“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ” ฮูหยินปิงจีถามยวี่จีอย่างไม่เข้าใจ
ยวี่จีรีบอธิบายต่อฮูหยินปิงจี “สัตว์เทพกิเลนเป็นสัตว์เทพโบราณ ทั้งยังเป็นสัตว์เทพระดับสูง แม้สัตว์เทพซื่อฉิงจะดุร้าย ทว่ามันเป็นเพียงสัตว์เทพชั้นต่ำในสระไร้รัก ดังนั้นสัตว์เทพซื่อฉิงจึงไม่อาจต่อกรกับสัตว์เทพกิเลนได้”
คำพูดของยวี่จี ซูจิ่นซีได้ยินอย่างชัดเจน
ซูจิ่นซีล้มลงบนพื้น แม้จะรู้สึกเจ็บ ทว่านางยังเผยรอยยิ้มยั่วยุแก่ฮูหยินปิงจี “เป็นเช่นไร? ข้าควรให้สัตว์เทพกิเลนกินสัตว์เทพซื่อฉิงชั้นต่ำของเจ้าก่อนดีหรือไม่? ”
เมื่อซูจิ่นซีพูดคำเหล่านี้ออกไป ไม่เพียงสีหน้าของฮูหยินปิงจีและยวี่จีเท่านั้นที่เคร่งเครียด กระทั่งสัตว์เทพซื่อฉิงในสระไร้รักก็เหมือนจะเข้าใจคำพูดของซูจิ่นซี มันหดตัวกลับลงไปในสระด้วยความหวาดกลัว
ฮูหยินปิงจีมองซูจิ่นซีที่กำลังได้ใจ พลางกัดฟันด้วยความโกรธ
“ไปหยิบกระบี่จื๋ออิ่งมา! ”
“ขอรับ! ”
ยวี่จีหันไปมองซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนจะรับคำสั่งจากฮูหยินปิงจี จากนั้นจึงออกไปนำกระบี่จื๋ออิ่งมาด้วยตนเอง
ผ่านไปไม่นาน ยวี่จีก็กลับมาพร้อมกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่เปล่งประกายแสงเจิดจ้า
ซูจิ่นซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่สัตว์เทพกิเลนเห็นกระบี่จื๋ออิ่งด้ามนั้น มันถึงกับก้าวถอยหลัง ทว่ามันยังคงยืนอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซี ปกป้องนางอย่างดุร้าย
กระบี่จื๋ออิ่งมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่? กระทั่งสัตว์เทพกิเลนเห็นแล้วยังหวาดกลัว
ยวี่จียกยิ้มเย็นชา เมื่อเห็นใบหน้าซูจิ่นซีเผยถึงความกังวล
“คิดว่าฮูหยินน้อยคงไม่รู้ความเป็นมาของกระบี่จื๋ออิ่งกระมัง? เช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ฮูหยินน้อยฟัง ในสมัยโบราณ มีสตรีเชื้อพระวงศ์นางหนึ่งของเผ่าเม้ยใช้เลือดของนางหล่อหลอมกระบี่จื๋ออิ่งขึ้นมา กระบี่จื๋ออิ่งรวบรวมแก่นแท้จากสวรรค์ชั้นฟ้าและแผ่นดิน ทั้งยังหลอมรวมจิตวิญญาณของสตรี มันสามารถสังหารสัตว์เทพและกำจัดปีศาจได้”
มิน่าเล่า สัตว์เทพกิเลนถึงหวาดกลัวกระบี่จื๋ออิ่ง
ทว่า… เผ่าเม้ย… ซูจิ่นซีรู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินจากที่ใด
ระหว่างที่พูด ยวี่จีก็ชี้กระบี่จื๋ออิ่งไปทางสัตว์เทพกิเลนและฟันลงไป
สัตว์เทพกิเลนพยายามดิ้นรนต่อต้าน ทว่ามันได้รับบาดเจ็บจากรัศมีของดาบจนล้มลงบนพื้น
ซูจิ่นซีเห็นว่าร่างของสัตว์เทพกิเลนมีเลือดไหลออกมา
เวลานี้ยวี่จีถือกระบี่จื๋ออิ่ง เตรียมฟันสัตว์เทพกิเลนเป็นครั้งที่สอง เพียงกำจัดสัตว์เทพกิเลน ฮูหยินปิงจีก็สามารถจัดการซูจิ่นซีได้อย่างง่ายดาย
ทว่าสัตว์เทพกิเลนยังคงปกป้องซูจิ่นซีอยู่ด้านหน้า มันกลายเป็นเกาะกำบังอันแข็งแกร่งที่ปกป้องซูจิ่นซีอย่างมั่นคงที่สุด
