หลินจือหัวเราออกมาจากคำหยอกล้อของนานิ ทั้งคืนเธอมีหลากหลายอารมณ์ผสมกันไป เดี๋ยวก็ร้องไห้ แต่กับนานิแล้ว แค่ประโยคเดียวของนานิก็ทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
นานิเป็นผลไม้แห่งความสุขเสียจริง
เทาเท่เห็นเธอหัวเราะออกมา ก็รู้สึกหึงเล็กน้อย ในใจหัวยิ่งเต็มไปด้วยความสิ้นหวังไม่จบสิ้น
นานิทำให้เธอยิ้มได้ เขากลับไม่มีความสามารถอย่างนี้ เขาทำให้เธอเสียใจและโกรธเท่านั้น
ต่อมาก็ยังมีจอร์แดนที่ปกป้องเธอ การมีอยู่ของเขาดูเหมือนจะไร้ค่าไปเลย
หลินจือไม่ได้ตระหนักเห็นอารมณ์ของเทาเท่ เธอหัวเราะเบาๆพูดกับนานิว่า;“ฉันต้องปกป้องเธออยู่แล้ว แต่ว่า เธอแน่ใจว่าจะให้ฉันปกป้องเธอเหรอ?”
นิสัยอย่างนานิต้องการคนปกป้องที่ไหนกัน?
เคยเป็นเจ๊สมัยมัธยมปลาย ตอนนี้เป็นมืออาชีพในวงการบันเทิง ตั้งแต่เริ่มเรียนหนังสือก็เป็นนานิที่ปกป้องเธอ จนกระทั่งตอนนี้
นานิหัวเราะคิกคักในสาย:“พวกเราปกป้องกันและกัน”
นานิถามอีกว่า:“ใช่สิ ตอนนี้เธอถึงไหนแล้ว?”
หลินจือมองไปนอกหน้าต่าง พูดตำแหน่งของตัวเอง:“น่าจะอีกสิบนาทีก็ถึงแล้ว”
ตอนนี้หลินจือต้องขอบคุณความเอาใจใส่ของจอร์แดน ที่ให้บ้านหลังนี้ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับนานิแก่เธอ แบบนี้ก็จะสะดวกเพราะพวกเธอจะเจอกันได้ตลอดเวลา
เวลาเศร้าๆก็เจอกันได้ ปลอบใจกันและกัน ตอนมีความสุขก็สามารถเจอหน้ากันได้ ดื่มฉลองด้วยกัน
นานิพูดอย่างมีความสุข:“ดีจัง งั้นเดลิเวอรี่ที่ฉันสั่งก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว ฉันจะเปิดไวน์ดี เป็นการฉลองให้เธอ”
อารมณ์ของหลินจือนั้นดีมาก ดังนั้นจึงตกลงอย่างมีความสุข:“โอเค”
นานิก็พูดเสริมไปอีก:“ใช่สิ ประธานเจเทาวน์ก็อยู่นี่ เขาก็เห็นข่าวแล้วเป็นห่วงเธอ ดังนั้นเลยมาที่บ้านฉัน รอเธอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จกับฉัน”
“อือ”หลินจือตอบกลับ
นานิถามอีกว่า:“เอ่อ……เทาเท่มาส่งเธอใช่ไหม?เขาจะมาด้วยไหมอ่ะ?”
“ฉันถามเขาก่อน”หลินจือตอบ จากนั้นหันไปถามเทาเท่ที่ขับรถอยู่ข้างๆ“นานิบอกว่าเดี๋ยวจะไปกินข้าวที่บ้านเธอ คุณไปไหม?”
