บทที่ 338 เป่าเอ๋อ คู่หมั้นที่เป็นศิษย์น้อง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

หลานจิ่วชิงทำตามวิธีการก่อนหน้านี้ เขานำเข็มฝั่งลงไปที่หน้าอกของเฟิ่งชิงเฉินทีละเล่ม และฝังบริเวณต้นขาด้านในอีกหลายตำแหน่ง เมื่อมองไปที่ตำแหน่งของเข็มที่ฝังลงไป มีหลายจุดที่ไม่ใช่ตำแหน่งของการฝังเข็มปกติ และยังมีอีกหลายจุดที่ฝังในตำแหน่งที่ค่อนข้างอ่อนไหว

นี่เป็นสาเหตุที่หลานจิ่วชิงถอดเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินออก วิธีการล้างพิษนี้เป็นวิธีที่แปลกประหลาดมาก จักรพรรดิตั้งใจที่จะไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินผ่านมันไปได้ง่ายๆ

การที่ไม่มีหมอมารักษา เฟิ่งชิงเฉินจะมีไข้สูงไม่หยุดจนอาจทำให้นางตายหรือไม่ได้สติ

การที่มีหมอก็จะจัดการได้ง่ายๆ ในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นพิษร้อนทั่วๆไป วิธีการล้างพิษมีแค่ต้องใช้เข็มฝังลงไปหลายตำแหน่ง เพื่อที่จะกำจัดพิษออกไป

ในตอนนี้พิษในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินได้ล้างออกไปแล้ว แต่นางถูกทำให้เสียหายอย่างมาก ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินอาจจะไม่สนใจ แต่ถ้าคนอื่นๆสนใจก็จบแล้ว ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินคงจะต้องถูกขจัดออกจากกระแสหลัก เว้นแต่ว่านางจะเลือกออกไปใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพังด้วยตัวของนางเอง เพราะไม่เช่นนั้นชีวิตของนางก็จะถูกลิขิตให้ไม่ได้รับการยอมรับจากกระแสหลักบนโลกใบนี้อีกเลย

เสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงาน มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับเสด็จอาเก้า มีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายคนโตที่ไม่ชัดเจน ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือที่แพร่กระจายขึ้นมา อาจไม่ใช่เรื่องจริงและสามารถหาหลักฐานเพื่อมาหักล้างได้

ต้องรู้ด้วยว่า เฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จนถึงทุกวันนี้นางยังคงเป็นหญิงบริสุทธิ์ เพียงแค่นางเต็มใจที่จะไปให้มามาในวังหลวงตรวจสอบและยืนยันให้นางอย่างชัดเจน ข่าวลือพวกนั้นก็จะถูกข้อเท็จจริงหักล้างไปเอง แต่การตรวจสอบนั้นต้องให้หมอเห็นร่างกายทั้งหมด และนี่เป็นเรื่องที่อย่างไรก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นได้

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง มันจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะบดขยี้เฟิ่งชิงเฉิน!

“ตระกูลเฟิ่งหลีเชื่อเสมอว่าผู้หญิงควรจะได้รับการเอาอกเอาใจ เมื่อผู้หญิงในตระกูลเฟิ่งหลีได้เกิดมาก็จะถูกผู้อาวุโสในครอบครัวอุ้มไว้ด้วยมือทั้งสองด้วยความรักและเอ็นดูราวกับสมบัติและอัญมณี ตระกูลเฟิ่งหลีมีตำแหน่งเป็นรองเพียงแค่หลานชั่ว การแต่งงานที่เกิดขึ้น แม้จะแต่งกับผู้ที่ฐานะต่ำกว่า ตระกูลของสามีก็ไม่อาจมีใครกล้ามาดูหมิ่น ผู้หญิงของตระกูลเฟิ่งหลีได้รับเกียรติมาตลอดชีวิต เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิไม่น้อยไปกว่าองค์หญิง แต่เจ้ากลับเป็นข้อยกเว้นที่ต่างออกไป”

