ตอนที่ 104 ตีให้ตายหนิวปาจินก็ไม่เชื่อ!

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

ครั้งนั้นหนิวปาจินติดตามเซียวเถี่ยเฟิงออกจากเขาเว่ยอวิ๋นมาผาดโผนในโลกภายนอก คนบนเขาเว่ยอวิ๋นที่รู้ฐานะของเซียวเถี่ยเฟิงในโลกภายนอกจึงมีแต่หนิวปาจินเท่านั้น

“พี่ล่ำ!” พอคิดขึ้นมาว่าคนที่ด้านนอกน่าจะเป็นหนิวปาจิน สีหน้าของกู้จิ้งก็เปลี่ยนไปทันที เธอโผเข้าไปกอดเซียวเถี่ยเฟิงเอาไว้พลางพูดเสียงออดอ้อน “ตอนนั้นฉันคิดว่านายแต่งงานมีลูกกับคนอื่นไปแล้ว รู้ไหมว่าฉันปวดใจมากแค่ไหน? ตอนนั้นฉันเจ็บปวดเหมือนถูกควักหัวใจ ฉัน…”

เธอต้องพยายามเป่าหูสุดความสามารถ เซียวเถี่ยเฟิงจะได้รู้ว่าเพื่อนรักของเขานิสัยแย่ขนาดไหน!

นางปีศาจอย่างเธอไม่ได้มีแค่ชื่อ เธอจะต้องทำลายความผูกพันฉันพี่น้องของพวกเขาให้ได้

“ข้ารู้” ไม่ต้องให้นางพูด เซียวเถี่ยเฟิงก็รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร

เขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก กู้จิ้งนั่งอยู่ในห้องครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าบ้าง เธอต้องตามไปดู จะได้ฉวยโอกาสเติมเชื้อเพลิงในเวลาเหมาะๆ

ไปถึงห้องรับแขก เธอเห็นหนิวปาจินกำลังมองเซียวเถี่ยเฟิงด้วยสีหน้าจนใจ

“เจ้าแต่งงานกับนางอย่างนั้นหรือ? นางเป็นปีศาจ เจ้ารู้ไหม?”

“ใช่ๆๆ นางเป็นลูกสาวตระกูลหนิง ไม่ใช่ปีศาจ แต่คนอย่างนางไม่มีเจตนาดี! ตอนนั้นนางรู้ว่าเจ้าแต่งงานกับคนอื่นก็สะบัดหน้าจากไปทันที ไม่มีทีท่าเสียใจสักนิด! แถมนางยังกำชับเรื่องลูกหลานรุ่นหลังของเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้อีกด้วย!”

มันเรียกว่าอะไรนะ ฮาฮาวาอะไรสักอย่าง? เขาจำไม่ได้แล้ว สรุปแล้วผู้หญิงคนนั้นยอมรับเรื่องที่เซียวเถี่ยเฟิงมีลูกหลานกับคนอื่นได้อย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด

นั่นเรียกว่าความรักหรือ? ตีให้ตายหนิวปาจินก็ไม่เชื่อ!

“เจ้านี่น้า ชีวิตนี้ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงก็เลยหลงกลผู้หญิงง่ายๆ เจ้าไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงร้ายกาจขนาดไหน!”

“ยังมี ทำไมสีหน้าเจ้ากลายเป็นแบบนี้? ถูกนางทำร้ายอย่างนั้นหรือ?”

กู้จิ้งซึ่งซ่อนอยู่ในมุมมืดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห

เจ้าหมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร เรื่องผัวๆ เมียๆ ของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับนายด้วย มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอื่นแบบนี้ ยังมีๆ เจ้าผู้ชายแซ่หนิว จะเป็นห่วงก็กลับบ้านไปห่วงเมียของตัวเองสิ ไม่ต้องมาห่วงผัวของชาวบ้าน!

แต่เธอยังอยากดูว่าเซียวเถี่ยเฟิงจะจัดการอย่างไร ดังนั้นจึงอดกลั้นเอาไว้

เซียวเถี่ยเฟิงมองหนิวปาจินเพื่อนรักด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกพลางฟังอีกฝ่ายพูดจาว่าร้ายภรรยาของตัวเองไม่หยุด รอจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบ เขาถึงได้เอ่ยถามว่า “ยังมีอีกไหม?”

“ไม่ ไม่มี”

เขาพูดตั้งขนาดนี้ ทำไมถึงไม่หวั่นไหวเลยนะ

เซียวเถี่ยเฟิงจ้องหนิวปาจินตาเขม็ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ

“วันนี้ข้าจะบอกเจ้าแค่สองเรื่อง”

“บอกมาสิ…”

เห็นดวงตาที่อ่านความหมายไม่ออกของเซียวเถี่ยเฟิงแล้ว จู่ๆ หนิวปาจินก็ไม่สบายใจนัก…

