เสียดายก็แต่…ทั้งหมดนี้กลับไม่อาจทำตามอย่างที่คิดเอาไว้ได้ พระชายาเพิ่งผ่านเหตุการณ์ลอบสังหารไปได้ไม่นาน ติ้งอ๋องย่อมไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ได้แน่ ที่นางตื่นตระหนกเมื่อครู่ก็ส่อแววพิรุธออกมาแล้ว ระหว่างทางกลับมานั้นนางก็รู้ได้ว่าด้านหลังมีคนของติ้งอ๋องตามนางมา แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองนานอยู่ตลอดเวลา นางรู้ดี…ตระกูลไป๋จบสิ้นแน่แล้ว ซ้ำตัวนางเองยังพลาดโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในการแก้แค้นแทนลูกสาวนี้ไปอีกด้วย ในใจนางไม่เป็นสุขเลยสักนิด…
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ไป๋อวิ่นเฉิงถามอย่างร้อนใจ นี่เกี่ยวกับความเป็นความตายของตระกูลไป๋ เขาจึงอดกังวลไม่ได้
ไป๋ฮูหยินคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองเขาแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าท่านอยากจะรู้ว่าวันนี้ข้าไปพูดคุยอะไรกับพระชายาติ้งอ๋องหรือ ข้าไม่ได้กล่าวอะไรทั้งนั้น…เพราะว่า เดิมทีข้าอยากจะไปฆ่านาง แต่ แต่เป็นม่อซิวเหยาที่คอยอยู่เฝ้าอยู่ข้างกายนางตลอด ซ้ำรอบข้างก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือมากมาย ข้าจึงไม่มีโอกาสได้ทำ…”
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” ไป๋อวิ่นเฉิงเบิกตาโพรงอย่างหวาดผวามองไป๋ฮูหยิน “เจ้าทำอะไรลงไปรู้บ้างหรือไม่ เจ้าอยากให้ตระกูลไป๋จบสิ้นหรือ”
ไป๋ฮูหยินหัวเราะเสียงดัง แววตาล่องลอย “ลูกสาวก็เสียไปแล้ว ข้าจะต้องการตระกูลไป๋ไปอีกทำไม นายท่าน ชิงหนิงเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเรานะ นางถูกม่อซิวเหยาฆ่าตายเช่นนี้ ท่านกลับไม่กล่าวอะไรแม้สักคำเดียว ซ้ำยังเอาแต่คิดหาวิธีเอาอกเอาใจคนที่ฆ่านาง ท่านมีหัวใจบ้างหรือไม่ ทุกวันนี้ข้า…ทุกวันนี้ข้าได้ยินแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญของลูก นางบอกว่าถูกใส่ร้าย บอกว่าไม่อยากตาย…นางอยากให้ข้าแก้แค้นแทนนาง…”
ไป๋อวิ่นเฉิงผลักนางออก กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากข้าไร้หัวใจ หลายปีมานี้ไม่ได้มีเพียงลูกสาวคนเดียวที่ตายไป มีเสี่ยวชี เสี่ยวจิ่ว สือเอ้อร์ที่ถูกติ้งอ๋องฆ่าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอีก เหตุใดไม่เห็นเจ้าเจ็บปวดบ้าง พวกเขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลไป๋หรือ”
“พวกเขาเป็นเพียงลูกคนใช้เท่านั้น มีค่าอะไรให้เจ็บปวดกัน จะยกขึ้นมาเทียบกับหนิงเอ๋อร์ของข้าได้อย่างไร!” ไป๋ฮูหยินกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกของคนใช้พวกนั้นเป็นแค่เพียงทายาทสายรอง จะมาเทียบกับลูกสาวที่ชาติตระกูลสูงส่งของนางได้อย่างไร ลูกสาวของนางเป็นได้ถึงพระสนม ฮองเฮา เป็นเพราะ…เป็นเพราะไป๋อวิ่นเฉิงทั้งสิ้น! หากเขาไม่คิดส่งลูกสาวเข้าตำหนักติ้งอ๋อง ลูกสาวนางจะตายได้อย่างไร
“ข้าไม่อยากจะพูดอะไรกับภรรยาที่เสียสติอย่างเจ้าแล้ว!” ไป๋อวิ่นเฉิงกล่าวอย่างโมโห เหตุใดเขาไม่เคยนึกมาก่อนบ้างว่าคนที่ถ่วงมือถ่วงเท้าตัวเองก็คือภรรยาเอกที่เขาพออกพอใจมาโดยตลอดคนนี้ ยามนี้ไป๋อวิ่นเฉิงไม่อยากจะสนใจไป๋ฮูหยินอีกต่อไปแล้ว จึงหันหลังเดินไปทางห้องหนังสือ เขาต้องหาคนมาปรึกษาเรื่องที่ควรจะทำต่อจากนี้ ได้แต่หวังว่าภรรยาคนนี้จะไม่แสดงพิรุธอะไรให้ติ้งอ๋องจับได้อีก ไม่เช่นนั้นตระกูลไป๋คงได้จบสิ้นแน่แล้ว
มองดูไป๋อวิ่นเฉิงกลับไปโดยไม่หันมามอง ไป๋ฮูหยินก็ไม่เอามาใส่ใจ นางเดินกระเซอะกระเซิงกลับไปที่เรือนของตนโดยไม่สนใจสายตาอันตกตะลึงของบ่าวไพร่ที่มองมา
