ในเมื่อเตรียมตัวลงไปข้างล่าง จอร์แดนจึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องนอน
หลินจือก็ไปล้างหน้าจัดการตัวเองที่ห้องน้ำ วันนี้เธอจะแค่ไปเคารพหลุมศพแม่บุญธรรมกับจอร์แดน ดังนั้นเลยไม่ได้แต่งหน้า
ยังดีที่ในกระเป๋าเธอพกของอยู่บ้าง ลิปสติกรองพื้นและดินสอเขียนคิ้ว หลินจือหันหน้าเข้ากระจกแล้วจะเริ่มแต่งอย่างง่ายๆ จู่ๆเทาเท่ก็ผลักประตูห้องน้ำเดินเข้ามา ทำเอาหลินจือตกใจ
เขาไร้มารยาทสุดๆเลย ไม่ยอมเคาะประตู
ยังดีที่เธอแค่แต่งหน้า ไม่งั้นคงน่าอายมาก
เธอหยุดมือที่จะทาลิปสติก หันไปถามเขา:“มีอะไรไหม?”
เทาเท่ก้มหน้ามองไปที่ใบหน้าขาวใสของเธอ ก็รู้สึกว่าเสมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง
เมื่อก่อนอยู่ต่อหน้าเขาเธอมักจะอายและตื่นกลัวไม่กล้ามองหน้าเขา เป็นผู้หญิงที่เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ แต่ตอนนี้กลายเป็นหงส์ขาวที่สง่างาม เขาอยากจะจับเธอไว้ แต่ดูเหมือนว่ายังไงก็จับไม่ได้ จับเธอ ความรู้สึกนี้มันแย่จริงๆ
เขาเม้มปากไม่พูดจา สักพัก จู่ๆก็เดินเข้ามา ยกมือขึ้นเอาเธอมาโอบไว้ในอ้อมแขน กอดเธอไว้แน่น หลินจือรู้สึกเหมือนเอวจะหักเพราะเขา
เธอดิ้นรนขึ้นมา:“คุณทำอะไร?”
เทาเท่กอดเธอแน่นไม่ปล่อย ซุกไปที่คอเธอแล้วพูดอย่างจริงจังตรงข้างหูเธอว่า:“หลินจือ ผมก็จะยืนอยู่ด้านหลังคุณเสมอ ปกป้องคุณ สนับสนุนคุณตลอดไป ”
เขาคิดมาเสมอว่าตัวเองเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ แต่ตอนนี้จู่ๆก็มีจอร์แดนที่แข็งแกร่งกว่ามาปรากฏตัว และยังเป็นพ่อแท้ๆของเธอ เทาเท่รู้สึกถึงอันตรายอยู่ลึกๆ
เขากลัวมาก กลัวว่าเธอจะไม่ต้องการเขาอีกแล้ว
หลินจือรู้สึกเทาเท่พูดคำพูดพวกนี้ได้แปลกสุดๆ เหมือนเธอจะไม่ต้องการการปกป้องและสนับสนุนของเขาเลย
เขากอดเธอไว้แน่นจริงๆ จอร์แดนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมาได้ตลอดเวลา แล้วถ้าเห็นพวกเขาสองคนกอดกันแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน?
หลินจือได้แต่เงยหน้าเล็กๆในอ้อมแขนเขาขึ้นมาแล้วพูดอย่างต่อต้าน:“คุณรีบปล่อยฉัน ฉันจะแต่งหน้า”
เทาเท่ก็พูดตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติ:“แบบนี้ก็สวยมากแล้ว”
ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดจาหวานๆแล้ว แต่พูดคำที่ออกมาจากใจอย่างควบคุมไม่ได้
ผิวของเธอขาวและละเอียดอ่อน มองใกล้ๆแบบนี้เหมือนเครื่องเคลือบอย่างดี ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย
ผิวแบบนี้เข้ากับใบหน้าที่สดชื่นอ่อนโยนของเธอ มักจะทำให้คนรู้สึกถึงสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนละสายตาออกไปไม่ได้
หลินจือออกแรงผลักเขาอย่างโมโห:“เทาเท่ คุณพอแล้ว!”