“เรื่องแรก กู้จิ้งเป็นเมียของข้า เรื่องระหว่างข้ากับนาง คนอื่นไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้ามาสอดแทรก อย่าว่าแต่นางดีต่อข้ามาก ต่อให้นางถือดาบมาฆ่าข้า คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว ข้าเองก็จะไม่ยอมให้ใครมาพูดจาว่าร้ายนางแม้แต่ประโยคเดียว ยิ่งถ้อยคำก่นด่ายุแยงให้แตกแยก ข้ายิ่งไม่อยากได้ยิน ส่วนเรื่องที่เจ้าพูดจาเหลวไหลไปบอกเมียข้าว่าข้าแต่งงานกับคนอื่นแถมยังมีลูกแล้ว เดี๋ยวเราค่อยออกไปคิดบัญชีกัน”

หนิวปาจินสะดุ้ง เขาจ้องเซียวเถี่ยเฟิงตาเขม็ง ในใจสังหรณ์ว่าเซียวเถี่ยเฟิงต้องยังมีเรื่องอื่นอีกแน่

“แล้ว…แล้วเรื่องที่สองล่ะ?”

“เรื่องที่สอง” เซียวเถี่ยเฟิงปรายตามองหนิวปาจินก่อนจะพูดช้าๆ “ในที่สุดลวี่หลัวก็แต่งงานกับท่านอ๋อง”

หนิวปาจินได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดผ่าน เสี้ยวขณะนั้น เขาได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น

หลังจากตะลึงงันไปครู่ใหญ่ ร่างของเขาก็ทรุดลงบนพื้น ปากพึมพำว่า “แต่งก็ดีแล้ว…ดี ดีมาก…”

เซียวเถี่ยเฟิงก้มลงไปหิ้วตัวหนิวปาจินขึ้นมาโดยไม่เกรงใจสักนิด

“มา เรามาคิดบัญชีเรื่องที่ข้าแต่งงานใหม่แถมยังมีลูกแล้วกัน”

เห็นเซียวเถี่ยเฟิงกับหนิวปาจินออกไปแล้ว กู้จิ้งค่อยยื่นหน้าออกไปดูทางหน้าต่าง แต่เสียดายที่มองไม่เห็น เธอจึงเงี่ยหูฟังแทน ไม่นานนักก็มีเสียงดังโครมครามตามมาด้วยเสียงร้องของผู้ชายที่ถูกซ้อมอย่างดุเดือด

กู้จิ้งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางปีศาจไม่ได้เรียกแต่ปากนะ หนิวปาจิน…นายควรจะมีวันนี้ตั้งนานแล้ว

 

หนิวปาจินถูกซ้อมจนหน้าเขียวช้ำจมูกบวมเป่ง

ตอนแรกกู้จิ้งรู้สึกพอใจมาก ต่อให้เธอไม่ถือสาที่ตัวเองต้องเจ็บปวดมานานถึงครึ่งปี แต่เธอก็ถือสาช่วงเวลาสี่ปีที่เซียวเถี่ยเฟิงเฝ้าค้นหาเธอด้วยความทุกข์ทรมาน ระหว่างช่วงเวลาหลายปีที่ไม่มีเธอ เขาทนอยู่มาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าผู้ชายเช่นเขาต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหน

กู้จิ้งคิดขึ้นมาก็แค้นใจนัก ใจนึกอยากจะซ้อมหนิวปาจินให้ตายไปเสียเลย

แต่หลังจากแอบดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พบว่าหนิวปาจินไม่ได้ตอบโต้สักนิด เขาทำตัวเหมือนกระสอบทรายให้เซียวเถี่ยเฟิงซ้อมตามใจชอบ เธอจึงเริ่มรู้สึกไม่ถูกต้องนัก

ไม่อย่างนั้นใครๆ จะว่าเธอเป็นคนดีหรือ เธอเป็นคนใจอ่อน ก่อนหน้านี้ยังแค้นแทบเป็นแทบตาย แต่พอเห็นผู้ชายตัวโตถูกซ้อมจนมีสภาพแบบนี้ เธอก็ทนดูไม่ได้

“พี่ล่ำ อย่าซ้อมอีกเลย ช่างเถอะ ปล่อยเขาไปเถอะนะ”

กู้จิ้งวิ่งออกไปขอร้องแทนหนิวปาจิน

ในใจคิดว่า ถึงอย่างไรก็จะซ้อมให้ตายจริงๆ ไม่ได้

คิดไม่ถึงว่าหนิวปาจินกลับเอาแต่นอนอยู่ตรงนั้นเหมือนหมูที่ตายแล้วไม่มีผิด สีหน้าท่าทางเหมือนไม่อาลัยอาวรณ์กับชีวิตสักนิด

“เถี่ยเฟิง เจ้าซ้อมเถอะ ซ้อมข้าอีกสิ!”

หา? กู้จิ้งตกใจมาก ในใจคิดว่าเธออุตส่าห์ขอร้องแทนแล้ว แต่เขากลับบอกให้เซียวเถี่ยเฟิงซ้อมต่อ สมองมีปัญหารึยังไง?

เซียวเถี่ยเฟิงเองก็ซ้อมจนพอใจแล้ว เขาเตะหนิวปาจินอีกครั้งพลางกล่าวด้วยความไม่พอใจในความไม่เอาไหนของอีกฝ่าย “เจ้ามันคนไม่เอาไหน!”

