เสียงหัวเราะแสบแก้วหู อาจจะเป็นเพราะว่าถูกทรมาน เสียงของโม่หยุนเฟยก็เลยแหบฟังไม่ได้เลยแบบนี้

ลู่ฝานนั่งยองลงไป มองโม่หยุนเฟยนิ่งๆ “นายรอฉันไม่ยอมตาย เพื่ออยากจะบอกเรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ? ฉันต้องขอบใจนายหรือเปล่า ที่เอาเรื่องนี้มาบอกฉัน”

โม่หยุนเฟยหัวเราะเสียงเย็นชา ใช้แรงทั้งหมดขยับตัวมานิดหน่อยแล้วพูดว่า “ไม่ ลู่ฝาน นายไม่รู้หรอกว่าสำนักโลหิตพิฆาตมันหมายความว่าอย่างไร นั่นเป็นสำนักที่มีผู้แข็งแกร่งแดนปราณชีวิต พอมีชื่อเสียงในเขตตงหวา เป็นสำนักที่รับฆ่าคนโดยเฉพาะ ถึงแม้คนของสำนักโลหิตพิฆาตจะมีไม่มาก แต่ว่าสามัคคีกันมาก นายไปฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับแดนปราณนอกชั้นสุดยอดสองคน ผู้แข็งแกร่งระดับแดนปราณนอกสามคน พวกเขาจะต้องยกกำลังกันมาหมดแน่นอน พอถึงตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงตระกูลลู่เล็กๆ นี่หรอก ต่อให้เป็นทั้งเมืองเจียงหลิน ก็จะต้องถูกเข่นฆ่าไปด้วย และทุกอย่างมันเป็นเพราะนาย”

โม่หยุนเฟยหัวเราะลั่น ราวกับจะหัวเราะให้กับความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาในตัว

ไม่นาน โม่หยุนเฟยก็พูดต่อ “นายกลัวแล้วล่ะสิ รู้ว่าร้ายแรงแล้วใช่ไหม ฉันได้ยินลู่หมิงพูดว่า นายกวาดล้างตระกูลโม่ฉันหมดแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ตระกูลลู่ของพวกนายก็จะต้องตายตามไปด้วย ฉันจะรอมองดูแววตาของนายค่อยๆ จางหายไป ฉันจะรอดูความหวาดกลัวในสายตาของนาย ที่สุดท้ายต้องถูกความสิ้นหวังกลืนกิน ฉันจะคอยดูตระกูลลู่สิ้นซากด้วยตาฉันเอง นอกเสียจากนายจะฆ่าฉันก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะได้เห็นสำนักโลหิตพิฆาตมาช่วยแก้แค้นแทนตระกูลโม่ของพวกเราแน่นอน”

ลู่ฝานก็ยิ้ม เข้าไปใกล้โม่หยุนเฟยอีกนิด แล้วพูดว่า “โม่หยุนเฟย นายมองดูให้ชัดเจน ว่าสายตาของฉันมันมีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยหรือไม่? ฉันกลัวหรือเปล่า?”

ดวงตาแดงก่ำของโม่หยุนเฟยจ้องมองดูตาของลู่ฝาน โม่หยุนเฟยก็พบว่า เขาเห็นแต่ความมั่นใจกับตั้งมั่น

ลู่ฝานลุกขึ้น แล้วก้มมองดูโม่หยุนเฟย พร้อมพูดว่า “ที่มาวันนี้ เพราะอยากจะมาถามนายหน่อย ว่าไปเชิญผู้แข็งแกร่งพวกนั้นมาจากไหน เป็นคนที่ซิงยวนของคณะหยินหยาส่งมาหรือเปล่า อืม ตอนนี้นายได้ตอบฉันไปแล้ว ว่าเป็นสำนักโลหิตพิฆาต ดูเหมือนว่าสำนักนี้ ไม่ควรอยู่รอดต่อไปแล้วล่ะ”

โม่หยุนเฟยกัดฟันพูดว่า “ลู่ฝาน นายอย่าบ้าไป นายพูดถูกต้อง เป็นคนที่ซิงยวนส่งให้ฉันมาเอง ด้วยอำนาจของฉัน ไปเชิญผู้แข็งแกร่งของสำนักโลหิตพิฆาตมาไม่ได้หรอก ศัตรูนายมันมีมาก แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่านาย สักวันนายก็ต้องเป็นเหมือนกับฉัน ไม่สิ จะต้องอนาถกว่าฉันแน่นอน ตายอย่างน่าสงสารยิ่งกว่าฉันแน่นอน”

โม่หยุนเฟยตะโกนตอนสุดท้ายก็ได้เสียสติไปแล้ว ลู่ฝานก็ลุกขึ้นเดินกลับไป

ลู่ฝานเอามือตบหลังคนรับใช้สองคนนั้นเบาๆ พูดว่า “ดูแลเขาให้ดี ทรมานให้หนักที่สุดแต่อย่าให้ตาย”

คนรับใช้พยักหน้าอย่างเข้าใจ คนเฝ้าคุกใต้ดินอย่างพวกเขา มีใครบ้างไม่รู้วิธีทรมานคนที่หลากหลาย

โม่หยุนเฟยอยู่ในมือของพวกเขา จะได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดแน่นอน

พอออกมาจากคุกใต้ดิน ก็เจอกับศิษย์พี่หานเฟิงที่กำลังพาเจ้าดำเดินเล่นอยู่พอดี

หลายวันนี้ ศิษย์พี่หานเฟิงเป็นคนที่ว่างงานมากที่สุดในตระกูลลู่

วันๆ เอาแต่พาเจ้าดำไปหาของกินในที่ต่างๆ เที่ยวเล่นไปเรื่อย อย่างไรเสียเหรียญทองที่ลู่ฝานให้เขาไว้ ต่อให้เขาใช้ไปหลายเดือนก็ใช้ไม่หมด หานเฟิงเที่ยวเล่นอย่างมีความสุข ลองออกไปสืบข่าวดู ตอนนี้เหล่าโรงน้ำชาร้านเหล้าต่างในเมืองเจียงหลินมีใครบ้างไม่รู้จักชื่อของหานเฟิง

ใช้จ่ายเงินทีไร จ่ายหนักทุกที ถ้าไม่ใช้เงินตัวเอง ก็ไม่รู้จักเสียดายหรอก

พอเห็นลู่ฝาน หานเฟิงก็ยิ้มแก้มปริ “ศิษย์น้องลู่ฝาน วันนี้ไม่ยุ่งหรือไง ไปกัน ไปเดินเล่นกับศิษย์พี่หน่อย วันนี้ลาวจางที่ฝั่งตะวันออกของเมืองบอกว่ามีกับข้าวมาใหม่ พวกเราไปลองชิมกัน”