ภาคแคว้นติ้ง บทที่ 39 ฮ่องเต้แคว้นเฉิงขอแต่งงาน (4)

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

ใบหน้าของเซียงซืออวี่เรียบนิ่ง รอยยิ้มเย้นหยันพาดผ่านมุมปาก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พระราชวังเป็นสถานที่ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร เพื่อแย่งชิงอำนาจ เรื่องราวพี่น้องห้ำหั่น พ่อลูกเคืองแค้นมีให้ได้ยินมากมาย ทว่าวันนี้เห็นฮ่องเต้แคว้นติ้งแล้ว จึงได้รู้ว่าข่าวลือไม่ได้เป็นจริงทั้งหมดเสมอไป”

ฮ่องเต้แคว้นติ้งยิ้ม แล้วกล่าวว่า “คุณชายเซียงเยินยอเกินไปแล้ว เรื่องการแย่งชิงอำนาจ ข้าเองก็ใช่ว่าไม่เคยประสบ การเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ทำให้ฉางเล่อของข้าต้องแยกจากข้าไปนานหลายปี ยามนี้นางกลับมาอยู่ข้างกายข้า อดีตทุกอย่าง ล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว”

ตงฟางเจ๋อยกถ้วยสุราแล้วลุกขึ้นยืน “ครั้งที่แล้วผิดนัด เพราะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เจ๋อไม่สบายใจต่อเรื่องนี้ยิ่งนัก วันนี้ขอชดเชยด้วยสุราถ้วยนี้ ขอฮ่องเต้แคว้นติ้งโปรดอภัยด้วย” เอ่ยจบ ก็แหงนหน้ากระดกสุราหมดถ้วย จากนั้นก็คว่ำถ้วยลง เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่เหลือสุราสักหยด เป็นการแสดงความขอโทษจากใจจริง

ฮ่องเต้แคว้นติ้งยกถ้วยสุรา กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้น หากมิใช่อุบัติเหตุครั้งนั้น สองแคว้นคงไม่ได้ตกลงร่วมมือกันเร็วถึงเพียงนี้ เห็นได้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นชะตาลิขิต” เอ่ยจบก็กระดกสุราหมดรวดเดียว ซูหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยรินสุราให้เขา

ตงฟางเจ๋อยกถ้วยสุราแล้วหันไปทางหลางฉ่าง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ปีนั้นมีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทที่เมืองหลวงแคว้นเฉิง ก็รู้แล้วว่าพระองค์เป็นห่วงราษฎร และให้ความสำคัญกับสันติสุข เจ๋อเองก็มีปณิธานเช่นเดียวกัน ได้ร่วมมือกับองค์รัชทายาทในครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติของเจ๋อ หวังว่าแคว้นเฉิงเราจะมีสัมพันธ์อันดีกับแคว้นติ้งสืบไป เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ร่วมสร้างสันติภาพตลอดกาล ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทคิดเห็นเช่นไร?”

หลางฉ่างลุกขึ้นยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงกล่าวได้ตรงใจฉ่างยิ่ง ใต้หล้าสันติสุข เป็นพรของราษฎรทุกคน!”

ทั้งสองกระดกสุราหมดพร้อมกัน ท่าทางองอาจผึ่งผาย

หลางฉ่างเชิญตงฟางเจ๋อกลับที่นั่ง ตงฟางเจ๋อกลับไม่คิดจะกลับไปนั่ง เงาร่างสูงใหญ่สง่างามของเขายืนตระหง่านอยู่ตรงกลางห้องโถง ราศีเจิดจรัส หล่อเหลาไม่ธรรมดา ทุกคนลอบอุทานในใจ คนเช่นนี้หาตัวจับยากจริงๆ

นัยน์ตาของเขากวาดมองใบหน้าทุกคน สุดท้ายก็หยุดที่ซูหลี รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาที่ลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้งในยามปกติ ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความรักและเสน่หาอย่างชัดเจน เขายกแก้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ซูซู สุราถ้วยนี้…ข้าขอดื่มให้เจ้า!”

ซูหลีพลันสะท้านใจ รู้สึกได้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นางมองหน้าเขานิ่งๆ

“ก่อนจะพบเจ้า ข้าเคยคิดว่าหากมีอำนาจสูงสุดก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ และเพื่อให้ได้อำนาจสูงสุดมา การยอมแล่นเรือไปตามน้ำ[1]สักหนสองหนก็ไม่ใช่เรื่องผิด! เพื่อส่วนรวม ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนเสียสละ…แต่นึกไม่ถึง ผู้ที่ต้องเสียสละกลับกลายเป็นคนรักของข้า ความเจ็บปวดที่นางได้รับคือความทรมานทั้งชีวิตของข้า! ซูซู…” นัยน์ตาดำขลับของเขามีประกายน้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย เคล้ากับความเจ็บปวด พาให้ผู้คนที่นั่งอยู่ต่างก็ตะลึงงัน ประมุขแห่งแคว้นเฉิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดและเสียใจเช่นนี้ด้วยหรือ? เขายกสุรากระดกจนหมด “ข้าขอโทษเจ้า สำหรับความผิดพลาดในอดีตของข้า!”

