บทที่ 218 ต่อไปต้องปกป้องฉันนะ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

แต่ว่า พวกนักข่าวคิดไม่ถึงว่าพอหลินจือและจอร์แดนออกมาด้วยกัน ก็ยังมีเทาเท่นักธุรกิจคนใหม่แห่งเมืองเจสเวิร์ดของพวกเขา

มีนักข่าวถามอย่างตกใจ:“ประธานเทาเท่ นี่คุณ?”

“คุณจอร์แดนเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของผม เขาเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ผมไม่ควรปรากฏตัวตรงนี้เหรอ?”เทาเท่ตอบกลับอย่างเยือกเย็นจนเอาความสงสัยของเหล่านักข่าวคืนกลับไป

จอร์แดนยกมือขึ้นสื่อให้พวกนักข่าวเงียบ จากนั้นพูดก่อนว่า:“ขอบคุณการติดตามและสนับสนุนของทุกคน ช่วงนี้พวกเราตระกูลแม็กซิมัสจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ เพื่อแนะนำลูกสาวสุดที่รักของผมกับโลกภายนอกอย่างเป็นทางการ”

“ตั้งแต่นี้ไป ทุกคนมีอะไรก็ถามผมได้เลย”จอร์แดนยิ้มอย่างอบอุ่นและใจดีไปที่เลนส์กล้องของนักข่าว ไม่เหมือนคนที่เอาสองพ่อลูกชาร์ลีเข้าคุกเลยสักนิด และไม่เหมือนคนที่ตบหน้าเบลซแรงๆ

จอร์แดนยืนอยู่หน้ากล้อง หลินจือคล้องแขนเคียงข้างเขา เทาเท่ยืนตัวสูงอยู่หลังสองคนพ่อลูกด้วยสายตาเยือกเย็น สายตามองไปที่หลินจือโดยไม่พูดอะไร

พวกนักข่าวถามจอร์แดน:“คุณจอร์แดน ขอโทษนะคะคุณกับแม่คุณหลินจือรู้จักกันได้ไง?”

จอร์แดนตอบไปตามตรง:“ตอนผมหนุ่มๆเรียนหนังสือที่เมืองเจสเวิร์ด ได้รู้จักแม่เธอ ตอนนั้นพวกเรารักกันมาก แต่ต่อมาทางบ้านผมเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ผมถูกเรียกกลับด่วน”

“ตอนนั้นที่บ้านเราเกิดปัญหาใหญ่ ขนาดผมเองยังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ เลยไม่กล้ากลับไปหาเธอ และก็เช่นนี้ หลายปีผ่านไปพอทุกอย่างเริ่มสงบลง ผมกลับมาอีกก็ไม่เจอเธอแล้ว พวกเราจึงขาดกันติดต่อไปเลย”

“ผมก็เพิ่งรู้ หลังจากเธอคลอดลูกมาไม่นานก็เสียไป”น้ำเสียงของจอร์แดนดูเสียใจมาก

นิทานเรื่องนี้ฟังดูแล้วน่าเศร้าจริงๆ ทำให้พวกนักข่าวก็ถอนหายใจตาม

มีนักข่าวถามหลินจือ:“คุณหลินจือ ขอโทษนะต่อไปคุณจะไปใช้ชีวิตที่เปกก้ากับคุณจอร์แดนไหม?”

ตอนพวกนักข่าวถามคำถามนี้ หัวใจของเทาเท่ก็เหมือนกับถูกบีบ สายตานั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังด้านข้างหลินจืออย่างไม่ละออก

ถ้าเธอไม่กลับไปเปกก้า กลัวว่าเขาจะเอาฟอเรนากรุ๊ปย้ายตามไปที่เมืองเวลฟ์น่ะสิ

หลินจือพูดไปเบาๆ:“ตอนนี้ที่เมืองเจสเวิร์ดงานฉันยังไม่เสร็จเลย ในช่วงนี้น่าจะยังไม่ไป พองานเสร็จฉันอาจจะคิดดูค่ะ”

คำตอบนี้ของหลินจือ ทำให้หัวใจของเทาเท่ตายลง

จริงๆด้วย เธอคิดจะไปเมืองเวลฟ์

อย่างที่คิดไว้เลย คนและเรื่องราวที่เมืองเจสเวิร์ด ไม่มีความหมายอะไรกับเธอ

แต่ทางเลือกของเธอก็พอจะเข้าใจได้ จอร์แดนเป็นพ่อแท้ๆของเธอ ส่วนเขา……ก็แค่อดีตสามีที่เคยทำเธอเสียใจมาก เธอจะอาลัยอาวรณ์ถึงเขาไปทำไมกัน?

