บทที่ 193 ลูกศิษย์ของจอมโจร

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

โจรถึงกับน้ำตาตกในอีกครั้ง

เขาสงสัยจริงๆ ว่าวันนี้เขาเจอใครกันแน่?

คล้ายกับการบำบัดด้วยไฟฟ้าของศาสตราจารย์หยางก็แล้วไป แต่นี่เขายังคิดจะไถเงินของโจรอีก แถมยังไถด้วยวิธีที่เหี้ยมโหดขนาดนี้!

ดั่งที่ว่า คนถือมีดมีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น แต่คนไม่มีมีดก็เป็นได้แค่เนื้อบนเขียงเท่านั้น

แม้จะรู้สึกไม่พอใจมาก แต่ในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ โจรทำได้แค่จำใจพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “แล้วคุณจะให้ผมจ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่ครับ?”

“รู้งานจริงๆ!”

เย่เทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดต่อด้วยรอยยิ้มของพ่อค้าที่ได้กำไรว่า “ในเมื่อคุณถามแบบนี้ งั้นเรามาคำนวณกันเลยนะ”

“ไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนซื่อตรงต่อการทำธุรกิจ ผมไม่มีวันโกงคุณหรอก”

ขณะพูด เย่เทียนก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและเปิดเครื่องคิดเลขในโทรศัพท์

“ผมจะไม่คิดค่าใช้จ่ายที่คุณขึ้นมาถึงที่นี่นะ แต่ผมจะคิดตั้งแต่ที่คุณมาถึงชั้นนี้ก็แล้วกัน”

“สิ่งแรกที่คุณทำหลังจากมาถึงที่นี่คือการเปิดประตูออฟฟิศของประธานเฉินใช่ไหม?”

โจรพยักหน้าอย่างสับสน “ใช่ครับ”

“ประตูออฟฟิศของประธานเฉินเป็นประตูกระจกพิเศษที่สามารถกันกระสุนได้ มันคือสินค้าที่นำเข้าจากฝั่งตะวันตก ราคาต้นทุนถ้าคิดเป็นเงินหยวนจะตกอยู่ที่สามแสนหยวนโดยประมาณ……”

เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็หยิบเครื่องคิดเลขออกมากดเลข ‘3’

สำหรับเลขศูนย์ห้าตัวด้านหลัง เย่เทียนไม่คิดจะกดมันด้วยซ้ำ

เพราะนี่เป็นการแบล็กเมล์ ยังไงก็ต้องเริ่มต้นจากหลักแสนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

และอันที่จริง ก่อนที่เย่เทียนจะพูดจบ โจรก็รู้สึกแย่และน้ำตาตกในไปนานแล้ว

ในฐานะที่เป็นมืออาชีพ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าประตูกระจกบานนี้เป็นกระจกธรรมดาเท่านั้น!

แต่ ณ เวลานี้ โจรจะกล้าพูดความจริงจากใจได้อย่างไร ได้แต่พูดอย่างขมขื่นว่า “ผมไม่ได้พังประตูนะ ทำไมต้องชดใช้ด้วย?”

“คุณจะรู้อะไร!”

เย่เทียนตบไปที่กะโหลกของโจรอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นส่ายหัวแล้วถอนหายใจพูดว่า “ไร้การศึกษา แย่จริงๆ!”

“ผมถามคุณหน่อย คุณหนีมาเป็นโจรก่อนเรียนจบชั้นประถมศึกษาหรือเปล่า?”

“ผมจบชั้นมัธยมต้นนะ!” โจรปฏิเสธอย่างไม่รู้ตัว

“ถึงว่า ไร้สมองแบบนี้”

เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างจริงจังในเชิงให้ความรู้ “ถึงแม้คุณจะเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดประตู คุณไม่ได้พังประตูก็จริงๆ แต่ว่า……”

“คุณผลักประตูแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ประตูก็มีรอยเปื้อนจากอุ้งเท้าสุนัขของคุณแล้วจริงไหม? แล้วมันจำเป็นต้องเปลี่ยนบานใหม่ผมพูดถูกไหม?”

โจรรีบปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่นะ ผมใช้ไหล่ผลักมัน ไม่ได้มีรอยนิ้วมือของผมเลย……”

“พูดมาก กล้าเถียงอีกเดี๋ยวก็โดนไฟช็อดต่อหรอก!”

