ลู่ฝานส่ายหัวพูดว่า “ฉันไม่ไปแล้วล่ะ ศิษย์พี่ฟานเฟิง ฉันจะบอกอะไรกับศิษย์พี่เรื่องหนึ่ง ศิษย์พี่จะต้องช่วยฉันนะ”

หานเฟิงเอามือทุบอกพูดว่า “พี่น้องกันเอง มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเลย ถ้าศิษย์พี่ช่วยได้ จะช่วยเต็มที่แน่นอน!”

ลู่ฝานก็เล่าเรื่องของสำนักโลหิตพิฆาตออกมา

พอได้ยินคำว่าสำนักโลหิตพิฆาต สีหน้าของหานเฟิงก็ดูไม่จืดทันที

“ศิษย์น้องพูดถึง สำนักโลหิตพิฆาตใช่ไหม?” อย่างนั้นก็ลำบากหน่อยแล้วล่ะ

ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่รู้จักสำนักโลหิตพิฆาตงั้นหรือ?”

หานเฟิงพยักหน้าเบาๆ “ตอนที่ฉันเพิ่งมาอยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊ เคยผ่านเขตพื้นที่ของสำนักโลหิตพิฆาต ได้ยินว่านี่เป็นสำนักที่เอาแต่เงินไม่รักชีวิต ในสำนักมียอดฝีมือหลายคน เคยสู้กับอาของฉันด้วย มีฝีมือไม่เบา สุดท้ายถ้าไม่ใช่เพราะอาของฉันเอาชนะพวกนั้นได้สองกระบวนท่าล่ะก็ เกรงว่าฉันก็คงจะต้องเสียเปรียบให้กับสำนักโลหิตพิฆาตเหมือนกัน ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ฉันกลับไปตระกูลไม่ได้ ฉันจะรีบพาคนไปกำจัดพวกโจรภูเขาพวกนี้เสียให้เรียบ”

ลู่ฝานรีบถามต่อว่า “ศิษย์พี่ อาของพี่มีพลังระดับไหน?”

หานเฟิงพูดว่า “แดนปราณชีวิตชั้นเจ็ด ถ้าสู้เต็มที่ ยังพอสู้กับนักบู๊ระดับแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอดได้”

ลู่ฝานก็ใจเต้นทันที

เมื่อครู่นี้เขายังไม่คิดอะไร เพราะว่าเขาคิดว่าคนของสำนักโลหิตพิฆาตเป็นแค่นักบู๊ระดับแดนปราณชีวิตชั้นต้นเท่านั้น แต่ถ้าเป็นนักบู๊ระดับนั้นจริงๆล่ะก็ เขาเองก็ยังพอรับมือได้

“ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างน้อยสำนักโลหิตพิฆาตก็มีนักบู๊แดนปราณชีวิตชั้นเจ็ดขึ้นไป”

หานเฟิงพยักหน้าพูดว่า “ถูกต้องแล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อหลายปีที่แล้วนะ ตอนนี้จะได้ระดับแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอดก็ไม่แปลก ศิษย์น้องลู่ฝาน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”

ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆ นักบู๊แดนปราณชีวิตชั้นสุดยอดคนหนึ่ง สามารถกวาดล้างเมืองเจียงหลินของเราได้จริงๆ”

หานเฟิงกัดฟันพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ถ้าไม่ไหว ตอนนี้ฉันก็จะรีบกลับไปสถาบันสอนวิชาบู๊ ให้อาจารย์มาคนหนึ่ง คิดว่าจะทันไหม”

ลู่ฝานครุ่นคิด แล้วพูดว่า “ให้ฉันคิดก่อน”

ในหัวฉุกคิดไปมา ลู่ฝานก็เรียกเจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัว “ไอ้เก้า นายมีวิธีอะไรไหม? มีแผนอะไรที่ทำให้ฉัมสามารถรับมือกับผู้แข็งแกร่งแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอดไหม?”

เสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็ดังขึ้นทันที “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ท่านจะรับมือกับผู้แข็งแกร่งแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอดอย่างนั้นหรือ? พระเจ้าช่วย เจ้านายนี่ช่างมีใจกล้ามากเลยจริงๆ ใจสูงกว่าฟ้า กล้าแกร่งกว่าผืนทะเลเสียอีก”

ลู่ฝานก็ด่าในใจว่า “อย่ามัวพูดมาก เร็วหน่อย มีวิธีอะไรไหม?”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหัวเราะคิกคักพูดว่า “มี มีแน่นอน ตั้งแต่สมัยโบราณมา คนอ่อนแอปะทะกับคนแข็งแกร่งกว่า สู้ตรงๆ มันจะยาก ตั้งรับยังพอไหว ค่ายกลไง เจ้านาย ตอนนี้ท่านจะต้องตั้งค่ายกล อืม ใช้ค่ายกลหยินหยางเป็นพื้นฐาน แล้วก็ตั้งค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้า ต่อให้มันมีนักบู๊แดนปราณชีวิตมากแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงมองค่ายกลไม่ออก ก็อย่าหวังว่าจะทำร้ายเจ้านายได้แม้แต่น้อย”

ลู่ฝานก็ตาเป็นประกายทันที หานเฟิงเห็นลู่ฝานดีใจ เลยรีบถามว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน มีแผนอะไรแล้วงั้นหรือ?”

ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ เสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวก็ดังขึ้นอีก

“เจ้านาย ท่านว่าแผนนี้เป็นไงบ้าง ตั้งค่ายกลเสวียนเหล็กเจดีย์เก้าให้ทั่วเมืองก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องใช้วัสดุอะไรนิดหน่อย”

ลู่ฝานรีบถามว่า “ต้องการวัสดุอะไร?”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตอบว่า “เหล็ก เหล็กจำนวนมาก ยิ่งเยอะยิ่งดี ยิ่งเยอะค่ายกลก็จะยิ่งแข็งแกร่ง เป็นไง เป็นวัสดุที่หาง่ายใช่ไหม”

ลู่ฝานก็รีบตอบ “ได้ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”

หานเฟิงได้ยินลู่ฝานพูดออกมา ก็จ้องมองไปยังลู่ฝาน

“ศิษย์น้องลู่ฝาน นายตกลงอะไรงั้นหรือ?”