ถึงเธออาลัยอาวรณ์ ก็น่าจะอาลัยอาวรณ์นานิเพื่อนแสนดีคนนั้น

ยังไง ช่วงเวลามืดมนในชีวิตของเธอทั้งหมด ก็มีนานิที่อยู่กับเธอ

ส่วนเขา ที่อยู่กับเธอสามปีในชีวิตแต่งงาน ไม่เคยผ่านเรื่องราวอะไรกับเธอเลย

จอร์แดนเสริมคำพูดของหลินจือไปว่า:“พวกเราเป็นพ่อลูกกัน และผมก็หายไปจากชีวิตเธอตั้งนานหลายปี ผมก็หวังนะว่าเธอจะไปสนิทกับผมมากขึ้นที่เปกก้า”

“แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเธอก็อยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด และการงานของเธอก็อยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด พวกเราเคารพการตัดสินใจของเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ผมและทุกคนในตระกูลแม็กซิมัสของพวกเรา ต่างรักเธอ”

คำพูดของจอร์แดนทำให้หลินจือตาแดงก่ำอีกครั้ง ความรู้สึกที่ถูกคนในครอบครัวรัก มันช่างดีเสียจริง

จากนี้ไปในใจก็จะมีแต่ความรักของพวกเขา ไม่ขาดความรักอีกต่อไปสินะ?

และก็ไม่โหยหาว่าผู้ชายสักคนจะให้บ้านเธอ ความอบอุ่นในบ้านเธออีกต่อไป?

จอร์แดนยกมือขึ้นมาตบมือเธอที่คล้องแขนตัวเองเบาๆ ปลอบเธออย่างอบอุ่น

จอร์แดนพูดอีกว่า:“ขอบคุณทุกคนที่ติดตามพวกเราสองพ่อลูก สุดท้าย ผมมีอีกอย่างที่จะพูด”

เหล่านักข่าวค่อยๆเอาไมค์ยื่นมือไปตรงหน้าเขา เฝ้ารอที่เขาจะพูด

จอร์แดนเก็บรอยยิ้มอันอบอุ่นทั้งใบหน้า มองไปที่เลนส์กล้องด้วยสายตาคมกริบ ประกาศไปอย่างจริงจังทีละคำว่า:“ลูกสาวของผม ตั้งแต่นี้ไปจะมีผมกับตระกูลแม็กซิมัสปกป้อง ไม่ยอมให้ใครก็ตามมารังแก”

นักข่าวในที่นั้นรู้สึกเย็นทั่วหลังกับสายตาและน้ำเสียงนั้นของเขา ต้องยอมรับว่า จอร์แดนที่จู่ๆก็ดูเฉียบคมขึ้นมานั้น ดูทำลายล้างสูงและแข็งแกร่งมาก

แต่ว่า นี่ก็พอจะมองออกว่า เขาให้ความสำคัญอย่างมากต่อหลินจือลูกสาวที่หายไปและพบคืนมา

จากนั้นจอร์แดนก็พูดกับนักข่าวตรงหน้าอีกครั้ง:“หวังว่าต่อไปทุกคนจะเมตตาเธอ เธอก็แค่นักเขียนบทคนหนึ่ง ถือเป็นคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง อย่าไปรบกวนเธอมากนัก”