“สัตว์เทพกิเลน เจ้าถอยไป! ” ซูจิ่นซีพูดเสียงเย็นชา
กระบี่จื๋ออิ่งใช้เพื่อสังหารสัตว์เทพโดยเฉพาะ สัตว์เทพกิเลนไม่สามารถต้านทานได้ หากต่อสู้ต่อไปเช่นนี้ มันคงต้องตายอย่างเปล่าประโยชน์
สัตว์เทพกิเลนหันศีรษะมองซูจิ่นซีด้วยสายตาแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม ยวี่จียังลงมือฟันกระบี่เป็นครั้งที่สอง
สัตว์เทพกิเลนพ่นเปลวเพลิงเหมันต์ออกมา ทว่าภายใต้พลังของกระบี่จื๋ออิ่ง เปลวเพลิงของมันกลับปราศจากพลังทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังส่งผลตรงกันข้ามโดยการสะท้อนพลังกลับมาที่ร่างของสัตว์เทพกิเลนอย่างรุนแรงอีกด้วย
“สัตว์เทพกิเลนอย่าต่อสู้อีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเจ้าอาจตายได้”
“คิดไม่ถึงว่า นอกจากสัตว์เทพกิเลนจะเป็นสัตว์เทพที่มีสถานะสูงส่งสง่างามแล้ว ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์อย่างมาก” ยวี่จียิ้มเยาะเย้ย พลางเดินถือกระบี่จื๋ออิ่งตรงเข้ามาหาซูจิ่นซีและสัตว์เทพกิเลนอย่างเชื่องช้า
สัตว์เทพกิเลนต่อต้านยวี่จีด้วยท่าทีแข็งกร้าว แต่เพราะมันได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงล้มลงข้างกายซูจิ่นซีดังครืน
สัตว์เทพกิเลนที่ล้มลงพยายามฝืนยืนขึ้นเพื่อปกป้องซูจิ่นซี ทว่ามันลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้ว แม้จะยืนได้ แต่ไม่นานก็ล้มลงไปอีกครั้ง เมื่อล้มแล้วก็ยังดิ้นรนสุดชีวิต
ซูจิ่นซีอดมองมันด้วยดวงตาแดงก่ำไม่ได้ “เจ้าโง่ ไม่ต้องขยับแล้ว เจ้าอยากตายหรือ? ”
อย่างไรก็ตาม สัตว์เทพกิเลนยังคงมองซูจิ่นซีด้วยแววตาแปลกประหลาดและฝืนดิ้นรนสุดชีวิต
“ในเมื่ออยากตาย เช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าให้ตายไปพร้อมๆ กัน”
ยวี่จีหรี่ดวงตาเย็นชา แววตาพลันปรากฏไอสังหารรุนแรง ก่อนจะยกกระบี่จื๋ออิ่งขึ้น
ซูจิ่นซีเปิดการใช้งานอาคมกำไลปี่อั้น นางคิดจะเก็บสัตว์เทพกิเลนเข้าไปในกำไล ทันใดนั้นอาคมกำไลปี่อั้นก็เปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าดอกปี่อั้นสีโลหิต แสงนั้นปกคลุมร่างของซูจิ่นซีกับสัตว์เทพกิเลน
ยวี่จีวาดกระบี่ลงไปยังแสงสว่างที่แผ่ออกมาปกคลุม ทว่าไม่เพียงทำร้ายสัตว์เทพกิเลนไม่ได้เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าพลังโจมตีอันรุนแรงของกระบี่จะย้อนกลับมายังร่างของยวี่จี เขาถูกพลังนั้นผลักจนเซถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ”
ยวี่จียังไม่ทันได้ประหลาดใจ กระบี่จื๋ออิ่งก็ไม่ฟังคำสั่งของเขาเสียแล้ว มันเปล่งลำแสงสว่างและค่อยๆ ลอยไปหาซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเงยหน้ามองกระบี่จื๋ออิ่งที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของนาง
ทุกคนรวมทั้งซูจิ่นซีต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
ซูจิ่นซีลองยื่นมือออกไปหากระบี่จื๋ออิ่ง ทันใดนั้น กระบี่จื๋ออิ่งที่ลอยอยู่ในอากาศก็พุ่งผ่านลำแสงเจิดจ้ามาตกลงบนมือของซูจิ่นซี