เทาเท่ตอบกลับมาอย่างเคร่งขรึม:“ไม่ไป”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องตอบตกลงว่าไปทันทีแน่นอน ไม่อยู่ห่างเธอสักวินาทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจเทาวน์อยู่ด้วย เขาไม่เคยพลาด
แต่ตอนนี้อารมณ์เขาดิ่งสุดๆ คิดว่าตัวเองไม่มีดีเลย
เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เขารู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า
หลินจือมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับนานินิ่งๆ:“เขาไม่ไป เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้”
“เขาไม่มาเหรอ?”นานิที่อยู่ในสายตกใจมาก“นี่ไม่ใช่สไตล์เขาเลยนะ?”
ช่วงนี้เทาเท่จีบหลินจืออย่างดุเดือดไม่ใช่เหรอ ขนาดหลินจือไปเปกก้าตกดึกเขาก็ยังตามไป ทำไมตอนนี้จะกินข้าวฉลองให้หลินจือ เขากลับอยู่ห่างๆ
ว่ากันว่าหัวใจของผู้หญิงเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่เทาเท่ที่เป็นผู้ชาย ก็ค่อนข้างเข้าใจยากเช่นกัน
“พอแค่นี้ละกัน เดี๋ยวเจอหน้าค่อยคุยนะ”หลินจือไม่อยากคุยเรื่องของเทาเท่กับนานิอีก ดังนั้นจึงรีบวางสาย
รถขับไปได้สักพัก หลินจือค่อยๆรู้สึกถึงอารมณ์ที่ดิ่งสุดๆของเทาเท่ที่อยู่ด้านข้าง
แต่ว่า เธอก็คิดแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ถามเขาว่าเป็นอะไรไป อารมณ์ของเขาจะดีหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับเธอนี่?
ทั้งสองจึงเงียบตลอดทางที่กลับไปหมู่บ้าน เทาเท่ส่งหลินจือที่หน้าคฤหาสน์ของนานิ หลินจือขอบคุณเขาแล้วลงจากรถ
เธอลงจากรถ เทาเท่ก็เหยียบคันเร่งพุ่งออกไป
นานิออกมาเปิดประตูให้หลินจือ เลยยื่นหน้าออกมามองก็เห็นตูดรถของเทาเท่ขับออกไป ถามอย่างไม่เข้าใจไปว่า:“พวกเธอสองคนทะเลาะกันเหรอ?”
“เปล่า”หลินจืองงมากกว่า
นานิสงสัย:“งั้นทำไมเขาไม่มากินด้วยกัน?”
“ไม่รู้”หลินจือพูดไปก็ก้าวเข้าไปในบ้านของนานิด้วย
นานิที่อยู่หลังเธอหลังจากปิดประตูลงก็พึมพำว่า:“เขาแทบจะอยู่ติดเธอทั้งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเหรอ?”
หลินจือหันไปมองนานิอย่างทำอะไรไม่ได้:“เธอไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว กว่าฉันจะได้อยู่เงียบๆบ้าง”
เวลานี้เจเทาวน์ออกมาจากห้องครัวพอดี นานิหยุดได้ทันเวลา
เจเทาวน์เห็นหลินจือมาถึง สายตานั้นจ้องไปที่ใบหน้าเธออย่างลึกซึ้ง จากนั้นพูดกับเธออย่างจริงใจว่า:“ยินดีกับคุณด้วยนะ หาพ่อแท้ๆเจอแล้ว”
ใบหน้าหลินจือมีรอยยิ้มกว้าง:“ขอบคุณค่ะ”
