กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 535

รูเบนไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมปู่ของเขาถึงเคารพชาร์ลีมากขนาดนี้

นายท่านมัวร์ถือว่าชาร์ลีเป็นพระเจ้า เหตุผลของเขาคล้ายกับเหตุผลที่แอนโธนีให้ความเคารพชาร์ลีมาก ทั้งสองคนเป็นคนขรา ยิ่งพวกเขารู้ชะตากรรมที่จะมาถึงของพวกเขามากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกลัวมันมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม รูเบนอายุยังไม่ถึงสามสิบปี และถ้าใครบอกเขาว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกห้าปีหลังจากกินยาวิเศษ เขาจะปฏิเสธมันอย่างง่ายดาย ตรงกันข้าม สำหรับชายชราไม้ใกล้ฝั่งล่ะก็ คนที่บอกเขาว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกห้าปีถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่เปรียบได้กับพรของพระเจ้าอย่างแท้จริง

จัสมินสามารถเข้าใจความคิดทางจิตใจของคุณปู่ของเธอไม่มากก็น้อย ท้ายที่สุด เธอก็เป็นเจ้าของยาวิเศษที่ชาร์ลีให้มา ซึ่งต่างกับรูเบน เธอซ่อนเม็ดยาวิเศษไว้ในรถของเธอ และมีเพียงชาร์ลี และตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้เรื่องยาวิเศษนี้

ด้วยยาเม็ดวิเศษนี้ จัสมินมีความสงบในใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเธอรู้ว่าถึงแม้มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเธอ เธอจะมีโอกาสรอดชีวิต และกลับมามีลมหายใจต่อได้ตราบเท่าที่ยาอยู่ในมือของเธอ

ถ้าคนอื่นมีโอกาสแบบนี้ พวกเขาคงไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เพราะพวกเขาคงรู้สึกว่าไม่สามารถได้อะไรจากยาวิเศษนี้แต่อย่างใด

รูเบนก็เป็นแบบนั้น

เขารู้ว่ายาวิเศษของชาร์ลีมีค่ามาก อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถครอบครองมันได้ เขาจะมอบมันให้กับชายชราอย่างแน่นอน เพื่อที่เขาจะได้ใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ชายชรารู้สึกพอใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถรักษา และรับมรดกเพิ่มจากชายชราได้อีกในอนาคต เขาคงไม่แอบเก็บยาไว้ใช้เองเหมือนที่จัสมินทำ

นี่ไม่ได้หมายความว่าจัสมินไม่ได้กตัญญูต่อปู่ของเธอ แต่เธอรู้สึกว่ายานี้แสดงถึงความกังวลของชาร์ลีที่มีต่อเธอ

ชาร์ลีอยากให้เธอเก็บยานี้ไว้ใช้เองจริง ๆ ดังนั้นจัสมินจึงรู้สึกราวกับว่าเธอไม่ต้องการให้ชาร์ลีผิดหวังในตัวของเธอ เธอไม่ต้องการใช้ของขวัญที่ชาร์ลีมอบให้เธอเพื่อเอาชนะการยอมรับ และความชื่นชมจากปู่ของเธอ

ในเวลาเดียวกัน นายท่านมัวร์ก็จำบางอย่างได้ และเขาก็โพล่งออกมาว่า “ยังไงก็ตาม รูเบน จัสมิน มีบางอย่างที่ฉันอยากให้พวกเธอทั้งคู่ทำเพื่อฉันหลังอาหารเย็น ฉันต้องการให้พวกเธอเดินทางไปโรงพยาบาลจิตเวชคาสเซอร์ พีคด้วยกัน”

“โรงพยาบาลจิตเวชคาสเซอร์ พีค?” รูเบนถามด้วยความแปลกใจ “คุณปู่ ทำไมถึงต้องการให้พวกเราไปที่นั่นเหรอครับ? เกิดอะไรขึ้น?”

นายท่านมัวร์ตอบว่า “ฉันได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ของตระกูลเวบบ์จากซัดเบอร์รี่ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทั้งหมดรีบไปที่โอลรัส ฮิลล์เพื่อไปเยี่ยมเขา”

หลังจากนั้น ชายชราก็พูดต่อไปว่า “ฉันต้องการให้แกไปทักทายโดนัลด์ ลูกชายคนโตของตระกูลเวบบ์ เขาอายุพอ ๆ กับพ่อแก แต่เนื่องจากพ่อของแกไม่ได้อยู่ในโอลรัส ฮิลล์ตอนนี้ จึงไม่เหมาะที่ผู้ใหญ่อย่างฉันไปที่นั่นด้วยตัวเอง ดังนั้น ฉันอยากให้พวกเธอทั้งคู่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตระกูลมัวร์ เพียงแค่ไปเยี่ยมพวกเขา และส่งความนับถือของเราไปยังพวกเขา ตระกูลของเรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเสมอมา”

รูเบนพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นทันทีว่า “ผมจำได้แล้ว! ผมเห็นวิดีโอของเด็กคนนั้นในโซเชียลมีเดีย ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มที่เป็นบ้าไปแล้ว และยังคงกินอึอยู่นั้นเป็นสมาชิกของตระกูลเวบบ์ด้วยนี่?”

“โอ๊ย นี่รูเบน!” จัสมินพูดอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เธอวางตะเกียบลง “เรายังทานอาหารเย็นกันอยู่นะ! ทำไมนายต้องพูดเรื่องน่าขยะแขยงขึ้นมาด้วย!”

รูเบนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “โอ้ ขอโทษ ผมขอโทษ ผมเผลอหลุดปากออกมา”

นายท่านมัวร์ได้ดูวิดีโอนี้ด้วย และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกรังเกียจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงวางตะเกียบลงก่อนจะพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลเวบบ์เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชคาสเซอร์ พีคในช่วงสองวันที่ผ่านมา แค่ไปที่นั่น และส่งคำทักทายของแกถึงโดนัลด์ บอกเขาว่าอย่าโกรธเคืองที่พ่อของแกไม่สามารถไปเยี่ยมเขาได้เป็นการส่วนตัวเพราะเขาไม่ได้อยู่ใน โอลรัส ฮิลล์”

“ตกลงครับคุณปู่” รูเบนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ตระกูลเวบบ์จากซัดเบอร์รี่นั้นมีอำนาจมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลมัวร์ แม้ว่าตระกูลมัวร์จะอยู่ในห้าอันดับแรกของตระกูลในภาคใต้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลมัวร์อยู่ในสามอันดับแรกได้

เหล่าบรรดาตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนสนิทกันมาก โดยทั่วไปแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มีใครมาเยี่ยมบ้านของคนอื่น เจ้าของบ้านจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความบันเทิงให้แขกของพวกเขาเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของพวกเขา