ตอนที่ 102 ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

“ท่านหมอกู้ นับแต่ข้าล้มกระแทกพื้นวันนั้นก็มักจะรู้สึกปวดแผลอยู่บ่อยๆ”

ตอนนี้คุณชายลั่วรู้แล้วว่าสามีของกู้จิ้งคือเซียวชูอวิ๋น เขาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“หากเป็นแบบนี้ก็พอจะได้” ปวดแผล ใช้น้ำเกลือล้าง อย่างน้อยก็สามารถฆ่าเชื้อได้ นับว่าตรงอาการ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก” คุณชายลั่วรับน้ำอมฤตไปพลางมองกู้จิ้งด้วยความซาบซึ้งใจ

กู้จิ้งรู้สึกว่าแววตาของคุณชายลั่วมีความหมายบางอย่างแอบแฝง แต่จนใจที่เธอไม่มีใจให้เขา ก็เลยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

“คุณชายลั่วยังมีธุระอะไรอีกไหม?”

“ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว”

ส่งคุณชายลั่วกลับไปแล้ว กู้จิ้งก็ส่ายหน้าน้อยๆ พลางทอดถอนใจ พอหันกลับไปก็เห็นเซียวเถี่ยเฟิงกำลังจ้องคุณชายลั่วอยู่

“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทุกคนจะเข้าใจผิดคิดว่าน้ำเกลือของฉันเป็นน้ำอมฤต จริงๆ มันเป็นแค่น้ำผสมเกลือเท่านั้นเอง”

“ต่อไปอย่าสนใจคนคนนี้อีก” เซียวเถี่ยเฟิงจูงภรรยาของตัวเองกลับเข้าไปในห้อง

“จริงๆ แล้วเขานิสัยไม่เลวเลย นายอย่าดุเขานักสิ”

“รู้แล้ว” เซียวเถี่ยเฟิงอารมณ์ไม่ดี

“เฮ้อ…” กู้จิ้งพยายามเกลี้ยกล่อม “ฉันรู้ว่านายไม่พอใจ แต่เขาจะคิดอะไรได้ ตอนนั้นเขาแค่เข้าใจผิดไปเท่านั้น แถมจะว่าไป ฉันไม่ชอบผู้ชายสไตล์บัณฑิตหน้าขาวสวมชุดขาวปักลายดอกไม้แบบนี้สักนิด!”

“แล้วเจ้าชอบผู้ชายแบบไหน?” เซียวเถี่ยเฟิงจ้องหญิงสาวในอ้อมอกตาเขม็ง

กู้จิ้งยิ้มพลางเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยกนิ้วขาวสะอาดขึ้นแตะริมฝีปากของเซียวเถี่ยเฟิงเบาๆ

“ฉันก็ต้องชอบผู้ชายแบบนายอยู่แล้ว”

เมื่อเธอยิ้ม ดวงตาของเธอดูราวกับแม่น้ำชุนเจียงซึ่งมีหมอกปกคลุมในยามเช้า ช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน

เซียวเถี่ยเฟิงกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด ปากกล่าวเสียงแหบพร่า “เจ้าชอบข้าตรงไหน?”

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขาผิดปกติ

ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้น

แววตาของกู้จิ้งไหววูบ เธอยกมือขึ้นโอบรอบลำคอชายหนุ่มเอาไว้พลางจงใจถูไถร่างของตัวเองกับร่างของเขา “ตรงไหนแข็ง ฉันก็ชอบตรงนั้น”

ดวงตาของเซียวเถี่ยเฟิงเปล่งประกายเจิดจ้าเหมือนกองไฟที่กำลังลุกโชน ร่างทั้งร่างร้อนผ่าว แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองสุดความสามารถ เขาก้มลงพูดกับหญิงสาวที่กำลังกอดคอเขาเอาไว้แน่นเหมือนเถาวัลย์ว่า “แล้วตรงไหนของข้าแข็งที่สุดล่ะ?”

