวุ่นวายกันตลอดทั้งวันแล้วแขกที่คาดไม่ถึงก็มาที่หมู่บ้านในตอนกลางวัน“ซือหรง?”
“เสี่ยวซวี”
ผู้มาเยือนก็คือถั่วซือหรงเธอดูซีดเซียวและเซื่องซึมแววตาของเธอดูไร้ชีวิตชีวามันได้
ทําความความงามและความมั่นใจที่เคยมีลดลงไป
“สวัสดีวันปีใหม่ขอโทษที่มารบกวนทั้งสองคนนะ”
“สวัสดีปีใหม่ เข้ามาก่อนสิ”
“ไม่ ไม่ต้องเข้าบ้านไปที่คลินิกกันดีกว่า”เพียงแค่มองหวังเย้าก็บอกได้ทันทีว่ากั๊วซือหรงป่วยอยู่เธอถูกวางยา“อ่อ ได”
ทั้งสามพากันเดินไปที่คลินิกกั๋วซือหรงถือเป็นคนไข้คนแรกตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่มาหวังเย้าเอายาให้เธอดื่มไปหนึ่งถ้วย
“คุณไปถูกวางยาได้ยังไง?”หวังเย้าถามด้วยความสงสัย
“ก่อนจะถึงวันตรุษจีนฉันไปที่เขตเหอมาพอดีเจิ้งเหอเขาทํางานอยู่ที่นั่นฉันไม่ระวังตัวก็เลยโดนวางยาเข้า”ถั่วซือหรงพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ผมก็ไม่แปลกใจแล้ว”หวังเย้าพูด“คนไข้สองคนก่อนหน้านี้ของผมก็ถูกพิษมาเหมือนกันแล้วสองคนนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับที่นั่นด้วยถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปที่นั่นเลยจะดีกว่านะ”
ถั่วเจิ้งเหอกับเขานั่นไม่ลงรอยกันแต่กับผู้หญิงตรงหน้าเขากลับตรงกันข้ามเธอได้ทิ้งความประทับใจที่ดีไว้กับเขาเธอเป็นคนสวย, มีความมั่นใจ,สง่างาม,และมีความรู้เธอคือหญิงสาวจาก
ตระกูลสูงศักดิ์ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี
ตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากยูนนานใต้เธอก็รู้สึกตัวหนักและอ่อนเพลีย ยิ่งไปกว่านั้นอาการเหล่านี้ยังเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆเธอรู้ว่ามันเป็นเพราะพิษในตัวเธอยังไม่ถูกกําจัดออกไปจนหมดหลังจากที่ได้รู้เรื่องอาการของเธอน้องชายของเธอก็เดินทางจากเขตเหอกลับมาที่บ้านเขาแนะนําให้เธอรีบไปพบหวังเย้าโดยด่วนเธอรออยู่สองวันก่อนจะเดินทางมาที่นี่
“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะจัดยาที่ช่วยรักษาซ่อมแซมร่างกายให้ทีหลังนะ” หวังเย้าพูด“ได้”
หวังเย้าเดินไปอีกห้องเพื่อต้มยา กั๋วซือหรงกับซูเสี่ยวซวีจึงจับมือพูดคุยกันทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่อยู่ที่ปักกิ่ง ตอนที่ซูเสี่ยวซวีป่วยกั๋วซือหรงก็มักจะไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ
“เธอมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?เธออยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่เหรอ?”