ยวี่จีและฮูหยินปิงจีต่างตกตะลึง
ดวงตาของสัตว์เทพกิเลนเปล่งประกายด้วยความยินดี
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ยกยิ้มมุมปาก นางเก็บสัตว์เทพกิเลนเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น ก่อนจะถือกระบี่จื๋ออิ่งยืนขึ้นและหันหน้าไปทางยวี่จี พลางพูดว่า “ข้ายึดกระบี่ของเจ้าไว้แล้ว เจ้ามีอันใดจะพูดอีกหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีพูดพลางถือกระบี่ในมือเดินกลับไปทางสัตว์เทพซื่อฉิงที่อยู่ในสระไร้รัก
“คิดสังหารสัตว์เทพกิเลนของข้าหรือ? ข้าจะสังหารสัตว์เทพชั้นต่ำตัวนี้เสียก่อน แล้วค่อยจัดการพวกเจ้าก็ยังไม่สาย”
ซูจิ่นซีพูดพลางถือกระบี่เดินเข้าไปใกล้สระไร้รักอย่างเชื่องช้า อาคมกำไลปี่อั้นเปล่งลำแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง ยวี่จีพยายามขัดขวางซูจิ่นซี ทว่ากลับถูกลำแสงที่แผ่ออกมาปกคลุมนั้นขวางไว้ ทำให้ไม่อาจเข้าใกล้นางได้
“อย่า ซูจิ่นซี เจ้าอย่าทำเช่นนั้น! อย่าทำร้ายสัตว์เทพซื่อฉิง” ฮูหยินปิงจีตะโกนบอกซูจิ่นซีด้วยความตื่นตระหนก
ซูจิ่นซีไม่สนใจฮูหยินปิงจีแม้แต่น้อย นางถือกระบี่เดินเข้าไปไม่หยุด ทันใดนั้น ขณะที่กระบี่จื๋ออิ่งในมือของซูจิ่นซีกำลังจะพุ่งเสียบสัตว์เทพซื่อฉิง ฮูหยินปิงจีก็ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “ซูจิ่นซี เจ้าไม่อาจสังหารสัตว์เทพซื่อฉิงได้ มิฉะนั้นโยวเหยาจะต้องตายไปด้วย”
ซูจิ่นซีไม่มีวรยุทธ์ กระบี่ที่แทงออกไปจึงไม่มีพลังเท่าใดนัก จากความไวของนาง ทำให้สามารถดึงกระบี่กลับมาได้อย่างง่ายดาย แม้สัตว์เทพซื่อฉิงจะถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บ ทว่ากระบี่แทงไม่ถูกจุดสำคัญ จึงไม่อันตรายถึงชีวิต
“สังหารสัตว์เทพซื่อฉิง เยี่ยโยวเหยาจะต้องตายไปด้วยหรือ? หมายความอย่างไร? อธิบายให้ชัดเจน! ”
เมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของซูจิ่นซี ฮูหยินปิงจีก็ราวกับรู้จุดอ่อนของนาง ฮูหยินปิงจีพูดอย่างลำพองใจว่า “เนื่องจากหมุดกร่อนรักกับสัตว์เทพซื่อฉิงมีความสัมผัสเชื่อมโยงถึงกัน ดังนั้นผู้ที่ได้รับหมุดกร่อนรักจะมีความรู้สึกและตอบสนองเช่นเดียวกันกับสัตว์เทพซื่อฉิง หากไม่สามารถนำหมุดกร่อนรักออกจากร่างของโยวเหยาได้ ทั้งยังบุ่มบ่ามสังหารสัตว์เทพซื่อฉิง โยวเหยาจะต้องตายสถานเดียว”
ซูจิ่นซีเพิ่งได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับหมุดกร่อนรักเป็นครั้งแรก
มันคือสิ่งใดกันแน่ เกี่ยวข้องกับพิษหรือไม่? เหตุใดนางที่อยู่กับเยี่ยโยวเหยาตลอดเวลาจึงตรวจไม่พบเรื่องนี้?
นอกจากพิษสลายโลหิตในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาที่นางไม่สามารถรักษาได้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก
“หมุดกร่อนรักคือสิ่งใดกัน? ” ซูจิ่นซีถามด้วยแววตาสงสัย