“โอเคๆ”เหล่านักข่าวทยอยตอบตกลง

จอร์แดนเหมือนจะคิดอะไรได้อีกจึงชี้แจงกับนักข่าวไปว่า:“ตอนนี้ลูกสาวผมอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังหนึ่ง เป็นของผมที่ให้เธอเอง และยังมีเครื่องประดับราคาสูงแต่ละชนิดที่เธอสวม เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลผมให้เธอ ต่อไปทุกคนอย่าเขียนอะไรเหลวไหลว่ามีผู้ชายให้เธอล่ะ”

“และอย่าเขียนเด็ดขาดว่าเธอทำนั่นนี่กับผู้ชายเพื่อเงินเพื่อผลประโยชน์ เธอไม่จำเป็นเลย”

เหล่านักข่าวขำกับประโยคนี้ของจอร์แดน แต่ก็รู้สึกว่าจอร์แดนพูดให้ชัดเจนล่วงหน้าแบบนี้ดีมาก จะได้ไม่มีข่าวไม่ดีอะไรปรากฏอีก

และหลินจือก็มีจอร์แดนกับตระกูลแม็กซิมัสเป็นที่พึ่ง ไม่ต้องไปเอาใจใครอีกแล้ว คนอื่นอย่าเข้าไปเอาใจเธอกันก็พอแล้ว

ก็แค่ จอร์แดนพูดแบบนี้ ทำให้จากนั้นเทาเท่ก็ไม่มีความสุขนัก

ถ้าต่อไปเขาจะให้ของขวัญราคาแพงต่อหลินจือ ก็คือว่าเป็นผู้ชายเหลวไหล?

นี่มันน่ารำคาญชะมัด

จอร์แดนปกป้องหลินจืออย่างดีแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เธอแต่งงานเหรอ?อยากให้เธอโสดไปตลอดชีวิตหรือไง?

อะไรที่ควรพูดกับพวกนักข่าวก็พูดไปหมดแล้ว จอร์แดนจึงโบกมือให้พวกนักข่าว:“งั้นก็จบการแถลงข่าวละกัน ผมหวังว่าครั้งหน้าตอนเราเจอกัน จะเป็นตอนที่ละครใหม่ที่พวกเราสองพ่อลูกร่วมมือกันออกฉาย”

ความหมายคือ ช่วงนี้ พวกเขาก็อย่าไปรบกวนเขากับหลินจืออีก

จอร์แดนพูดจบก็หันหน้าไปพูดกับเทาเท่:“ประธานเทาเท่ งั้นก็รบกวนคุณช่วยส่งลูกสาวผมกลับบ้านด้วย ผมไม่ไปที่นั่นกับเธอแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องบินกลับเช้า”

จอร์แดนขอร้องให้เทาเท่ดูแลอย่างใจกว้างต่อหน้านักข่าว ไม่มีใครมีความเห็นอะไร ดังนั้นหลินจือจึงนั่งเข้าไปในรถของเทาเท่แล้วออกไป ส่วนจอร์แดนก็กลับโรงแรมของตัวเอง

ตอนนี้ เรื่องราวอันโกลาหลนี้ จึงสิ้นสุดลง

หลินจือไม่ได้ออกจากวงการเขียนบทโดยถูกใส่ร้ายจากข่าวอื้อฉาว แต่เธอกลับได้รับตัวตนเป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลแม็กซิมัสอย่างแท้จริง ตั้งแต่นี้ไปไม่ว่าในชีวิตหรือการทำงานก็จะมีคนเอาอกเอาใจมากมาย

คนเหล่านั้นที่พยายามวางแผนให้เธออับอายพอแผนการล้มเหลวก็คร่ำครวญสุดขีด และบางคนถึงกับร้องไห้อย่างไม่ส่งเสียง

ระหว่างทางที่กลับ หลินจือได้รับสายของนานิ

นานิเห็นหลินจือกับจอร์แดนสัมภาษณ์เสร็จในโทรทัศน์จึงโทรหาหลินจือด้วยความตื่นเต้น หลินจือเพิ่งรับสายก็ได้ยินนานิกรีดร้องอย่างตื่นเต้นในสายว่า:“ที่รัก เธอเจ๋งมาก!”

“ต่อไปเธอต้องปกป้องฉันนะ!”นานิขอร้องอย่างไม่เกรงใจ