“ไม่ใช่หรอกฉันมาที่นี่ตอนวันที่สามของปีใหม่น่ะ”
ในตอนที่ทั้งสองยังคุยกันอยู่นั้นหวังเย้าก็ทําซุปเป่ยหยวนให้กั๋วซือหรงเสร็จ
“มา ดื่มยาอีกถ้วย” หวังเย้าพูด
“ขอบคุณ”
หลังจากดื่มยาถ้วยนั้นแล้วสภาพร่างกายของเธอก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว“เชียนเชิง”
จงหลิวชวนเดินเข้ามาในคลินิก
“โอ้ อีกสักพักพวกเราก็จะไปกันแล้วล่ะ”
“ครับ”
“ซือหรง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วเธอค้างคืนที่นี่เลยดีไหม ฉันทําความสะอาดบ้านไว้แล้วและตอนนี้ก็ไม่มีใครพักอยู่ด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ก็มากันข้าวกับพวกเราดีไหมครับ?”จงหลิวชวนเสนอขึ้นมา
“หา?” ถั่วซือหรงงงไปหมด
“ดีเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด
“แบบนั้นคงไม่เหมาะหรอก”
“ไม่เหมาะตรงไหนกัน” หวังเย้าพูด
“คนรู้จักกันทั้งนั้น ไปด้วยกันนะ?”
“ก็ได้” ถั่วซือหรงพยักหน้า
“ไปเถอะ”
หลังจากดื่มยาไปแล้วสองถ้วยพิษในร่างกายของเธอก็ถูกกําจัดออกไปจนหมดร่างกายของ
เธอรู้สึกเบาขึ้นหูเหมยกับเจี่ยจื้อจายต่างยินดีต้อนรับหญิงสาว
“เชียนเชิง ดั่มเหล้ากันไหมครับ?”
“เอาสิ”
“อาจารย์หญิงกับคุณกั่วจะดื่มด้วยกันไหมครับ?”
“ซือหรงเพิ่งกินยาไปตอนนี้ก็เลยยังดื่มเหล้าไม่ได้ส่วนฉันขอเป็นไวน์แดงแล้วกันค่ะ”
“ได้เลยครับ” เจียจื้อจายปรบมือ
พวกเขาสามคนยุ่งกันตลอดทั้งบ่ายเพื่อเตรียมอาหารสําหรับมื้อเย็น
“อืม ฝีมือของหูเหมยดีขึ้นเรื่อยๆเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ เขียนเชิง
พวกเขาต่างทานอาหารกันอย่างมีความสุขราวกับพวกเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันถั่วซือหรงก็มีความสุขเช่นเดียวกันเธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความสุขมันเป็นความรู้สึกที่ต่างจากตอนที่เธออยู่กับคนในครอบครัวของตัวเองเธอรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้อยู่กับพวกเขาเหล่านี้
คืนนี้กั๋วซือหรงไปพักที่บ้านของซูเสี่ยวซวีทั้งสองไปพักด้วยกันและเป็นเรื่องบังเอิญที่บ้านของจงหลิวชวนตั้งอยู่หลังบ้านของพวกเธอพอดีถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเธอแค่ตะโกนออกไป
ก็ได้แล้ว
ซูเสี่ยวซวีพูดคุยกับกั๋วซือหรงอยู่หลายเรื่อง
“ฉันอิจฉาเธอจริงๆ เสี่ยวซวี”กั๋วซือหรงพูด
“อิจฉาฉัน?”
“ใช่ เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ”กั่วซือหรงพูด “ไม่เหมือนกับฉัน”
“ซือหรง เธอมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากหรอก”กั๊วซือหรงยิ้ม
ในตอนที่พวกเธอคุยกันอยู่นั้นถั่วเจิ้งเหอก็โทรมาถามอาการพี่สาวของเขา เขารู้สึกสบายใจ
ขึ้นมากเมื่อได้ยินว่าพี่สาวของเขาได้รับการรักษาแล้วและปลอดภัยดี
ในเขตเหอที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“ลุงเสวี่ย ผมต้องการรู้ทุกเรื่องของเมี่ยวฉางเชิง”
“รับทราบครับ”
หลังจากผ่านช่วงเทศกาลไปแล้วกั๋วเจิ้งเหอก็โทรหาเสวี่ยซินหยวนที่อยู่ในปักกิ่งและได้มอบหมายงานให้อีกฝ่ายท่า
“ได้ครับ คุณชาย
เสวี่ยซินหยวนเริ่มงานทันทีที่ได้รับคําสั่งเขามุ่งหน้าสู่เทียนจินและไปพบเดี่ยวเฉิงถาง
“เมี่ยวฉางเชิง?”