โจรหยุดนิ่งทันทีราวกับถูกแช่แข็ง และไม่กล้าโต้เถียงอีก

เย่เทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วพูดต่อ “ในเมื่อประตูบานนี้เป็นผลิตภัณฑ์ไฮเทคที่ใหม่ล่าสุด ฉะนั้น มันจึงเป็นของที่หายากว่าไหม?”

โจรพยักหน้าร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา และไม่กล้าพูดอะไรอีก

“เพื่อจัดหาประตูกันกระสุนบานนี้ คุณรู้ไหมว่าผมต้องเสียค่าธรรมเนียมไปอีกสองแสน”

“ฉะนั้น สาม บวก สอง……”

เย่เทียนพึมพำในปากแล้วกดเครื่องคิดเลขไปด้วย

ต้องขนาดนั้นเลยหรือ?

ก็แค่สามบวกสอง จำเป็นต้องกดเครื่องคิดเลขเลยหรือ? นี่มันคณิตศาสตร์ของเด็กประถมเองนะ!

แต่ โจรที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวจะกล้าพูดอะไรอีก ได้แต่จับจ้องไปที่เย่เทียนที่กำลังกดเครื่องคิดเลขอย่างจริงจัง

“ประตูบานนี้ ห้าแสน คุณมีปัญหาอะไรไหม?”

โจรได้แต่ส่ายหัวอย่างจำใจ

“ในเมื่อคุณไม่มีปัญหาอะไร ก็รีบจ่ายเงินสิ!”

เย่เทียนแบมือออกด้วยรอยยิ้ม

หัวขโมยพูดอย่างขมขื่นว่า “แต่ แต่ผมไม่ได้พกเงินสดมาเยอะขนาดนั้นนะ”

ผั๊วะ!

เย่เทียนไม่ได้พูดอะไร แต่เบิ๊ดกะโหลกของเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไร คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ?”

ขโมยแทบจะกลั้นหายใจตาย เขารีบตอบกลับว่า “ผมโอนให้ได้! ผมโอนให้ได้ครับ”

“คุณปลดแขนผมออกสิ ผมจะโอนให้ตอนนี้เลย!”

ผั๊วะ!

แต่ว่า เย่เทียนก็ตบหัวเขาอีกครั้งแล้วพูดต่อ “กูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? คิดว่ากูไม่รู้วิธีโอนเงินออนไลน์งั้นเหรอ?”

หัวใจของโจรหวาดผวาถึงขีดสุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!

จากนั้นเย่เทียนคลำที่ตัวของหัวขโมยสักพัก หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้แอบซ่อนใบมีดหรืออาวุธอื่นๆ เย่เทียนก็ปลดมือขวาของเขาและหยิบมือถือให้เขา “รีบโอนเดี๋ยวนี้”

แม้ว่าโจรคนนี้จะไม่เต็มใจ แต่ภายใต้การคุกคามของอีกฝ่าย เขาจำเป็นต้องโอนเงินห้าล้านหยวนนี้ออกไปอย่างเชื่อฟัง

เมื่อได้รับข้อความแจ้งเตือนการชำระเงินสำเร็จ เย่เทียนก็นั่งลงบนเก้าอี้ของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ตอนนี้เรามาคำนวณค่าสินไหมที่สองกันเถอะ”

“ค่าสินไหมที่สอง?” โจรถึงกับตะลึง

“แน่นอนสิ เมื่อกี้เราแค่พูดถึงปัญหาของประตูกระจกกันกระสุนเองนะ”

เย่เทียนพยักหน้าอย่างไม่มีการสงสัยใดๆ “คุณเดินเข้ามาในสำนักงานไหม? แล้วคุณจำได้ไหมว่าคุณหยิบอะไรไปบ้าง?”

“พรม?” สีหน้าของขโมยแปลกประหลาดขึ้นทันที

“ยินดีด้วย คุณตอบถูกแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลให้นะ”

รอยยิ้มที่อ่อนโยนของเย่เทียนกลายเป็นความเคร่งขรึม “พรมผืนนั้นเป็นพรมขนสัตว์แท้ที่ผมซื้อมาจากฝรั่งเศส มันเป็นขนแกะที่คัดสรรมาอย่างพิเศษ ซึ่งเป็นขนแกะที่ละเอียดอ่อนและดีที่สุด และมันยังเป็นขนแกะแพงที่สุดในโลกอีกด้วย ราคาในท้องตลาดน่าจะอยู่ที่ 500 ดอลลาร์ต่อหนึ่งกรัม”

“ซึ่งพรมผืนที่คุณหยิบนั้นมันเป็นขนแกะทั้งหมด 90 กว่ากรัม หรือนับให้ถ้วนก็ร้อยกรัมไปเลย!”