หลานจิ่วชิงปัดเส้นผมที่อยู่ที่คอของนางออกไปทีละเส้น นิ้วมือที่เคลื่อนผ่านผิวหนังที่ราบเรียบเช่นนั้น ทำให้หลานจิ่วชิงไม่อยากที่จะจากไป แต่น่าเสียดายที่หลานจิ่วชิงไม่สามารถอยู่แบบนั้นได้นานนัก……

จุดที่เข็มได้ฝังลงไป ในตอนแรกนั้นมีเพียงเลือดเพียงหยดเดียวที่ซึมออกมา แต่แล้วเลือดก็ซึมออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาครึ่งชั่วโมงบนตัวของเฟิ่งชิงเฉินก็เต็มไปด้วยเลือด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกินจริงเหมือนถูกดึงขึ้นมาจากบ่อเลือด แต่ก็มากพอที่จะทำให้ตกใจ เหมือนกับนำเลือดไปทาบนตัวของนาง

และเลือดที่อยู่บนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินนั้น มีสีแดงระเรื่อมากกว่าปกติ และยังร้อนมากกว่าเลือดปกติอีกด้วย

ด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ได้เป็นรอยแดงบนใบหน้าที่ผิดปกติแบบก่อนหน้านี้ อุณหภูมิของร่างกายก็ลดต่ำลงด้วย

“ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรแล้ว” หลานจิ่วชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาถอนเข็มที่ฝังอยู่บนตัวของเฟิ่งชิงเฉินออกมาทีละเล่มและสวมเสื้อผ้าให้นาง ส่วนเลือดที่บนตัวของเฟิ่งชิงเฉินนั้น หลานจิ่วชิงไม่ได้เช็ดออกให้ หนึ่งคือไม่สะดวก สองคือเขาเองก็อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน

หลังจากจัดเก็บเสร็จเรียบร้อย หลานจิ่วชิงห่มผ้าให้เฟิ่งชิงเฉิน ปัดผมที่ปิดหน้าผากของนางออกให้เห็นถึงหน้าผากที่ดูเต็มและสะอาด “พรุ่งนี้ที่เจ้าตื่นขึ้น เดี๋ยวก็คงจะเข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรไป ถึงแม้ว่าไม่มีหมอมารักษาแต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถล้างพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้าเองได้”

วิธีการล้างพิษของหลานจิ่วชิงนี้ ไม่สามารถล้างพิษทั้งหมดออกไปเพียงครั้งเดียวได้ แต่ยังต้องเสริมด้วยยา แต่เพราะว่าเขาไม่สะดวก จวนเฟิ่งในตอนนี้ไม่เหมือนกับจวนเฟิ่งในอดีต ที่จะยอมให้เขาไปมาได้อย่างอิสระ การมาของเขาในวันนี้เป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างมาก

หลานจิ่วชิงตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติไป เขาก็เปิดประตูออกไปสู่ความมืดมิดของค่ำคืน เพียงไม่นานก็ออกไปจากเรือนของจวนเฟิ่ง และมาถึงสถานที่ที่ปู้จิงหยุนยืนเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นว่าปู้จิงหยุนไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อยู่นาน เขาจึงเอื้อมมือออกไปแล้วบอกให้เขาได้ยิน “ไป”

“อะแฮ่ม……” ปู้จิงหยุนเอนไปข้างหนึ่ง เกือบตกลงมาจากต้นไม้ และมองไปที่หลานจิ่วชิงด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “จิ่วชิง เจ้านี้ช่างไม่เข้าใจเรื่องการที่ผู้ชายดูแลผู้หญิงที่รักเสียจริง เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้ทำกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างหยาบคายและประมาทแบบนี้หรอกนะ เจ้าระวังหน่อยสิ ถ้าหากว่าทิ้งรอยช้ำเอาไว้บนร่างกายของนาง ความรอบคอบของนางคงจะทำให้นางพบมันเข้า เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะมีปัญหา”