“ใช่ ชื่อนี่แหละ”
“เขาเป็นลูกชายของเมี่ยวซีเหอครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูด“แล้วเขาก็เป็นลูกคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ด้วย”
“นายจะบอกว่า เดี๋ยวซีเหอที่ตอนนี้อายุเจ็ดสิบกว่าปีมีลูกชายอายุแค่ยี่สิบต้นๆอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณบอกว่าลูกชายของเมี่ยวซีเหออายุยี่สิบต้นๆเหรอครับ?”เมี่ยวเฉิงถางถามกลับ“ความจริงแล้วเมี่ยวฉางเชิงแก่กว่าผมด้วยซ้ำปีนี่เขาคงมีอายุอย่างน้อยก็ 35 ปีได้แต่เมี่ยวซีเหอคงจะใช้วิธีการพิเศษอะไรบางอย่างที่เป็นความลับของหุบเขาทําให้เขามีอายุยืนและไม่แก่”
“น่าอัศจรรย์จริงๆ”
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าเมี่ยวซีเหอเก่งขนาดไหน”
“เล่าเรื่องเมี่ยวฉางเชิงให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาเท่าไหร่”เมี่ยวเฉิงถางพูด“เลยรู้เรื่องของเขาไม่มากความจริงคน
ส่วนใหญ่ในหุบเขาแทบไม่รู้เรื่องของเขาเลยต่างหากดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนอย่าง
หนักจากพ่อของเขา ถ้าทําอะไรผิดพลาดเขาก็จะถูกขังเอาไว้ ก่อนหน้านี้เมี่ยวซีเหอเคยมีลูกอยู่อีกสองคนแต่ทั้งสองคนนั้นตายไปตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในหมู่บ้าน”
“อ๋อ”
“เอ่อ ผมเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามาก่อนด้วยดูเหมือนคนคนนั้นจะชื่นชอบผู้หญิงหน้าตาดีเป็นพิเศษน่ะครับ”
“ไม่ต้องพยายามพูดให้ดูดีก็ได้”เสวี่ยซินหยวนพูดกลั้วหัวเราะหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น
“แล้วเขาไม่ออกไปนอกหุบเขาเลยเหรอ?”
“เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูด“ความจริง คนในหุบเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเท่าไหร่เมี่ยวซีเหอเข้มงวดกับลูกชายของเขามากเขาคงกลัวว่าลูกของเขาอาจสร้างปัญหาอะไรก็ได้”
หลังจากที่ได้ข้อมูลมากพอแล้วเสวี่ยซินหยวนก็โทรไปหากั๋วเจิ้งเหอ
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วถั่วเจิ้งเหอก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องทํางานเขาก้มหน้าใช้ความคิด
เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร
เขาไม่สามารถปล่อยให้คนที่ทําร้ายพี่สาวของเขาลอยนวลไปได้ แต่เขาก็ยังคิดหาวิธีจัดการกับผู้ร้ายคนนี้ไม่ออกคนนั้นอาศัยอยู่ในหุบเขาพันโอสถที่ตั้งอยู่ในป่าลึกหลบซ่อนตัวอยู่ราวกับเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะไปเอาผิดกับอีกฝ่ายได้นั่นยิ่งทําให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก
“สักวัน ฉันจะต้องจัดการแกให้ได้”กั๊วเจิ้งเหอพึมพํากับตัวเอง”ไม่ว่าจะเพื่อครอบครัวหรือตัวเขาเองยังไงเขาก็ต้องจัดการกับคนในหุบเขานั้นให้ได้ในสักวันหนึ่ง