ตอนที่ 499 กลับจวนอ๋องอีกครา
“เหตุใดองครักษ์จึงบอกว่าเป็นเผ่าหมานอี๋…”
มู่จวินฮานยังมิทันถามจบอันหลิงเกอก็ชูป้ายห้อยเอวขึ้นมาทันที
“เป็นเจ้าเองหรือ ? ”
มู่จวินฮานแสดงท่าทางมิอยากเชื่อ แต่นี่คือเครื่องพิสูจน์สถานะตนเองได้ โดยทั่วไปแล้วมิสามารถมอบให้ผู้ใดก็ได้ เหตุใดอี๋เฉิงกู้จึงมอบให้นาง ? แล้วนางไปรู้จักอี๋เฉิงกู้ได้เยี่ยงไร ?
“เล่าไปก็คงยาว แต่เหตุใดจึงเปลี่ยนองครักษ์เจ้าคะ ? มีคนมิรู้จักพระชายาตั้งมากมาย เหอะ”
ทันทีที่ได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเยี่ยงนี้ มู่จวินฮานก็จนปัญญา ทว่านับแต่นั้นมาก็มีเรื่องที่ทำให้อันหลิงเกอต้องตกตะลึง
เนื่องจากมู่จวินฮานสั่งให้นำภาพของนางไปแขวนไว้ทั่วจวน ทั้งยังเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘พระชายามู่’ กำกับไว้
อันหลิงเกอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนให้มู่จวินฮานฟังซึ่งทำให้เขาแสดงท่าทีมิอยากเชื่อออกมา
ข่าวลือที่ว่าจ้าวหลานหยู่ตัดสัมพันธ์กับเผ่าหมานอี๋ในช่วงนี้เป็นเรื่องจริงหรือ ? อีกทั้งยังกล้าลงมือทำร้ายนางอย่างโจ่งแจ้งด้วย
“ความจริงก็มิได้เกี่ยวข้องกับข้ามากมายนัก ทว่าคงมีคนปรารถนาให้จ้าวหลานหยู่พังพินาศอยู่เงียบ ๆ เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอส่ายหน้าแต่ทั้งสองคนยังคิดมิได้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด
จ้าวหลานหยู่ระมัดระวังในการใช้คนมาโดยตลอด ดังนั้นคงมิใช่คนข้างกายของเขา จักใช่ฮ่องเต้หรือไม่ ?
แต่แล้วความเป็นไปได้นี้ก็ถูกมู่จวินฮานปฏิเสธอย่างรวดเร็วเพราะแม้ฮ่องเต้ควบคุมโอรสผู้ดื้อรั้นมิได้ ทว่าความจริงพระองค์ก็มิจำเป็นต้องทำลายเขาเช่นกัน
“ช่างเถิด ศัตรูของศัตรูก็ยังพอเป็นมิตรกันได้ มิว่าเขาเป็นผู้ใดเรื่องที่เกิดขึ้นก็มิได้ทำลายผลประโยชน์ของเรา”
อันหลิงเกอมิอยากคิดเรื่องเหล่านี้อีก หลายวันที่นางอยู่ในหอพิษกู่แห่งนั้นก็เพิ่งได้เข้าใจว่าต่อให้ทักษะการแพทย์เก่งกาจเพียงใด แต่ในช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายนี้ทักษะเรื่องพิษย่อมเหนือกว่า ตอนนี้นางจึงอยากศึกษาทักษะทางการแพทย์ให้ดีกว่านี้เพื่อสามารถทำลายพิษของหอพิษกู่ได้ทุกชนิด
ภายในหอพิษกู่นั้นหากมิใช่เพราะอาโผตั้งใจเตือน นางก็คงมิพบความลับของหอพิษกู่
นอกจากนี้ก็ยังมีความลึกลับของฟางหลิงซู่ นางสัมผัสได้ถึงอำนาจเผด็จการมากมาย ตอนนั้นนางไร้เรี่ยวแรงทั้งยังต้องต้านยาพิษภายใต้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายปี เช่นนั้นก็คงมิโดนผู้อื่นควบคุมโดยง่ายเยี่ยงนั้นหรอก
“ภายในเรือนฝูหลิงยังมีปี้จูคอยดูแล มิเคยมีคนนอกเข้าไป” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จวินฮาน นางก็อบอุ่นหัวใจ
แม้ตนจากไปทว่าเขายังเชื่อเสมอว่านางต้องกลับมา
เขามิได้สงสัยกิ่งมะกอกที่นางได้รับจากจ้าวหลานหยู่ว่าอาจเพราะเหตุผลนี้นางจึงจากไป
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานรู้สึกมิคุ้นเคยกับหอพิษกู่ ทันทีที่อันหลิงเกอออกไปแล้วเขาก็เรียกลูกน้องเข้ามา
“ไปตรวจสอบหอพิษกู่” เขาอยากรู้ว่าจ้าวหลานหยู่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหอพิษแห่งนี้
แม้มิรู้ว่าที่ตนคาดเดานั้นถูกต้องหรือไม่ แต่หลังจากตริตรองอย่างละเอียดแล้วถ้ามิเกี่ยวข้องเหตุใดจ้าวหลานหยู่จึงพาอันหลิงเกอไปทิ้งไว้ที่หอพิษกู่ แต่หากมีความเกี่ยวข้องแล้วเหตุใดจึงโดนเล่นงานเสียเอง ?