กู้จิ้งเห็นเขายังอดกลั้นอยู่ได้แถมยังมีอารมณ์ล้อเธอเล่นก็จงใจกล่าวว่า “ฉันจะรู้ได้ยังไง! ช่างเถอะ ไม่พูดกับนายแล้ว ฉันยุ่งมาก…”

เซียวเถี่ยเฟิงจะยอมปล่อยให้เธอจากไปได้อย่างไร ต่อให้รู้ดีว่าเธอจงใจใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับ เขาก็จะไม่ยอมปล่อยเธอเด็ดขาด

เขายกร่างเธอขึ้นอุ้ม

“แบบนี้ไม่ดีเลย ระวังจะเหนื่อยมากเกินไปน้า~~~” กู้จิ้งแสร้งพูด

“ต่อให้ตายก็เต็มใจ!” ชายหนุ่มกัดฟันพูดอยู่ตรงข้างหูเธอ

 

คืนวันนั้นทั้งสองเปิดศึกกันอย่างดุเดือดจนกู้จิ้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดใจตาย

อาหารเช้าในวันรุ่งขึ้นมีหลากหลายมาก เรียกได้ว่าอยากกินอะไรก็มี เซียวเถี่ยเฟิงยกจานจานหนึ่งมาวางตรงหน้ากู้จิ้งก่อนจะคีบอาหารให้เธอ

“นี่คือตับห่านผัดไฟแดง เจ้าเห็นเป็นอย่างไร?”

กู้จิ้งฟังแล้วงงอยู่บ้าง พอก้มลงมองก็พบว่าไม่ผิด เป็นตับผัดไฟแดงจริงๆ ส่วนจะเป็นตับไก่หรือตับห่าน เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“เอ่อ ตับห่านผัดไฟแดงงั้นหรือ…ไม่เลว” เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดอะไร ทำไมเขาต้องนำเสนออาหารจานนี้เป็นพิเศษด้วย มีอะไรแปลกพิสดารอย่างนั้นหรือ?

“ชอบไหม อร่อยไหม?” เซียวเถี่ยเฟิงป้อนให้เธอคำหนึ่งแล้วมองเธอกลืนมันลงไป

“อร่อย…” เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของท่านประธานจอมวางอำนาจแล้ว เธอก็ได้แต่พูดแบบนี้

ตับห่านผัดไฟแดงนี่มีที่มาอย่างไรกันแน่? ทำไมเขาถึงได้จงใจพูดถึง?

“ลองชิมนี่ดูบ้างสิ” กล่าวจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็ยกจานอีกจานมาวางตรงหน้า

“นี่คือ?” จานเมื่อครู่ยังมองออกว่าเป็นตับของสัตว์ แต่จานนี้เธอดูไม่ออกสักนิด

“นี่คือหูฉลาม” เซียวเถี่ยเฟิงยิ้ม “ทำไม เจ้าไม่รู้จักหรือ?”

ตับห่าน…

หูฉลาม…

กู้จิ้งรู้สึกเหมือนมีสิงโตหนึ่งหมื่นตัววิ่งห้อตะบึงอยู่ในหัว

เขาหาตับห่านหูฉลามมาให้เธอ!?

เซียวเถี่ยเฟิงคีบหูฉลามคำหนึ่งมาป้อนให้พลางอธิบายว่า “ตัวหูฉลามเองกินไม่ได้ แต่ในเมื่อเจ้าพูดถึง ข้าก็เลยไปถามพ่อครัวหลายคน สุดท้ายพวกเขาเอาหูฉลามไปเคี่ยวแล้วนำมาปรุง สุดท้ายก็ออกมาเป็นอาหารจานนี้”

กู้จิ้งกินหูฉลามที่เขาป้อนให้ รสชาติไม่เลวเลย มีรสชาติสดใหม่ของปลา ทั้งเย็นทั้งลื่น แต่…เธอไม่ชอบ