“ครึ่งกิโลกรัมคือ 2,500 ดอลลาร์ 50 กิโลกรัมก็เท่ากับ 250,000 ดอลลาร์ บวกเพิ่มเข้าไปอีก 150,000 ดอลลาร์สำหรับงานฝีมือ รวมกันเป็น 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ”

โจรไม่อยากร้องไห้อีก แต่เขาอยากตายมากกว่า!

เพราะด้วยสายตาของเขาแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะรู้ว่าพรมที่ว่านั้นก็แค่ซื้อในถนนคนเดินในราคา 20 กว่าหยวนเท่านั้น!

อีกอย่าง ยังไม่พูดถึงพรมผืนนั้นจะเป็นขนแกะที่นำเข้าจากฝรั่งเศสหรือไม่ ก็แค่ขนาดของมัน ดูก็รู้ว่าไม่ถึงครึ่งกิโลกรัมอยู่แล้ว แต่ทำไมเย่เทียนถึงบอกว่าถึงห้าสิบกิโลกรัมเลย?

“ตอนนี้เราอยู่ในประเทศจีน งั้นเราคิดเป็นเงินหยวนละกันนะ!”

“คุณรอก่อน ผมเช็คอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินหยวนกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของวันนี้ก่อน”

เย่เทียนตรวจเช็คอย่างรวดเร็วและวางโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าหัวขโมย “อย่าหาว่าผมโกงนะ คุณดูเองได้ เรทเงินวันนี้คือ 1 ต่อ 6.99”

“ฉะนั้น 400,000 ดอลลาร์ คูณด้วย 6.99 ก็เท่ากับ 2,796,000 หยวน”

หลังจากเย่เทียนเคาะแป้นพิมพ์เสร็จ เขาก็วางอยู่ตรงหน้าหัวขโมยอีกครั้ง “แต่ผมเป็นคนเกลียดเศษเหลือที่สุดเลยนะ งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า เราปัดเศษให้เป็นเลขเต็ม คิดเป็นสามล้านเต็มเลยก็แล้วกัน!”

ขโมยหลับตาด้วยความเจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้เขาอยากให้ตัวเองกลายเป็นคนตาบอดหูหนวกไปเลย

และหลังจากพูดเองเออเอง เย่เทียนก็เหมือนจะนึกอะไรได้ จึงถามหัวขโมยว่า “จริงด้วยสิ ที่ผมพูดไป คุณไม่ติดขัดอะไรแล้วใช่ไหม?”

หัวขโมยได้แต่เงียบ และไม่อยากคุยกับเย่เทียนอีก

แต่ว่า เย่เทียนจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร เขาจึงแสยะยิ้มพูดว่า “ถ้าคุณเงียบ ผมจะถือว่าคุณเห็นด้วยแล้วนะ!”

“แล้วมัวทื่ออะไรกัน รีบจ่ายเงินสิ!”

หัวขโมยส่ายหัวอย่างขมขื่น “ผม ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นครับ!”

ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเย่เทียนก็เปลี่ยนไปทันที และมันกลับแทนที่ด้วยความเยือกเย็น “ไม่มีเงิน? งั้นคุณจะให้ชุยจั่นผงมาจ่ายแทนไหม?”

ดวงตาของโจรเบิกกว้างขึ้นทันที และมองไปที่เย่เทียนอย่างเหลือเชื่อ

“ชุยจั่นผงเป็นถึงโจรระดับเทพที่มีชื่อเสียง แต่ทำไมถึงมีศิษย์ที่โง่เขลาอย่างคุณได้?”

เย่เทียนพูดอย่างเย้ยหยันต่อ “อีกอย่าง ถ้าผมจำไม่ผิด ชุยจั่นผงมีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้าหากลูกศิษย์ถูกจับตัว เขาจะถือว่าศิษย์คนนั้นไม่เอาไหน ขายหน้าอาจารย์ และจะต้องถูกทำโทษด้วยการตัดแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง!”