นานิถอดหายใจอยู่ข้างๆ:“นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง คิดไม่ถึงว่าเพราะหนังสือเล่มใหม่นี้ของอาจารย์จอร์แดนจะทำให้เธอได้เจอพ่อแท้ๆ”
หลินจือพยักหน้าเบาๆ:“ดังนั้น ตอนนี้ในใจฉันมีแต่ความขอบคุณ แต่ว่าหลายปีมานี้ตั้งแต่เด็กจนโตที่ฉันประสบเรื่องที่ไม่มีความสุข ตอนนี้ฉันโล่งใจแล้ว”
“มีคำหนึ่งบอกไว้ว่า พระเจ้าจะเอาส่วนที่ดีที่สุดไปไว้ในตอนท้าย ฉันเชื่อว่าต่อไปจะมีแต่สิ่งดีๆแล้ว”
หลินจือพูดจบ นานิก็เข้าไปกอดเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จากนั้นพูดอย่างสะอื้น:“ใช่ ต่อไปจะมีแต่สิ่งดีๆ เธอจะต้องมีความสุขแน่นอน”
“ฉันรู้อยู่แล้ว เธอแสนดีขนาดนี้ พระเจ้าต้องไม่ใจร้ายกับเธอแน่”นานิกับหลินจือรู้จักกันตั้งแต่เรียนหนังสือ หลายปีมานี้หลินจือลำบากแค่ไหน นานิรับรู้หมด
ตอนนี้หลินจือหาพอแท้ๆเจอแล้ว นานิดีใจแทนหลินจือ
เจเทาวน์ที่อยู่ด้านข้างจึงเตือนเธอสองคนที่กอดกันอยู่อย่างได้เวลาพอดี:“สร่างเมาแล้ว เริ่มดื่มดีกว่า”
นานิจึงปล่อยหลินจือ แล้วจูงมือของหลินจือเดินไปข้างโต๊ะทานข้าว ทั้งสามชูแก้วขึ้นมา ดื่มอย่างมีความสุข
หลินจือกินไปก็เล่าเรื่องในอดีตของจอร์แดนกับแม่แท้ๆของเธอให้เจเทาวน์กับนานิฟังไปด้วย และก็เล่าว่าจอร์แดนแน่ใจตัวตนของเธอได้อย่างไร นานิก็ถึงกับอุทานว่านี่มันเหมือนดูละครทีวีเลย
ฟังหลินจือเล่าจบ ในใจของเจเทาวน์ก็รู้สึกผ่อนคลายลง
หลังจากกินอิ่มกัน เพราะว่านานิมีความสุขมากจึงดื่มจนเมาเลยข้อร้องให้เจเทาวน์ส่งหลินจือกลับด้วย จากนั้นตัวเองก็ขึ้นไปนอนก่อน
หลินจือกับเจเทาวน์ออกไปจากบ้านนานิ ทั้งสองเดินไปคุยไป
เจเทาวน์พูดเบาๆ:“แม่รู้เรื่องนี้ ก็ยังตั้งใจโทรมาถามผมโดยเฉพาะ”
หลินจือรีบพูด:“เธอตกใจใช่ไหมคะ?”
อย่าว่าแต่คนนอก แม้แต่เธอเอง ตอนนั้นรู้ว่าตัวเองเป็นลูกสาวแท้ๆของจอร์แดน ก็ไม่ได้สติคืนมาอยู่สักพัก
“ใช่”เจเทาวน์หยุดฝีเท้าลง มองเธอแล้วพูดขำๆว่า“เธอยังบอกผมว่า ที่จริงพวกเรานั้นเหลื่อมล้ำกันมาก”
หลินจือรีบพูด:“ใช่ที่ไหนกัน?เดี๋ยวฉันโทรหาคุณน้า——”
เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกคำพูดของเจเทาวน์ตัดบท
เจเทาวน์มองเธอแล้วพูดอย่างจริงจัง:“หลินจือ พวกเราจบความสัมพันธ์แบบนี้เถอะ”
หลินจือไม่เข้าใจ:“คุณคงไม่ได้รู้สึกว่ามีความเหลื่อมล้ำระหว่างกันหรอกนะ?”
เจเทาวน์ส่ายหน้าปฏิเสธเธอไปว่า:“แน่นอนว่าไม่ใช่”
“ผมแค่รู้สึกว่า ไม่ควรใช้เหตุผลและข้ออ้างแบบนี้มาผูกมัดคุณ”น้ำเสียงและท่าทางของเจเทาวน์เคร่งขรึมมาก ไม่ได้ดูล้อเล่นเลย