DC บทที่ 239: ความปรารถนาในการฝึกฝน

 

หลังจากผู้อาวุโสซุนเข้าไปในบ้านพร้อมกับซูหยาง ผู้อาวุโสซุนก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าจักพูดสั้นๆและง่ายๆว่า สิ่งที่เจ้าทำตอนนี้เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายจำนวนมาก และผู้อาวุโสนิกายได้ตัดสินใจที่จะหยุดมันครั้งนี้ตลอดไป”

 

“ช่างตรงไปตรงมา” ซูหยางกล่าว ท่าทางของเขายังคงสงบ

 

“แม้ว่าเจ้ามิได้ทำอะไรเกินเลยกฏของนิกาย แต่นั่นกลับทำให้ศิษย์ชายจำนวนมากมิสามารถที่จะฝึกฝนได้ และเราก็มิอาจปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อไปได้อีก ข้าหวังว่าเจ้าคงเข้าใจได้ว่านี่ทำให้ผู้อาวุโสนิกายเกิดความสนใจ เพราะว่าข้อร้องเรียนมากมายถูกส่งไปหาพวกเขา และพวกเขาล้วนเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้”

 

ผู้อาวุโสซุนอธิบายให้ซูหยาง แม้ว่าพวกเขาต้องการให้เขาหยุดทำเช่นนี้ พวกเขาก็ทำเพราะว่าถูกบีบโดยเหล่าศิษย์

 

“อืมมมม… อย่างนั้นรึ” ซูหยางยังคงเฉย กล่าวว่า “นี่หมายความว่าเป็นความผิดของข้าที่บรรดาศิษย์เหล่านี้ไม่สามารถที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับหญิงของตนเองได้ หือ ข้าคิดว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกระตุ้นให้บรรดาศิษย์ร่วมฝึกคู่ให้ได้มากที่สุดเสียอีก และนั่นก็เป็นสิ่งปกติที่ข้ากำลังทำ”

 

ผู้อาวุโสซุนรู้ว่านี่ไม่ง่ายที่จะหว่านล้อมคนอย่างซูหยาง แต่เขาก็พยายามโดยไม่คิดมากนัก “นั่นก็จริง แต่ในกรณีของเจ้า มันเป็นบางสิ่งที่นิกายมิเคยพบมาก่อน ข้ามั่นใจว่ามิมีใครภายในนิกายที่จะคาดคิดว่าคนคนเดียวสามารถฝึกร่วมกับคนหลายคนได้จนทำให้เกิดปัญหา”

 

“ถ้าข้าปฏิเสธล่ะ ท่านจะทำอะไร ในเมื่อข้ามิได้ล่วงข้ามกฏใดของนิกายเลย ท่านจักต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้ในการหว่านล้อมข้าให้หยุด ซึ่งตามความเป็นจริง ทำไมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมิสอนศิษย์ให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้หญิงได้ดีกว่านี้”

 

“ซูหยาง นี่มิใช่สิ่งที่เจ้าสามารถปฏิเสธได้ ในเมื่อผู้อาวุโสเขตศิษย์นอกทุกคนล้วนคาดหวังให้เจ้าหยุดการลวงโลกีย์นี้” ผู้อาวุโสซุนขมวดคิ้ว

 

“ลวงโลกีย์ นั่นช่างน่าเจ็บปวด ผู้อาวุโสซุน สิ่งที่ข้ากำลังทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยนิกายโดยการสร้างความสุขสมให้กับบรรดาศิษย์หญิง แต่เพราะว่าการร้องเรียนบางอย่างที่ทำให้ท่านต้องการนำเอาความสุขของพวกเธอออกไป ข้ารู้สึกละอายใจที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ที่มีความคิดเช่นนี้” ซูหยางส่ายหน้าด้วยท่าทางเป็นทุกข์ร้อน

 

อย่างไรก็ตามกับการแสดงออกของเขานั้น ผู้อาวุโสซุนกลับไม่เชื่อแม้แต่น้อยและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าเพียงได้พูดกับเจ้าไม่กี่ครั้ง ข้าก็รู้จักตัวเจ้าเป็นอย่างดี ซูหยาง ในเมื่อเจ้ามิใช่คนประเภทที่จะกล่าวถ้อยคำอย่างนั้นแม้แต่น้อย”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านก็คงมิเข้าใจข้าแม้แต่น้อย…”

 

เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไปไม่ถึงไหน ผู้อาวุโสซุนก็ถอนใจ “จักทำอะไรจึงจะหยุดความบ้าคลั่งนี้ได้ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อส่งข่าวให้กับเจ้า ถ้าเจ้ามิต้องการฟังข้า เช่นนั้นเจ้าก็จักต้องเจอกับคนอื่นอีก และพวกเขาย่อมมิมีความอดทนเช่นเดียวกับข้า”

 

ซูหยางหรี่ตามองดูผู้อาวุโสซุน แม้ว่าปราณหยินที่เขาได้จากการร่วมฝึกคู่กับศิษย์นอกเหล่านี้ทั้งหมดแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็นานมาแล้วที่เขาได้ร่วมฝึกคู่กับหญิงจำนวนมากโดยไม่หยุดพัก และเขาก็ค่อนข้างสนุกกับมันแม้ว่าจะไม่ได้ประโยชน์มากนักจากสิ่งที่เขาต้องการ