“ขอรับ”
นัยน์ตาของมู่จวินฮานฉายแววตาอันตราย แม้อันหลิงเกอมิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอันใดกับอีกฝ่าย ทว่าอย่างไรก็เป็นคนข้างกายเขา หากวางแผนเล่นงานคนข้างกายเขาเยี่ยงนี้ จ้าวหลานหยู่และหอพิษกู่ล้วนต้องชดใช้อย่างสาสม!
“ถวายพระพรองค์ชาย…”
“จวนอ๋องมู่เกิดอันใดขึ้นหรือ ? ”
แม้จ้าวหลานหยู่ในเวลานี้มิพอใจที่ได้รับการโจมตี แต่เมื่อคิดได้ว่าตนได้กำจัดอันหลิงเกอไปจากข้างกายมู่จวินฮานแล้วก็เท่ากับว่าได้กำจัดหอกข้างแคร่ทิ้งไปได้
“มู่จวินฮานกับพระชายามู่…” ทันทีที่ได้ยินคำว่าพระชายามู่ จ้าวหลานหยู่ก็ตัวสั่น จากนั้นก็รอให้อีกฝ่ายกล่าวต่อ
“พระชายามู่กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กลับมาแล้วหรือ ? เป็นไปมิได้หรอก
เขากดจุดรบกวนประสาทสัมผัสในการรับรสและกลิ่นของนางด้วยตนเอง เหตุใดนางยังสามารถหนีรอดจากหอพิษกู่ได้อีก ?
ยิ่งไปกว่านั้นนางมิได้สูญเสียความสามารถใดเลย แม้ว่านางมีความสามารถโดดเด่นแต่ก็มิควรออกมาจากหอพิษกู่ได้ แต่นางกลับมาแล้ว !
“เห็นกับตาใช่หรือไม่ ? ”
จ้าวหลานหยู่ขอคำยืนยันอีกครั้ง สายลับพยักหน้าเพราะเห็นอันหลิงเกอกลับเข้าจวนด้วยตาตนเอง
“ดูท่าแล้วอันหลิงเกอจักมีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้อีก ! หาโอกาสสังหารนางเสีย”
จ้าวหลานหยู่มิอยากเปิดเผยตัวตน แต่บัดนี้ตระหนักได้ถึงความสามารถของอันหลิงเกอ ดังนั้นจึงมิควรปล่อยให้นางอยู่ข้างกายมู่จวินฮานต่อไป
นางมีไหวพริบเยี่ยงนี้ถ้ายังอยู่ข้างกายมู่จวินฮานและคอยช่วยเสริมพลังให้เขา เกรงว่าจักรับมือได้ยากยิ่ง
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ออกไปได้”
นัยน์ตาของจ้าวหลานหยู่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม นางมีชีวิตรอดมาได้อีกทั้งยังกลับมาอยู่ข้างกายมู่จวินฮาน ดูท่าอันหลิงเกอผู้นี้คงตามติดมู่จวินฮานไปตลอดแน่
“ฮัดชิ่ว ! ”
อันหลิงเกอกำลังจัดระเบียบของในห้อง จู่ ๆ ก็จามออกมาโดยมิตั้งใจ
“พระชายาระวังลมหนาวด้วยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเข้าใจทักษะการแพทย์ย่อมรู้จักร่างกายของตนเป็นอย่างดี
“มิเป็นไร”
ปี้จูผู้นี้มิว่าใช้งานอันใดก็สามารถปฏิบัติได้อย่างราบรื่น
“เจ้าอยากเรียนวิชาแพทย์หรือไม่ ? ” เมื่อได้ยินอันหลิงเกอถามเยี่ยงนี้ ปี้จูก็เผยสีหน้าดีใจทันใด
“อยากเจ้าค่ะ…” นางเอ่ยปากอย่างเนิบช้าเพราะกลัวว่าจะดีใจเก้อ
ในโลกที่แสนวุ่นวายนี้ทำสิ่งไหนได้ย่อมเป็นเรื่องดี
“เช่นนั้นยังมิเรียกข้าว่าอาจารย์อีกหรือ ? ” ได้ยินอันหลิงเกอยินดีเยี่ยงนี้ ปี้จูจึงรีบเอ่ยปากทันใด