ต่อหน้าทุกคน เขาค้อมกายขอโทษอย่างจริงใจและหนักแน่นถึงเพียงนี้ โดยไม่สนใจฐานะกษัตริย์เลยแม้แต่น้อย ทุกคนตกตะลึง หันไปมองซูหลีเป็นตาเดียว ซูหลีขอบตาร้อนผ่าว ราวกับถูกกระชากกลับไปยังค่ำคืนพายุฝนโหมกระหน่ำที่ทำให้หัวใจแหลกสลาย คืนนั้นซูหลีได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเซิ่งฉินจากนอกห้องหนังสือ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ข้าเคยสงสัยท่าน และเคยเชื่อใจท่าน ยามความจริงปรากฏ ข้าสิ้นหวังมาก ไม่รู้ควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร และไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับท่านเช่นไร”

ครั้นได้ยินนางเอ่ยถึงความรู้สึกในยามนั้น นัยน์ตาของตงฟางเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด เหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ

เซียงซืออวี่ก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ มือที่กำถ้วยสุราสั่นเทาเล็กน้อย

นางกำนัลเดินเข้ามารินสุรา ตงฟางเจ๋อสูดหายใจลึกๆ ถึงแม้จะปวดใจอีกเพียงใด ก็จะไม่มีวันยอมถอย เขายกถ้วยสุราขึ้นอีกครั้ง แล้วกล่าวกับซูหลีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สุราถ้วยนี้ ข้าจะขอดื่มให้เจ้าอีก! ยามนั้นที่ค้นพบของของสำนักเฉินเหมินในห้องหวั่นซิน ข้าเอาแต่โทษเจ้าที่ปิดบังข้า กระทั่งสงสัยความรู้สึกที่เจ้ามีต่อข้า…ในตำหนักวันนั้น หยางเสวียนนำภาพร่างกับวัสดุเหล็กออกมา หมายจะชี้ว่าเจ้าร่วมมือกับองค์รัชทายาท ข้า…โกรธที่เจ้าปกป้องเขา และไม่ซื่อสัตย์กับข้ามากพอ…เป็นความผิดของข้า! ข้าปิดบังเจ้าก่อน แล้วยังมีสิทธิ์ไปร้องขอความซื่อสัตย์จากเจ้าอีกหรือ?!”

หลางฉ่างตกตะลึง เขาเพียงเดาได้ว่าภาพร่างกับวัสดุเหล็กอยู่ในมือซูหลี แต่กลับไม่เคยรู้ว่าภายหลังจะส่งผลให้เกิดหายนะเช่นนี้!

ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้แคว้นติ้งรู้เพียงว่าซูหลีกระโดดแม่น้ำ ไม่รู้รายละเอียดนอกเหนือจากนี้ วันนี้ครั้นได้ยินตงฟางเจ๋อพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกเพียงคนผู้นี้ช่างน่าชังยิ่งนัก กลับทำร้ายแก้วตาดวงใจของเขาได้ถึงเพียงนี้! สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จ้องมองตงฟางเจ๋อไม่ละสายตา

ตงฟางเจ๋อแหงนหน้าเทสุราลงคอ สุราแรงมอมเมาผู้คน ยิ่งพาให้ความเจ็บปวดเด่นชัดกว่าเดิม เขามองซูหลีด้วยสายตาเจ็บปวดและเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ประกายน้ำตารื้นผ่านดวงตาซูหลี “ข้าเองก็ผิดเช่นกัน ข้ารู้ว่าท่านเคยถูกวางแผนลอบสังหาร คิดจะกำจัดเฉินเหมินตลอดมา จึงไม่กล้าบอกท่านว่าข้าขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักเฉินเหมินไปแล้ว เป็นข้าที่ไม่เชื่อใจท่านมากพอ เรื่องภาพร่างและวัสดุเหล็ก ข้าไม่รู้ที่มาที่ไป กลัวว่าจะทำให้เดือดร้อนในวงกว้าง จึงแอบปิดบัง จนทำให้หยางเสวียนสบโอกาสเช่นนั้น”

ฮ่องเต้แคว้นติ้งได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาถอนหายใจเบาๆ ฉางเล่อของเขาเป็นคนจิตใจดีและมีคุณธรรมเกินไป เอาแต่คิดถึงผู้อื่น จนลืมตนเอง

ตงฟางเจ๋อยกถ้วยสุราขึ้นอีกครั้ง “สุราถ้วยสุดท้ายนี้…ซูซู ข้ายังคงขอดื่มให้เจ้า!”

