ในที่สุดเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ปล่อยมือของนาง แต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลิงฮันแทนและกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น ซึ่งหลิงฮันสามารถรับรู้ได้ว่านางกำลังสั่นเทาอยู่
ผู้หญิงคนนี้มีด้านที่อ่อนแอด้วย?
ความจำเสื่อมสามารถทำให้นิสัยของคนเปลี่ยนได้ด้วย? หรือว่ามันเป็นนิสัยอีกด้านหนึ่งของนาง?
หลิงฮันไม่รู้และไม่สน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือจะหลีกเลี่ยงความเป็นจริงนี้ได้อย่างไร นางเป็นเหมือนกับระเบิดเวลา เมื่อความทรงจำของนางกลับมา มันก็จะระเบิด ถ้าคิดถึงเรื่องนั้น เขาก็ไม่สามารถหลับนอนได้เป็นสุข
“สาวน้อยเผ่าใต้สมุทร เจ้าลองวิ่งให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าวิ่งได้ไวแค่ไหน” หลิงฮันกล่าวขณะพานางออกห่างจากเหมือง หากอีกฝ่ายได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์ เขาอาจกลายเป็นศพได้
“อืม!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้าและพูดออกมาด้วยความแปลกใจ “ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าว่าสาวน้อยเผ่าใต้สมุทรหรือ?”
“ข้าอยากจะเรียก!” หลิงฮันจ้องมองนาง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจู่ๆก็ร้องไห้ออกมาและพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องที่จะทำร้ายข้าด้วย?”
หลิงฮันกัดฟัน นางอยากจะร้องไห้เมื่ออยากร้อง แต่ทำไมต้องใช้มือบีบคอของเขาด้วย? นางไม่รู้หรือว่ามันสามารถฆ่าคนได้? มันเป็นระเบิดเวลาที่เขาไม่กล้าทิ้งมันไป มิฉะนั้น ถ้านางอาละวาด แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ทำอะไรไม่ได้
นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขา ทักษะบ่มเพาะกายาของนางเองก็เป็นระดับสวรรค์ด้วย?
“ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า เข้าใจไหม?” หลิงฮันถอนหายใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก่อนหน้านี้ นางไม่ได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เลย แม้จะพาอีกฝ่ายไปที่หลุมก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังที่อยู่ติดตัวนาง นางคงจะตายไปแล้ว
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่สามารถโคจรพลังก่อเกิดได้ แต่มันก็ยังดูเหมือนว่านางจะเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่เหนือหลิงฮัน ซึ่งหลิงฮันเองก็ไม่เข้าใจ
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ร่างกายของหลิงฮันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่หนาวเย็น ยิ่งเขาสัมผัสเนื้อสัมผัสตัวของนางมากเท่าใด หญิงสาวคนนี้ก็จะโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเท่านั้น เมื่อความทรงจำของนางกลับคืนมา! ยิ่งไปกว่านั้น หน้าอกที่แบนราบของนางมันดูน่าสงสารมาก
“ไปได้แล้ว!” เขาออกแรงที่เท้า และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกระโดดตามไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าหลิงฮันเสียอีก ตอนแรกนางรู้สึกตกใจที่นางสามารถกระโดดได้สูงขนาดนี้ แต่ในไม่ช้านางก็รู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลิงฮันถอนหายใจ ถ้าอีกฝ่ายรวดเร็วขนาดนี้ การฆ่าเขาคงไม่ใช่ปัญหา
ในหัวใจของเขายังมีความคิดที่ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนงดงามอยู่อีกหรือไม่? แม้ว่าอีกฝ่ายจะความจำเสื่อม แต่ความทรงจำที่นางได้รับตอนนี้จะส่งผลต่อนางในอนาคต ซึ่งเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หรือว่าเขาจะต้องสั่งสอนนางด้วยตัวเอง?
เมื่อพวกเขาสองคนวิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่หยุดพัก ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่ตระกูลหลิงอาศัยอยู่ในเมือง
หลิงฮันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มันเสี่ยงมากที่จะพานางกลับมาบ้าน แต่เพื่อปลูกฝังให้ผู้หญิงคนนี้มีความคิดในเรื่องสันติภาพและความสุข เขาต้องทำให้นางได้สัมผัสกับความเอาใจใส่
พวกเขาเข้าไปในตระกูลหลิง และเมื่อคนรับใช้เห็นหลิงฮัน พวกเขาทุกคนแสดงความเคารพออกมาจากใจทันที ซึ่งแตกต่างจากคนรับใช้ของคนอื่น จากนั้น หลิงตงซิงและเย่วฮงฉางก็วิ่งออกมา บุตรชายของพวกเขาหายไปหลายวัน มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกพลัดพรากกันมาหลายปี
“นางคือ…” เย่วฮงฉางรู้สึกตกใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนแคว้นอัคคีเพิ่งถูกบุกรุก แต่ลูกชายของนางกับกลับมาพร้อมกับภรรยาที่งดงาม ไม่สิ นางดูเขินอายเสียมากกว่าถึงจับเสื้อของลูกชายนางไว้แน่น
โอ้ว นางช่างงดงามยิ่งนัก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแตกต่างจากคนทั่วไป รูปร่างของนางก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะต้นขา มันเรียวมาก และบั้นท้ายที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
แต่ว่าหน้าอกของนางดูเล็กไปหน่อย!
ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แม้นางจะมีบุตรและไม่มีน้ำนมให้ดื่มก็ตาม
เย่วฮงฉางคิดเรื่องต่างๆมากมายอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นใบหน้าของนางเบ่งบานเหมือนกับดอกไม้และเดินไปหาพวกเขาทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ?”
“ข้าชื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน” องค์หญิงเผ่าใต้สมุทรกล่าว
“เชิญเข้ามาในบ้านได้เลย!” เย่วฮงฉางจับมือของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเพื่อจากไป แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะสอนวิธีควบคุมลูกชายของนาง
หลิงตงซิงตบไปที่ไหล่ของหลิงฮันอย่างเห็นอกเห็นใจ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นหลิงฮันได้พาฮูหนิวออกมา เมื่อเด็กสาวตัวน้อยเห็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน นางแสดงสีหน้าดุร้ายออกมาทันที ผู้หญิงคนนี้ทำให้นางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แข็งแกร่ง ซึ่งอยากทำให้นางกระโดดเข้าไปกัดคอของอีกฝ่าย
“ไปกินข้าวกันเถอะ” หลิงฮันยิ้ม
ฮูหนิวฉีกยิ้มออกมาทันทีและปล่อยนางไป
เผ่าใต้สมุทรแน่นอนว่าไม่หยุดเพียงเท่านี้ นั่นเป็นเพราะ “การตาย” ขององค์หญิงจะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น แต่การต่อสู้ในเหมืองนั้นแม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิก็ยังสามารถรู้สึกถึงได้ ถ้าเผ่าใต้สมุทรมาเพื่อตรวจสอบ มันก็เป็นเหมือนกับการคว้าน้ำเหลว
มันมีแมงมุมยักษ์สีเงินอยู่ในหลุมนั่น แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้
แต่สิ่งที่หลิงฮันกังวลคือเหมืองโบราณ
ด้านล่างเหมืองมันฝังอะไรอยู่กันแน่?
เขาไม่เชื่อว่ามันจะมีแค่ศพสิบสองศพและแมงมุมยักษ์สีเงินหนึ่งตัว
ถ้าเขาอยากรู้ว่าอะไรถูกฝังอยู่ใต้เหมืองโบราณ เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์และใช้พลังของหอคอยทมิฬ เพื่อทะลวงผ่านระดับทลายมิติ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้
หลิงฮันวางแผนที่จะอยู่บ้านแค่สิบวันเท่านั้น แล้วออกเดินทางสู่ภูมิภาคกลาง
ส่วนหลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางตัดสินใจที่จะพักอยู่กับครอบครัวตระกูลหลิวและรอหลิงฮันกลับมา นั่นเป็นเพราะอย่างแรกเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลัง และอย่างที่สองเพื่อปกป้องตระกูลหลิง
ภายใต้การชี้แนะของหลิงฮัน ความสามารถในศาสตร์ปรุงยาของหลีซื่อฉางเองก็พัฒนาขึ้นมาก แต่ติดอยู่ที่ระดับบ่มเพาะพลังของนางต่ำเกินไป มิฉะนั้นนางคงกลายเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงไปแล้ว
ส่วนกว่างหยวนและชูหวู่จิวเองก็ถูกหลิงฮันทิ้งไว้ที่นี่เพื่อปกป้องตระกูลหลิง ความสามารถด้านวรยุทธของพวกเขานั้นมีขีดจำกัด พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีเพื่อทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน มันคงจะดีกว่าที่จะอยู่บ้านตระกูลหลิงเพื่อฝึกฝน
สิบวันต่อมา หลิงฮันพาฮูหนิว…และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมุ่งหน้าไปที่เมืองหยางสวรรค์
สาวน้อยเผ่าใต้สมุทรดูแปลกประหลาด แม้ว่านางจะเรียกเย่วฮงฉานว่า “แม่” แล้ว แต่นางเป็นเหมือนนกเพิ่งเกิด และคนแรกที่นางเห็นคือหลิงฮัน นางจึงติดหลิงฮันมาก