“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ! ”
ในเวลานี้อวี๋หมิงหลันยังมิได้เข้าพิธีสมรสกับจ้าวหลานหยู่อย่างสมบูรณ์ แต่ทุกคนก็รู้ว่านางเป็นเช่อเฟยของเจียงอ๋อง
ภายในจวนเจียงอ๋องมิเพียงแค่หลิงเซียวเท่านั้น ยังมีองค์หญิงจากชนเผ่าด้วย สำหรับอวี๋หมิงหลันแล้ว การเอาตัวรอดนั้นยากกว่าอยู่ในจวนอ๋องมู่เสียอีก
“เจ้ากำลังบอกว่าพระชายามู่กลับมาแล้วหรือ ? ”
เมื่ออวี๋หมิงหลันได้ยินสาวใช้รายงานข่าวที่ได้ยินมาจากจ้าวหลานหยู่ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
“ใช่เจ้าค่ะ”
สีหน้าของอวี๋หมิงหลันแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด นางมิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอมิได้รับอันตรายทั้งที่จ้าวหลานหยู่ก็พยายามทำร้ายถึงเพียงนั้น
“จริงสิ หลิงเซียวเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
อวี๋หมิงหลันรู้ว่าจ้าวหลานหยู่มีเช่อเฟยมาโดยตลอด แต่บัดนี้นางกลายเป็นสตรีที่อยู่เคียงข้างจ้าวหลานหยู่แล้วเช่นกัน เมื่อเข้ามาก็ต้องอยู่อย่างมีความสุข นางต้องคิดหาทางส่งเสริมตำแหน่งของตนจึงจักเพียงพอต่อการปกป้องตัวในวันข้างหน้า
“ไร้การเคลื่อนไหวอันใดเจ้าค่ะ”
สาวใช้มิกล้ามองหน้าอวี๋หมิงหลันเพราะหลิงเซียวเช่อเฟยผู้นั้นปกติแสนดีกับพวกตนมาก คงมิมีการเคลื่อนไหวอันใดจริง
“เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว”
“วันนี้นางก็ถามถึงข้าอีกแล้วหรือ ? ”
สาวใช้ผู้นั้นเพิ่งออกจากเรือนของอวี๋หมิงหลันได้มินานก็ตรงไปยังเรือนของหลิงเซียวทันที
“เจ้าค่ะ”
“อืม ไปรับรางวัลเถิด”
นัยน์ตาของหลิงเซียวเปล่งประกายเล็กน้อย มองออกชัดเจนว่ามิใช่คนที่สามารถยั่วยุได้ง่าย เมื่อสาวใช้ออกไปแล้วนางก็หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ
‘เรียนพี่หญิง อวี๋หมิงหลันอยู่ในจวนเจียงอ๋องอย่างปลอดภัยดีเจ้าค่ะ’
หลังตอบจดหมายของหลิงอวี่หนิงไปแล้ว หลิงเซียวจึงนั่งลงอย่างวางใจ
ภารกิจลอบสังหารอวี๋เฉิงกู้นั้นเป็นฝีมือของนาง
นางมิได้ต้องการทำร้ายจ้าวหลานหยู่เพราะอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน นางแค่ปรารถนาจัดการกับอวี๋หมิงหลันเท่านั้น
นางได้ยินอวี๋หมิงหลันและจ้าวหลานหยู่เอ่ยถึงเรื่องเผ่าหมานอี๋โดยมิได้ตั้งใจ
นางย่อมรู้แก่ใจว่าหากสร้างเหตุการณ์ที่มิเหมาะสมต่อจ้าวหลานหยู่และเผ่าหมานอี๋ เช่นนั้นอวี๋หมิงหลันก็จักบาดหมางกับจ้าวหลานหยู่ นางยอมให้ผู้อื่นได้ตัวจ้าวหลานหยู่ไปมิได้ ! มิว่าเป็นองค์หญิงจากชนเผ่าหรืออวี๋หมิงหลันก็มิได้ทั้งนั้น