 

ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีผลกระทบกับซูหยางมากนักถ้าหากว่าเขาหยุดการร่วมฝึกคู่กับศิษย์นอกเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ชอบให้มีคนมาบีบบังคับเอาสิ่งต่างๆจากเขา

 

“ให้ข้ากล่าวแบบตรงประเด็น ท่านมีเพียงปัญหาเดียวกับสิ่งที่ข้าทำ ก็เพราะว่าศิษย์หญิงที่มาหาข้าเพื่อหาความสุขมิยอมกลับไปหาคู่ของพวกเธอ และพวกเขาจึงทำการร้องเรียน ถูกต้องไหม”

 

“ในแง่นั้น ใช่” ผู้อาวุโสซุนพยักหน้า

 

“เช่นนั้นท่านก็จักมิรบกวนข้าอีก ถ้าศิษย์เหล่านั้นหยุดร่ำร้อง ใช่ไหม”

 

ผู้อาวุโสซุนมองดูเขาด้วยท่าทางครุ่นคิด คิดในใจว่า “เขาคิดจะทำอะไรคราวนี้”

 

“ถ้าเจ้าสามารถทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ เช่นนั้นผู้อาวุโสนิกายก็จักมิมีเหตุผลอีกต่อไปที่จะหยุดสิ่งที่เจ้าทำ”

 

“เหตุใดทำให้ท่านมั่นใจเช่นนั้น”

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร” ผู้อาวุโสซุนกล่าวด้วยเสียงหยิ่งทระนง “ถ้าข้ากล่าวว่าผู้อาวุโสนิกายจักมิรบกวนเจ้าอีก เช่นนั้นพวกเขาก็จักมิรบกวนเจ้า”

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจักถือว่าท่านให้สัญญาแล้ว”

 

สองสามวินาทีหลังจากนั้น เขาก็ตรงไปยังประตู

 

“เจ้ากำลังจะไปไหน” ผู้อาวุโสซุนถามเขา

 

ซูหยางไม่ได้กล่าวถ้อยคำอะไรทั้งสิ้น เพียงก้าวเท้าออกไปข้างนอก

 

ยามเมื่อเขาอยู่ข้างนอก ศิษย์ทุกคนที่นั่นล้วนมองดูเขาด้วยท่าทางกังวล คิดสงสัยว่าจะมีสิ่งที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น ในเมื่อผู้อาวุโสซุนเป็นหัวหน้าของหน่วยคุมกฏ และนั่นก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำไมเขาจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่เขตศิษย์นอก

 

“ข้ามีสามเรื่องที่จะประกาศ” ซูหยางพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังพอที่ศิษย์ทุกคนที่อยู่ด้านหลังจะได้ยิน

 

“อันดับแรก ข้าจักมิเปิดบริการนี้อีกต่อไป”

 

เมื่อซูหยางกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น หญิงทุกคนที่นั่นรู้สึกเหมือนกับว่าถูกแทงเข้าไปที่หัวใจด้วยกระบี่คม

 

“ว่ากระไร มีอะไรเกิดขึ้นรึ”

 

“หรือนี่เป็นเพราะผู้อาวุโสซุน”

 

“นี่ช่างกระทันหันเกินไป ข้ารออยู่ที่นี่นับชั่วโมงแล้ว”

 

ความโกลาหลเกิดขึ้นด้านนอกที่พักของซูหยางจนผู้อาวุโสซุนรู้สึกถึงหยาดเหงื่อที่กำลังไหลออกมาจากใบหน้าเมื่อเขาได้ยินชื่อตัวเองถูกกล่าวขานโดยกลุ่มมวลชน แน่นอนว่าเหล่าศิษย์พลันถือว่าเขาเป็นเหตุผลที่ซูหยางปิดประตู

 

“เงียบก่อนสักชั่วขณะ ข้ายังคงมีอีกสองเรื่องที่จะกล่าว” ซูหยางคำราม จนทำให้ที่แห่งนั้นเงียบลงทันที

 

“แม้ว่าข้าจักมิทำการบริการเช่นนี้อีกต่อไป ประตูของข้ายังคงเปิดให้ทุกคนที่ต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับข้า ดังนั้นจึงมิมีอะไรเปลี่ยนแปลง”

 

“นี่มันหมายความว่าอะไร” ผู้อาวุโสซุนจ้องมองซูหยางด้วยท่าทางงุนงง

 

และก่อนที่ศิษย์หญิงจะทันได้เฉลิมฉลองกับข่าวนั้น ซูหยางก็กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเนื่องเพราะว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่ได้ละเลยคู่ฝึกของเจ้า ข้าจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้าเจ้าต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับข้า จงมั่นใจว่าอย่างน้อยอย่าได้ละเลยคู่ฝึกของเจ้า เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ข้าก็ยังมิใช่คู่ฝึกของเจ้า เป็นเพียงศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่ปรารถนาการฝึกฝนเท่านั้น”

 

ทั้งสถานที่นั้นพลันเงียบสงัด และคงอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายวินาทีหลังจากคำกล่าวของซูหยาง ทุกคนที่นั่นล้วนไร้คำพูดที่จะกล่าวรวมไปถึงผู้อาวุโสซุนด้วย