“ข้าเคยรับปากเจ้าว่าจะหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้ เจ้าอยากกินตับห่านหูฉลามไม่ใช่หรือ ข้าสั่งให้คนทำมาให้แล้ว”

กู้จิ้งตะลึงมองเขา ชั่ววินาทีนั้นเธอไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เธอก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหน้าไปจูบคางเขา

“ขอบคุณนะพี่ล่ำ ฉันชอบกินมาก นี่คือตับห่านกับหูฉลามที่ฉันอยากกิน”

“เจ้าชอบกินก็ดีแล้ว ต่อไปข้าจะสั่งให้พ่อครัวทำให้เจ้ากินทุกวัน”

หัวใจของกู้จิ้งหนาวเยือก ใจคิดว่าถึงรสชาติจะไม่เลว แต่ถ้าให้กินทุกมื้อ เธอต้องร้องไห้แน่…

“พี่ล่ำ นายก็กินบ้างสิ ฉันอยากกินพร้อมกับนาย” โชคดีที่เธอหัวไว รีบลากเซียวเถี่ยเฟิงมากินด้วยกัน

“ได้ ข้าจะกินเป็นเพื่อนเจ้า”

“อร่อยไหม?” เสียงท่านประธานจอมวางอำนาจที่กำลังเอาใจสาว

“อร่อย! แล้วนายคิดว่ายังไง?” เสียงหวานออดอ้อนเอาอกเอาใจ

“ข้าก็ว่าอร่อยมาก” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มว่า

“ถ้าอย่างนั้นนายก็กินให้มากๆ หน่อย!” กู้จิ้งรีบยกจานไปวางตรงหน้าท่านประทานจอมวางอำนาจ

“ไม่ นี่เป็นอาหารที่เจ้าชอบกินมากที่สุด เจ้ากินเถอะ” ท่านประธานไม่ยอมกินของโปรดของสาวน้อยแสนรัก

“นายกิน…”

“เจ้ากิน…”

สุดท้ายอาหารสองจานนั้นก็หล่นลงบนพื้น ทั้งสองมองกันไปมองกันมา ไม่มีใครกินเลยสักคน

 

หลายวันมานี้ งานแต่งงานของทั้งสองถูกเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พิธีถูกกำหนดไว้ในวันรุ่งขึ้น เซียวเถี่ยเฟิงจึงส่งกู้จิ้งไปที่จวนอู่อ๋อง ให้ลวี่หลัวคอยอยู่เป็นเพื่อน ส่วนตัวเขาจะไปรับเธอกลับมาในเช้าวันรุ่งขึ้น

ลวี่หลัวเป็นคนละเอียดอ่อน นางจึงเตรียมการทั้งหมดไว้อย่างพรักพร้อม รอเพียงแค่เจ้าสาวอย่างกู้จิ้งเท่านั้น

“เจ้าตัวสูงไปหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าแต่งตัวดีๆ คงจะสวยมาก มากกว่าข้าเสียอีก” ลวี่หลัวกล่าวพลางตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องประดับที่กู้จิ้งต้องใช้ในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง

“ช่างเถิด สวยเกินไปก็ไร้ประโยชน์” เธอว่าเธอเลือกใช้ความสามารถเป็นหลักดีกว่า

“เจ้านี่น้า…” ลวี่หลัวเห็นเธอไม่สนใจสักนิดก็ส่ายหน้าพลางยิ้มน้อยๆ

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หมอเทวดาหญิงซึ่งช่วยชีวิตนางเอาไว้ผู้นี้กำลังจะแต่งงานกับเซียวชูอวิ๋น

จริงๆ แล้วนางคิดมาตลอดว่า คนอย่างเซียวชูอวิ๋นคงจะไม่สนใจผู้หญิงไปตลอดชีวิต

เขาสนใจอะไร? สนใจแต่การทำสงครามน่ะสิ!