ภายในห้องของไป๋ฮูหยินมืดสลัวเสียจนไม่เหมือนห้องของนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลอันดับหนึ่งของใต้หล้า พอเข้ามาในห้องได้นางก็ไล่สาวใช้ข้างกายออกไปแล้วปิดประตูห้อง เข้ามาถึงด้านในสุดของห้องที่ผ้าม่านห้อยลงมา ด้านบนมีอักษรเขียนไว้ว่า ‘ตำแหน่งที่วิญญาณของไป๋ชิงหนิงลูกสาวสุดที่รักสถิตอยู่’
ไป๋ฮูหยินมองดูป้ายบนโต๊ะนั้นอย่างอาลัยรัก ยกมือขึ้นลูบเบาๆ ทำราวกับว่านี่ไม่ใช่แผ่นป้ายไม้อันเย็นเยียบแต่เป็นลูกสาวที่สูงส่งสง่างามของนางคนนั้น
“หนิงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ เป็นแม่เองที่ไร้ประโยชน์…แม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ ยามนี้กระทั่งคิดแก้แค้นแทนลูกแม่ก็ยังทำไม่ได้ หนิงเอ๋อร์เด็กดี แต่ไหนแต่ไรมาพ่อเจ้าก็ไม่สนใจใยดี แต่แม่จะจดจำลูกเอาไว้ ไปสู่สุขคติเถิดลูก แม่จะแก้แค้นให้ลูกให้ได้ ลูกไม่ต้องมาเข้าฝันแม่อีกแล้ว…” ไป๋ฮูหยินพูดคุยกับป้ายวิญญาณลูกสาว น้ำเสียงค่อยๆ กลายเป็นสะอึกสะอื้น หลังจากที่บุตรสาวได้จากโลกนี้ไป ไป๋ฮูหยินก็หลับไม่เคยสนิทอีกเลย หลับตาคราใดก็เห็นแต่ภาพลูกสาวในอิริยาบถต่างๆ ปรากฏขึ้นมา ที่ทำให้ตกใจที่สุดก็คือภาพที่ลูกสาวของนางโดนทรมานร้องไห้โหยหวน ที่ปลุกนางให้ตื่นขึ้นจากฝันร้ายด้วยความผวาตกใจ
ตั้งแต่ไป๋ชิงหนิงจากไป ไป๋ฮูหยินไม่กล้าดูศพของนางแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าคนใช้ที่บรรจุศพนางใส่โลงจะบอกว่าคุณหนูดูเหมือนจะจากไปอย่างไม่ทุกข์ทรมานอะไร แต่ไป๋ฮูหยินก็ยังไม่อาจทำใจมองดูได้ อันที่จริงแล้วในใจนางแฝงด้วยความละอายใจและไม่เป็นสุข ยามติ้งอ๋องกำลังจะฆ่าชิงหนิงนั้นนางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้แม้แต่จะขอความเมตตาแทนลูกสาว ทำเพียงยืนมองดูลูกสาวโดนคร่าชีวิตไป บางครานางก็ฝันเห็นบุตรสาวของตนเลือดท่วมตัวมาเรียกร้องขอชีวิตคืน ภายใต้ความกดดันอันแสนทรมานนี้ ความแค้นที่ไป๋ฮูหยินมีต่อตำหนักติ้งอ๋องยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ฆ่าเยี่ยหลี…เพียงแค่ฆ่าเยี่ยหลีเพื่อแก้แค้นให้ชิงหนิง ชิงหนิงก็คงจะยกโทษให้นางแล้วกระมัง
มุมอับที่ด้านนอกประตู องครักษ์ลับสองนายได้ยินที่ไป๋ฮูหยินกล่าวออกมาอย่างชัดเจน คนหนึ่งส่งสายตาไปให้อีกคน
คุณชายเฟิ่งซานสั่งไว้ว่า หากไป๋ฮูหยินคิดร้ายต่อพระชายาจริงก็ให้ฆ่าเสีย
อีกคนพยักหน้าตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ต้องฆ่าแน่นอน หากนางทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ท่านอ๋องคงได้เสียสติเป็นแน่ พวกเราคงไม่อยากจะรับอารมณ์ของท่านอ๋องยามโกรธแค้นหรอก
องครักษ์สองนายส่งสายตาเย็นเยียบหากัน ขณะเดียวกันก็มองไปยังภายในห้องที่มีไป๋ฮูหยินกำลังพึมพำๆ อยู่
ไป๋ฮูหยินพูดคุยกับป้ายวิญญาณลูกสาวอยู่นานก็หยุดลง พอหันกลับมาพลันรู้สึกหน้าท้องเย็นวาบ จากนั้นความเจ็บปวดบาดลึกฝังใจก็ซึมแทรกไปจนถึงกระดูก นางจ้องมองอย่างตกตะลึงไปยังชายชุดดำที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกริชที่ปักเข้ามาที่หน้าท้องของตน แววตาของไป๋ฮูหยินเต็มไปด้วยความหวาดผวา
ไม่ นางยังไม่อยากตาย!
“จากไปอย่างสงบเถิด ลูกสาวเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่ถนนยมโลก” องครักษ์กล่าวด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่ในมือกลับส่งแรงแทงเข้าไปอย่างไม่ปรานี เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากไป๋ฮูหยินแล้วหยดลงบนมือเขา ในที่สุดดวงตาที่เบิกกว้างของไป๋ฮูหยินก็ค่อยๆ หม่นแสงลง