“อย่าเอาแต่พูดคำพูดพิลึกที่ทำให้คนรู้สึกอายแบบนี้!”และก็คืนวันงานเลี้ยงที่เขาพูดกับเธอว่ามองเธอไม่เบื่อ หลินจือรู้สึกอายอย่างมาก
มือทั้งสองข้างของเทาเท่โอบเอวเธอแน่น จ้องเธอแล้วถามย้อนเสียงเบา:“พิลึกตรงไหน?น่าอายตรงไหน?”
หลินจือตอบกลับ:“เมื่อก่อนคุณไม่ชอบฉันไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้เอาแต่พูดว่าฉันสวยทั้งวัน ไม่อายหรือไง?”
เทาเท่ชี้แจงให้ตัวเองทีละคำ:“ผมยอมรับ เมื่อก่อนผมไม่ดีกับคุณเท่าไหร่นัก แต่เมื่อไหร่กันที่ผมเคยบอกว่าคุณไม่สวย?”
หลินจืออ้าปาก ไม่รู้จะพูดอะไร
เหมือนเขาจะไม่เคยพูดว่าเธอไม่สวยจริงๆ เขาแค่เย็นชาใส่เธอเท่านั้น
“คุณคิดว่าผมเทาเท่เป็นคนที่ชอบแก้ขัดไปก่อนเหรอ?ถ้าไม่ใช่ว่าใบหน้าของคุณนี้——”เทาเท่พูดถึงตรงนี้ก็กัดฟันแน่น“ถ้าไม่ใช่ว่าคุณดูสวยแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะยอมแต่งงานกับคุณเหรอ?”
หลินจือ:“……”
เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตอนนั้นที่ยอมเพราะความสวยงามของเธอ หลินจือก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
เธอจ้องเขา ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเยือกเย็น:“ผู้ชายนี่ เหอะๆ ไม่มีใครที่ไม่ทะลึ่ง”
เผชิญหน้ากับคำถากถางของเธอ เทาเท่กลับไม่หงุดหงิด เขากลับขำเธอ
เขาอธิบายให้เธออย่างจริงจังว่า:“ที่เรียกว่ารักแรกพบ พูดอย่างเพราะว่ารักแรกพบ หากพูดไม่เพราะก็คือเห็นหน้าตาดีก็อยากมีความสัมพันธ์ด้วย”
เขาพูดจบก็ถามย้อนหลินจือ:“คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?ไม่ใช่ว่าคุณเกิดรักแรกพบกับผมหรอกเหรอ?คุณชอบผมตรงไหน?”
ไม่รอให้หลินจือพูดอะไร เขาก็ยังสรุปไปว่า:“ไม่ได้หลงใหลใบหน้านี้ของผมเหรอ?”
ตอนนี้เองใบหน้าหลินจือก็กลั้นไม่อยู่ จากเขินอายก็จ้องเขาด้วยความโกรธสักพักไม่พูดอะไรออกมา เพราะว่าเขาพูดเหมือนว่าจะจริง
ไม่ว่าชายหรือหญิง แวบแรกที่ชอบใครสักคน ก็เพราะว่าเขาหล่อสวยกันไม่ใช่เหรอ?
“เทาเท่!”ตอนนี้เอง จู่ๆด้านหลังเทาเท่ก็มีเสียงตะโกนออกมา“แกปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!”
