ชุยจั่นผง ไคโตะ คิดด์ในยุคปัจจุบัน ออกโรงมานานกว่า 30 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของอะไร ขอแค่เขาเป็นคนออกโรง เขาจะต้องไม่กลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน และนี่ก็คือที่มาของจอมโจรของเขา
ซึ่งในชาติที่แล้ว เย่เทียนเคยเป็นมิตรกับเขา ดังนั้นจึงรู้จักเขาดี
“คุณ คุณรู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ผมคือชุยจั่นผง?”
โจรตื่นตระหนกเต็มที แววตาที่มองเย่เทียนก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ชุยจั่นผงเก่งทุกอย่างนะ แต่ข้อเสียก็คือ แก่แล้วแต่ยังตามเทรนด์วัยรุ่นไปหน่อย”
เย่เทียนหยิบกรรไกรและตัดเสื้อผ้าที่แขนซ้ายของโจรออก ทำให้เห็นรอยสักคำว่า ‘เทพ’ บนไหล่ของเขา
“เราจะคิดบัญชีต่อ? หรือจะให้ผมไปหาไอ้แก่ชุยจั่นผง แล้วให้เขาช่วยคุณจ่ายดี?”
“ไม่ ไม่ คุณอย่าไปหาอาจารย์ผมนะครับ!”
หัวขโมยพูดอย่างเศร้าหมอง “ผมเพิ่งเรียบจบยังไม่ถึงสองเดือนเลย ตอนนี้ยังไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นครับ”
เขาจะไม่รู้นิสัยของชุยจั่นผงได้อย่างไร ถ้าหากเย่เทียนไปหาถึงที่ เขาจะไม่ถูกตัดแขนขาแล้วกลายเป็นคนพิการไร้ค่าหรือ?
เย่เทียนกวาดมองหัวขโมยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ได้ เพื่อเห็นแก่คุณที่ยังเป็นเด็กใหม่ ผมจะยอมให้คุณติดหนี้ไปก่อน”
ขโมยสัญญาอย่างจริงจังทันที “หนึ่งเดือน! ผมขอแค่เดือนเดียว แล้วผมจะชำระหนี้ของคุณทั้งหมดครับ!”
ผั๊วะ!
ทันใดนั้น เย่เทียนก็เบิ๊ดกะโหลกเขาอีกครั้ง “คุณจะรีบไปไหน? รอให้ผมพูดจบก่อนไม่ได้เหรอ?”
“ได้ครับ! ได้ครับ!” โจรพยักหน้ารัวๆ
จากนั้นเย่เทียนเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา “ถึงแม้ผมจะยอมให้คุณติดหนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้ติดฟรีๆ นะ มันต้องมีดอกเบี้ยด้วย!”
โจรที่หวาดกลัวอยู่ก็ตื่นตัวขึ้นทันที “แล้วดอกเบี้ยเท่าไหร่ครับ?”
“เพื่อเห็นแก่อาจารย์ของคุณ ผมคิดอัตราดอกเบี้ยรายวันแค่ร้อยละ……”
เย่เทียนจงใจลากเสียงยาวแล้วพูดชัดๆ สองคำว่า “หนึ่งร้อย!”
ห๊ะ?
หัวขโมยอ้าปากค้างและอดไม่ได้ที่จะฆ่าตัวตายทันที
นี่มันยิ่งกว่าปล่อยกู้นอกระบบ นี่มันยิ่งกว่าการปล้นธนาคารด้วยซ้ำ!
“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”
เย่เทียนพูดต่อด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “ผมเป็นคนยุติธรรมมาก ผมจะให้คุณเลือกเอง”
“หนึ่ง ผมอนุญาตให้คุณเป็นหนี้ แต่คุณต้องจ่ายดอกเบี้ย 100% สอง คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ผมจะให้ชุยจั่นผงจ่ายแทน”
“จริงด้วย เกือบลืมไปเลย ถ้าคุณเลือกเงื่อนไขที่สอง ผมจะทำตามกฎของชุยจั่นผง หักแขนคุณไปก่อนหนึ่งข้าง”
แล้วจะเลือกอะไรได้?
เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนพิการ หัวขโมยไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้ดอกเบี้ยสูงค้ำฟ้า แต่เขาจำเป็นต้องเลือกเงื่อนไขที่หนึ่ง!
เย่เทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาและทำท่าจะเริ่มคำนวณอีกครั้ง “ดีมาก ในเมื่อคุณยอมใช้หนี้ งั้นเรามาคิดค่าเสียหายเรื่องที่สามกันต่อเลยนะ”
“ยังมีเรื่องที่สามอีกเหรอ?” หัวขโมยถึงกับตกตะลึง
เย่เทียนพูดอย่างน่าเกรงขามว่า “แน่นอน ไม่ใช่แค่เรื่องที่สาม ยังมีเรื่องที่สี่ เรื่องที่ห้า……”
ในท้ายที่สุด ภายใต้การคำนวณของเย่เทียน หัวขโมยต้องชดใช้ค่าเสียหายไปสิบกว่ารายการ และยอดรวมทั้งหมดก็สูงถึงง 11 ล้านหยวนแล้ว
แต่ว่า มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
เพราะเย่เทียนยังเรียกค่าเสียขวัญอย่างไม่สนใจอะไร นอกจากนี้ยังมีค่านอนดึก ค่าน้ำลายในการสอบปากคำ ซึ่งทุกๆ รายการนั้นหัวขโมยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่าครึ่งล้านขึ้นไป
และมันก็แทบจะทำให้หัวขโมยหัวใจวายตาย แต่สุดท้าย เย่เทียนยังเรียกร้องค่าไฟกับเขาอีกหนึ่งแสนหยวน
ซึ่งหลังจากการรวมยอดแล้ว จำนวนเงินทั้งหมดที่ขโมยต้องจ่ายนั้นสูงถึง 15 ล้านหยวน!
“เอาล่ะ เรื่องเล็กเราเคลียร์กันจบแล้ว ต่อไปเรามาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า”
เมื่อบรรลุเป้าในการเรียกร้องค่าเสียหาย รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เทียนก็หายไป และมันถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
โจรพูดอย่างงุนงงว่า “อะไรนะ?”
“ใครจ้างคุณมาขโมยของ?”
โจรก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เฉินหยังครับ!”
ถึงแม้ไม่พูดถึงเรื่องที่จะถูกตัดแขน แค่เย่เทียนบอกว่าเขารู้จักชุยจั่นผง หัวขโมยก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บความลับอีกต่อไป
“เฉินหยังเหรอ?”
เย่เทียนแสดงสีหน้าประหลาดใจทันที “เขาให้คุณมาขโมยอะไร?”
เฉินหยังเป็นน้องชายของเฉินหวั่นชิง ถึงแม้จะไม่ใช่น้องชายแท้ๆ แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไม่ใช่หรือ? อีกอย่างเฉินหยังก็มีส่วนแบ่งของบริษัทแซ่เฉินอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาต้องจ้างคนมาขโมยของด้วย?
“เอกสารครับ”
ขโมยตัดสินใจที่จะไม่ปิดบังและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เขาเอาคีย์การ์ดของประตูบริษัทให้ผม แล้วให้รหัสผ่านของตู้นิรภัยให้ผม เพื่อจะให้ผมขโมยข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับชีวเภสัชภัณฑ์ที่ช่วยในการปรับปรุงร่างกายของคนที่บริษัทแซ่เฉินเพิ่งพัฒนาเสร็จ”
“ถ้าหากเป็นไปได้ เขายังต้องการให้ผมขโมยสูตรในการผลิตยาเพิ่มพลังอะไรที่ว่านั้นให้เขาด้วย”
“มันคิดอะไรอยู่?”
เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
จากการรายงานของกู้กวนชีนั้น คีย์การ์ดของเธอถูกมอบให้กับเจิ้นเซ่าเฉิน แต่สุดท้ายกลับเป็นเฉินหยังที่เอาคีย์การ์ดให้กับโจรคนนี้
ซึ่งอธิบายได้เพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือเจิ้นเซ่าเฉินกับเฉินหยังเป็นพวกเดียวกัน!
และนี่ก็คือสิ่งที่เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจที่สุด เพราะเฉินหยังเป็นลูกหลานของตระกูลเฉินอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงมีความเกี่ยวโยงกับเจิ้นเซ่าเฉินผู้ซึ่งเป็นศัตรูของตระกูลเฉิน? เขาโง่ขนาดจนต้องขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองเลยงั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่เทียนก็มีแผนในใจ จากนั้นหยิบมือถือออกมาด้วยรอยยิ้ม และถ่ายภาพความละเอียดสูงของหัวขโมยคนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ยินยอมก็ตาม
แน่นอนว่า เย่เทียนไม่ลืมถ่ายรอยสักบนไหล่ของโจรและบัตรประจำตัวของเขาอยู่แล้ว
“เชี่ยนเฉียนจิ้ง? ชื่อเป็นเอกลักษณ์ดีนะ!”
หลังจากบังคับให้โจรเซ็นสัญญากู้แล้ว เย่เทียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ตามแผนในการชำระหนี้ที่เราตกลงกันไว้ คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ผมทุกวัน วันละ 15 ล้าน ถ้าหากไม่ชำระเงินตามกำหนด มันจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านในวันถัดไป และ 60 ล้าน ในวันถัดไปอย่างไม่มีกำหนด คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เชี่ยนเฉียนจิ้งพยักหน้าอย่างขมขื่น
จากนั้น บทสนทนาของเย่เทียนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาจึงยิ้มพูดว่า “เพื่อเห็นแก่อาจารย์ของคุณ ผมมีวิธีที่รวดเร็วในการชำระหนี้แนะนำให้คุณ”
“อะไรนะ?” เชี่ยนเฉียนจิ้งถามอย่างระมัดระวัง
“คืนนี้คุณคิดซะว่าไม่ได้เจอผม”
“หมายความว่าไงครับ?” หัวขโมยถามอย่างมึนงง
ผั๊วะ!
เย่เทียนตบหัวเขาอย่างไม่เกรงใจอีกครั้งและบ่นพึมพำว่า “ไร้การศึกษาจริงๆ ต้องให้ผมบอกทุกเรื่องเลยใช่ไหม?”
หัวขโมยน้ำตาตกในอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เย่เทียนพูดไม่เคลียร์เอง แล้วใครจะไปเดาใจได้ล่ะ!
“คืนนี้คุณทำเหมือนไม่ได้เจอผม ภารกิจของคุณดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวเภสัชภัณฑ์และสูตรในการผลิตยาเพิ่มพลังไป”
เย่เทียนอธิบายอย่างละเอียด “แต่ถ้าเฉินหยังต้องการของจากคุณ คุณก็หาเหตุผลปัดเขาไปก่อน”
“คุณอยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไรใช่ไหมครับ?” เชี่ยนเฉียนจิ้งเข้าใจความหมายของเย่เทียนอย่างกะทันหัน
“สมเป็นนักเรียนดีกรีมัธยมศึกษาตอนต้นจริงๆ ไหวพริบพอใช้ได้เลยนะ!”
ในที่สุดเย่เทียนก็ชมเชยเขา “ผมเป็นคนพูดง่ายนะ ขอแค่คุณให้ความร่วมมือ ผมอาจจะลดหนี้ให้คุณห้าล้าน ไม่สิ หนึ่งล้านก็ได้”
“แต่แน่นอน ในระหว่างการทำงาน ผมจะไม่คิดค่าดอกเบี้ยคุณอยู่แล้ว”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เชี่ยนเฉียนจิ้งก็พยักหน้าตอบตกลง
เพราะถึงอย่างไร ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินหยังเขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉะนั้น มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ก็ต้องร่วมทุกข์