จะว่าไปลวี่หลัวเป็นหนึ่งในขุนพลคนสำคัญทั้งสิบสามของเซียวชูอวิ๋น นางเก่งกาจทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ไม่ว่าจะบุกตีเมืองหรือยึดดินแดนก็มักจะบุกนำหน้าคนอื่นเสมอ นางมีความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้เพราะได้รับการฝึกฝนที่แสนจะเข้มงวดจากเซียวชูอวิ๋น นั่นเป็นการฝึกฝนที่เรียกได้ว่าทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก

ในบรรดาสิบสามคน มีสี่คนเป็นผู้หญิง ในจำนวนผู้หญิงสี่คน มีสองคนที่ทนไม่ไหว จึงคิดวางแผนจะยั่วยวนเซียวชูอวิ๋น

พวกนางคิดว่าหากทำสำเร็จ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องลำบากอีก

ผู้หญิงสองคนนั้นพยายามทำทุกวิถีทาง เดิมคิดว่าการยั่วยวนผู้ชายโสดอย่างเซียวชูอวิ๋นเป็นแค่เรื่องง่ายๆ แต่จนใจที่สุดท้ายกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แค่นี้ยังพอว่า แต่เรื่องนี้กลับทำให้เซียวชูอวิ๋นโมโหมาก เขาเห็นว่าพวกนางมีความคิดชั่วช้า ดังนั้นจึงลงโทษอย่างหนัก พวกนางถูกเฆี่ยนอย่างรุนแรง… เรียกได้ว่าชีวิตนี้คงไม่สนใจผู้ชายไปเลย!

ลวี่หลัวคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยังขนลุก โชคดีที่ตอนนั้นนางฉลาด ทำใจจีบคนเย็นชาอย่างเซียวชูอวิ๋นไม่ลง แถมจะว่าไปตอนนั้นนางเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องเคราะห์ร้ายไปด้วยแน่

ด้วยเหตุนี้ในใจของลวี่หลัว เซียวชูอวิ๋นจึงไม่ใช่คน ไม่ใช่ผู้ชาย ดังนั้นเขาก็ต้องไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนไหนแน่!

ผู้ชายแบบนี้ สมควรอยู่เป็นโสดไปชั่วชีวิต!

แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงจะแต่งงานแล้วล่ะ?

“จริงๆ แล้ว…” นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดโปงเซียวชูอวิ๋น ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่ นางต้องช่วยเขากล่อมภรรยา “จริงๆ แล้วคนอย่างแม่ทัพเซียวไม่เลวเลย เพียงแต่โหดไปหน่อย…”

นางถอนใจ โหดไปหน่อยเสียที่ไหน แต่เรื่องนี้จะบอกกู้จิ้งไม่ได้เด็ดขาด

ต่อให้หลอกก็ต้องหลอกให้แต่งงานก่อนค่อยพูดถึงเรื่องนี้ทีหลัง

“ใช่ โหดไปหน่อย” กู้จิ้งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานแล้วก็ส่ายหน้าพลางถอนใจ

เธอบอกแล้วว่าไม่เอาๆ เขาก็ยังยืนกรานจะเอาให้ได้ ทำไมคนคนนี้ถึงได้โลภแบบนี้นะ? นี่มันหมาป่าบ้ากามชัดๆ!

“แต่งงานกับแม่ทัพเซียวแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องอดทนหน่อย อยู่ๆ ไปก็ชินไปเอง!” ลวี่หลัวปลอบด้วยความเห็นอกเห็นใจ

“ใช่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องอดทนหน่อย” โดยเฉพาะตอนกลางคืน ทนหน่อย ทนๆ ไป เดี๋ยวก็ดีไปเอง…

“คนอย่างแม่ทัพเซียวไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงที่ไหน อยู่ดีๆ กลับจะแต่งงาน พวกข้าคิดไม่ถึงจริงๆ”

“เขาไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง?” กู้จิ้งประหลาดใจ

“ใช่ หรือว่าไม่ใช่กันล่ะ?” ลวี่หลัวกะพริบตาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นเต็มที่