จอร์แดนที่เปลี่ยนชุดเสร็จออกมาจากห้องนอน เห็นเทาเท่โอบหลินจือในห้องน้ำ ก็โกรธจนตะคอกออกไปทันที
เทาเท่กอดต่อไปไม่ได้ จึงยอมปล่อยหลินจืออย่างไม่ยินดีนัก หลินจือรีบผลักเขาออกไป แล้วปิดประตูห้องน้ำ
ด้านนอกประตู จอร์แดนยกมือขึ้นชี้ใส่เทาเท่กัดฟันพูดออกไปว่า:“คุณอยู่ให้ห่างเธอหน่อย รักษาระยะห่างที่ควรมีต่อเธอในฐานะอดีตสามี”
ความหมายก็คือ ในเมื่อหย่าร้างกันแล้ว ก็ไม่ควรกอดเธอบ่อยๆแบบนี้
เทาเท่ยอมรับว่า จอร์แดนเหมาะสมมากที่เป็นนักเล่นคำ “อดีตสามี”สามคำนี้ ไม่น่าฟังเลย
ชูมือขึ้นมาจัดเสื้อตัวเองที่ยับเล็กน้อย เขายืนตัวตรงพูดอย่างเคร่งขรึม:“คุณจอร์แดน วันนี้ผมจะพูดกับคุณอย่างเป็นทางการตรงนี้สักหน่อย ผมคิดจะตามจีบหลินจือคืนมา”
จอร์แดนตะโกนไปอย่างไม่เกรงใจ:“ฝันไปเถอะ”
เทาเท่กลับไม่รำคาญ ท่าทีแบบนี้ของจอร์แดนเขาคิดไว้อยู่แล้ว
ถ้าต่อไปเขามีลูกสาวโดนรังแกแบบนี้ เขาอาจไปรื้อบ้านของชายคนนั้นได้เลย จอร์แดนไม่ทำอะไรเขา ถือว่ามีสติมากพอ
ดังนั้น ท่าทีของเขาจึงมีความจริงใจมาก:“ผมรู้ เมื่อก่อนผมเคยทำร้ายเธอ แต่ผมสำนึกผิดแล้ว ปีกว่าที่แยกกับเธอนี้ ผมรู้ถึงความสำคัญที่เธอมีต่อผมแล้ว ผมไม่มีเธอแล้วผมไม่อาจใช้ชีวิตได้”
จอร์แดนไม่รู้สึกเห็นใจสักนิด ยกมือขึ้นชี้ไปที่ประตู:“คุณอยากไปซะตั้งแต่ตอนนี้หรือไง?”
เทาเท่ได้แต่หยุดหัวข้อของตัวเอง เขาไม่อยากไปตอนนี้ เดี๋ยวเขายังต้องไปเผชิญหน้ากับนักข่าวเหล่านั้นเป็นเพื่อนหลินจือด้วย
ที่เทาเท่พูดคำพูดเหล่านี้กับจอร์แดน หลินจือที่อยู่ในห้องน้ำได้ยินหมด
เธอมองไปยังหญิงสาวในกระจกที่สวยงามอย่างว่างเปล่า และความโศกเศร้าก็ผุดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
หลังจากหย่าไปหนึ่งปีกว่า เธอได้รับหัวใจของชายหนุ่มที่เคยรักสุดหัวใจแล้ว มันสายเกินไปหรือเปล่า?
เธอหลับตาเบาๆ กำจัดอารมณ์เชิงลบเหล่านี้ออกไปจากหัว จากนั้นลืมตาตั้งใจเขียนคิ้วให้ตัวเองต่อ
ตอนนี้ความรักไม่สำคัญสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญของเธอคือครอบครัว และอาชีพการงาน
หลินจือเก็บของตัวเองเสร็จ ทั้งสามคนจึงลงไปด้วยกัน
ชั้นล่างโรงแรมมีนักข่าวรุมล้อมจริงๆ บรรดาเลนส์กล้อง ต่างกำลังรอจอร์แดนหรือหลินจือปรากฎตัว นี่คือข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในวันนี้ พวกเขาต้องเฝ้าอยู่แนวหน้า