“ใช่ ข้าไม่เอาไหน…” หนิวปาจินพึมพำ

ที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่… กู้จิ้งเริ่มงง

เซียวเถี่ยเฟิงปรายตามองหนิวปาจินด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากลับไปก่อน อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้าที่นี่”

หนิวปาจินยังคงนอนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนหมูที่ถูกเชือดตายไปแล้วไม่มีผิด

เซียวเถี่ยเฟิงพากู้จิ้งกลับไปที่เรือนหลังโดยไม่สนใจเขาอีก

ในใจกู้จิ้งเต็มไปด้วยความงุนงง เธออยากถาม แต่เห็นสีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงทั้งเย็นชาทั้งแข็งกระด้าง ดูไม่ค่อยดีนัก เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม

เซียวเถี่ยเฟิงพากู้จิ้งกลับเข้าไปในเรือนแล้วปิดประตูตามหลัง

กู้จิ้งแอบสะดุ้งอยู่ในใจ จู่ๆ คำสี่คำก็ผุดขึ้นมาในสมองของเธอ ‘ปิดประตูตีหมา’

เธอมองเซียวเถี่ยเฟิงอย่างระมัดระวัง โชคดีที่สายตาของเซียวเถี่ยเฟิงที่มองกลับมาดูอ่อนโยนลงมาก

“เป็นอะไรไป โกรธหนิวปาจินงั้นหรือ?” เธอรีบถามเสียงอ่อนเสียงหวาน ดึงเอาความสามารถของนางปีศาจออกมาใช้เต็มที่

“เปล่า” เซียวเถี่ยเฟิงดึงมือเธอมากุมไว้พลางก้มลงจ้องหน้าเธอเขม็ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามโพล่งขึ้นว่า “ใช่แล้ว มีเรื่องหนึ่งที่ข้าลืมถามเจ้า”

“อะไรหรือ?” จะคิดบัญชีย้อนหลังงั้นรึ?

“ตอนนั้นเจ้ากำชับให้หนิวปาจินเอาคำพูดประโยคหนึ่งมาบอกข้าใช่ไหม?”

“ก็มีเรื่องนี้นะ…”

“เจ้าบอกว่าลูกหลานรุ่นหลังจะดื่มวาฮาฮา นั่นหมายความว่ายังไง?”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งงันไปทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้างตามแบบฉบับแม่ทัพหน้าเหล็กของเขาแล้วนึกถึงคำว่า ‘วาฮาฮา’ ที่เขาพูด จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ

เธออยากยิ้ม แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ

หลังจากมุมปากกระตุกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็ตั้งสติได้ กู้จิ้งสูดหายใจลึก

“ตอนนั้นฉันได้ยินว่านายแต่งงานมีลูกกับคนอื่น ฉันเสียใจมาก ดังนั้นก็เลยคิดว่าในเมื่อนายมีลูกแล้ว ฉันก็ควรอวยพรให้ลูกหลานของนายมีความสุขหัวเราะฮาๆ น่ะสิ”

“หืม?” เซียวเถี่ยเฟิงเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ

“ใช่” กู้จิ้งรีบบีบน้ำตาแล้วหลุบตาลงกลบเกลื่อน น้ำเสียงที่พูดทั้งเสียใจทั้งจนปัญญา “ถึงอย่างไรนายก็แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แม้กระทั่งลูกก็มีแล้ว ฉันยังจะทำอะไรได้อีก ฉันทำเรื่องเลวร้ายอย่างการแย่งสามีแย่งพ่อของคนอื่นไม่ได้หรอก ดังนั้นก็เลยได้แต่อวยพรให้นายมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง…”

แม้เซียวเถี่ยเฟิงจะรู้สึกว่าคำพูดของเธอไม่น่าจะเป็นความจริง แต่เห็นเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาก็ปวดใจเหลือเกิน เขากอดเธอเอาไว้พลางพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวจิ้งเอ๋อ อย่าเสียใจไปเลย เรื่องพวกนั้นไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย”

กู้จิ้งกลัวตัวเองจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบซุกหน้าเข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้วพูดเสียงอู้อี้ “ใช่ โชคดีที่ไม่ใช่ความจริง”

เซียวเถี่ยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พูดโพล่งขึ้นว่า “ไม่ได้ ข้าต้องไปซ้อมเขาอีกรอบ กล้าทำให้เสี่ยวจิ้งเอ๋อของข้าเสียใจขนาดนี้”

กู้จิ้งรีบดึงเขาเอาไว้ “อย่าๆๆ พี่ล่ำ เราอย่าโมโหเพราะหนิวปาจินอีกเลย ฉันไม่อยากเห็นเขาเสียด้วยซ้ำ นายรีบไล่เขาไปเถอะ”

เซียวเถี่ยเฟิงคิดๆ แล้วก็เห็นด้วย “ได้ ข้าจะไล่เขาไป”

กู้จิ้งถอนใจโล่งอก แต่นึกถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากของหนิวปาจิน เธอก็อดสงสัยไม่ได้ “เขาเป็นอะไรไป สะเทือนใจเรื่องอะไรกันแน่?”