“ไม่พูดแล้วจะตายหรือ?” หลานจิ่วชิงหยุดก้าวเดินในทันที และหันมามองปู้จิงหยุนด้วยสายตาที่ดุเดือด ทำให้ปู้จิงหยุนตกใจจนหัวใจเต้นแรงและต้องกระโดดถอยไปอย่างรวดเร็ว

เขาตกใจแทบแย่ ท่าทางที่ดุดันของเขานั้นแข็งแกร่งจริงๆ หลังจากที่ได้สังเกตอย่างระมัดระวังก็พบว่าหลานจิ่วชิงไม่ได้โกรธจริงๆ ปู้จิงหยุนจึงหัวเราะขึ้นมา ก้าวไปข้างหน้าและตบไปที่ไหลของหลานจิ่วชิง ด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่าเขาได้พบกับเพื่อนเก่า

“สหายนะสหาย จิ่วชิง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าถ้าข้าไม่พูดแล้วข้าจะขาดใจตาย เร็วเข้า รีบบอกข้ามาว่าเจ้าล้างพิษให้เฟิ่งชิงเฉินราบรื่นดีหรือไม่? ชีวิตของนางตกอยู่ในอันตรายหรือไม่? นางจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? แล้วหลังจากที่นางตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นอย่างไร?”

เขาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่อาจจะซ่อนความอยากซุบซิบนินทาในดวงตาของเขาได้

หลานจิ่วชิงสะบัดปู้จิงหยุนออกอย่างโกรธเคือง แต่ใครจะคิดว่าปู้จิงหยุนเป็นเหมือนปลาสเตอร์ยา ไม่ว่าอย่างไรก็สะบัดไม่ออก เกาะติดหลานจิ่วชิงอยู่อย่างนั้น หลานจิ่วชิงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากลากปู้จิงหยุนเดินไปด้วยกัน

ปู้จิงหยุนเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งที่แม้จะได้รับแสงเพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้แพรวพราวขึ้นมาได้ เมื่อได้เห็นใบหน้าของหลานจิ่วชิงที่ถึงจะเย็นชา เพราะไม่สามารถผลักไสเขาออกไปได้ แต่เขาก็ยังจะถามเรื่องซุบซิบนินทาต่างๆได้อย่างไร้ยางอาย

“จิ่วชิง ข้าว่าเจ้าต้องรับผิดชอบกับเฟิ่งชิงเฉินแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ แต่ข้าคนนี้เป็นพยาน ต่อให้ข้าจะไม่ได้ไปด้วย ข้าก็รู้ดีว่าเจ้าทำอะไรลงไป ผู้ชายที่โดดเดี่ยวและผู้หญิงที่ไม่มีสามีอยู่ในห้องเดียวกัน ถ้าเจ้าทำลายชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เจ้าจะไม่แต่งกับนางไม่ได้”

คำพูดของปู้จิงหยุนไม่มีแม้แต่ความบริสุทธิ์ใจ แล้วยังมีกลิ่นอายของคำเตือนและการหยั่งเชิงอยู่ด้วย หลานจิ่วชิงถูกเขาพูดพร่ำใส่จนรำคาญ เขาจึงตวาดขึ้นมา “ปู้จิงหยุน ข้าว่าเจ้าพอได้แล้ว ในสมองของเจ้าคิดเรื่องอื่นไม่ได้เลยหรือ วันหนึ่งวันเจ้าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ไม่ได้รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่”

สิ่งที่หลานจิ่วชิงไม่อยากจะเอ่ยขึ้นมาที่สุดก็คือ ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน ในตอนแรกเขาเฝ้ามองดูผู้คนเหล่านั้นทำลายชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ยื่นมือออกมาช่วยเหลือ ในตอนนี้เขาทำลายชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง เมื่อคิดขึ้นมาในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ

ปู้จิงหยุนหยักหน้าอย่างจริงจัง มีประกายแวววาวที่ไม่คุ้นเคยในดวงตาของเขา พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไม่รู้สึกผิด “เรื่องนั้นข้าทำไม่ได้ ช่วงนี้ข้าว่างมาก นอกจากเรื่องความรักของหนุ่มสาวแล้ว ข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีกเลย ข้าว่านะจิ่วชิง เจ้าอย่าไม่ให้ความสนใจกับเรื่องความรักของหนุ่มสาวนี้เลย เจ้าอย่าลืมไปเสียล่ะ ว่าในตอนนั้นเจ้าสัญญาอะไรกับอาจารย์และนายหญิงเอาไว้”

คำพูดของปู้จิงหยุน สามารถเปลี่ยนสีหน้าของหลานจิ่วชิงได้สำเร็จ ไม่ใช่เพราะความโกรธของปู้จิงหยุน แต่เป็นใบหน้าที่จริงจังของเขา

เรื่องบางอย่าง ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจ แล้วตอนนี้ล่ะ? ยังจะเป็นเหมือนเดิมได้อีกหรือไม่?

เมื่อปู้จิงหยุนเห็นว่าหลานจิ่วชิงมีท่าทีเช่นนั้น น้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันที และแอบแฝงการตำหนิเล็กน้อยในคำพูด “จิ่วชิง เจ้าคงไม่ได้ลืมมันจริงๆหรอกนะ? เจ้าได้ให้สัญญากับอาจารย์ไว้ว่าเจ้าจะแต่งกับศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะผิดคำสัญญาไม่ได้”

ปู้จิงหยุนพูดมาเนิ่นนาน ที่แท้ก็เพื่อเตือนหลานจิ่วชิงไม่ให้ปล่อยลูกสาวของอาจารย์ของเขาไป ฉินเป่าเอ๋อ

“ข้าไม่ได้ลืม เรื่องที่ข้าสัญญาเอาไว้กับอาจารย์ข้าต้องทำให้ได้ ข้าจะต้องแต่งกับเป่าเอ๋อ” หลานจิ่วชิงตอบอย่างแห้งเหี่ยว เหมือนกับว่ากำลังอธิบายและโน้มน้าวตนเอง “เฟิ่งชิงเฉินมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม นางเคยพูดถึงเรื่องทักษะการบำรุงหัวใจ ข้าเห็นว่านางมีความสามารถเรื่องนี้ บางทีนางอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของเป่าเอ๋อได้”

หลานจิ่วชิงพูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือ ราวกับว่าเขากำลังหลอกตัวเอง และราวกับกำลังหลอกปู้จิงหยุนด้วย ปู้จิงหยุนรู้ถึงความไม่มั่นใจของหลานจิ่วชิง และเขาฉลาดพอที่จะไม่ถามอะไรอีก และกลับมามีท่าทางยิ้มหัวเราะอย่างก่อนหน้านี้

“จะจริงจังแบบนี้ไปทำไมกัน ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเป่าเอ๋อที่มีมากกว่าสิบปี ข้าเข้าใจเจ้าดี วิญญาณของอาจารย์กับนายหญิงของเจ้าจะต้องดีใจกับเป่าเอ๋อแน่ๆ

เป่าเอ๋อเกิดมาพร้อมกับโรคที่ร่างกายมีความบกพร่อง แต่พอได้รับการดูแลอย่างดีมานานหลายปี นางก็ดูเหมือนคนปกติทั่วๆไป ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรให้นางอยู่แต่ที่หมู่บ้านในหุบเขาตลอด ได้เวลาที่จะพาเป่าเอ๋อออกมาแล้ว และพวกเจ้าทั้งสองก็เป็นคู่หมั้นกัน เช่นนี้ก็ไม่นับว่าเป็นการผิดประเพณี”

ปู้จิงหยุนยิ้มและพูดเกลี้ยกล่อม แต่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ในใจของเขานั้นกำลังมีเลือดหยดออกมา