ภายในห้องโถงใหญ่เงียบงันมาก ตงฟางเจ๋อราวกับต้องการพูดทุกอย่างที่แยกเขากับนางออกจากกันต่อหน้าทุกคน สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เขา

“การสู่ขอหยางเสวียนเป็นเพียงกลยุทธ์หนามยอกเอาหนามบ่ง การที่ไม่บอกและขออนุญาตเจ้าก่อน เป็นความผิดของข้าเอง หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะคิดหาทางอื่น ไม่มีวันใช้การแต่งงานเป็นเหยื่อล่อ และทำให้เจ้าปวดใจแน่นอน ซูซู…” เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ภาพเหตุการณ์อันเจ็บปวดราวกับผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เขาจ้องหน้านางนิ่งๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง “ข้าหลงนึกว่าตนเองฉลาด มั่นใจในตนเอง ไม่เคยรู้ว่าความปวดใจมันทรมานขนาดไหน กระทั่งวันนั้น…ที่ริมแม่น้ำหลานชาง ใบหน้าของเจ้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตัดขาดเยื่อใยระหว่างเราด้วยสุราสามถ้วย และจากข้าไปอย่างนั้น ตอนนั้นข้าเพิ่งรู้ตัวว่าข้ายอมสูญเสียได้ทุกอย่าง มีเพียงเจ้าที่ข้าไม่อาจสูญเสียได้!”

น้ำตาไหลรินจากหางตา ซูหลีค่อยๆ ก้าวลงจากบันได เยื้องย่างไปหาเขาทีละก้าวๆ ระยะห่างสั้นๆ กลับเหมือนต้องก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรและขุนเขานับพันนับหมื่น สายตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา นางสะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ฉะนั้นท่านจึงกระโดดตามข้าไป และตามหาข้าอยู่ในน้ำถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน! หากไม่พบศพศพนั้น ท่านจะทำเช่นไร?”

ตงฟางเจ๋อมองหน้านางด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าก็จะตามหาต่อไปเรื่อยๆ!”

ซูหลีสะอื้น น้ำตาหลั่งรินอีกครั้ง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

จากแคว้นเฉิงไปถึงแคว้นเปี้ยน เขาทำทุกวิถีทาง ทุ่มเททุกอย่าง ไม่เพียงหาตัวนางพบ ยังได้รับการอภัยจากนางด้วย แต่เขากลับไม่ได้ลืมบาดแผลที่นางเคยได้รับเพราะเหตุนี้ วันนี้ทบทวนอย่างละเอียดทีละเรื่องๆ และแสดงความจริงใจด้วยสุราสามถ้วย ยอมรับผิดต่อหน้าทุกคน คนรักของนาง กล้าทำย่อมต้องกล้ารับ

ซูหลีสูดหายใจลึกๆ หันไปรับถ้วยสุรามา แล้วยื่นออกไปชนกับถ้วยสุราในมือเขาเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตา กล่าวว่า “ยามนั้นที่ข้าดื่มสุราให้ท่านสามถ้วย เพื่อตัดขาดเยื่อใย ยามนี้ท่านดื่มให้ข้าสามถ้วย เพื่อสานต่อวาสนา เรื่องในอดีตเสมือนหมอกควัน ต่อไปอย่าพูดถึงอีกเลย ขอเพียงต่อจากนี้ไปท่านและข้าซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ปิดบังและโกหกกันอีกก็พอ”

นัยน์ตาดำขลับของตงฟางเจ๋อเปล่งประกายดั่งดวงดารา เขาจ้องตานางแน่นิ่ง แล้วรีบรับคำ “ได้เลย! นับจากนี้ไป ซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ปิดบังและโกหกกันอีก! ซูซูรู้ใจข้า ข้ารู้ใจซูซู”

ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ ทุกอุปสรรคที่ขวางกั้นก็ได้จางหายไปหมดแล้ว ซูหลีและตงฟางเจ๋อยกสุราดื่มจนหมดถ้วย มองตากันอย่างลึกซึ้ง ราวกับตัดขาดออกจากสรรพสิ่งรอบข้าง เซียงซืออวี่หลับตา ถ้วยสุราในมือถูกบีบจนแหลกละเอียดในที่สุด

ตงฟางเจ๋อจูงมือซูหลี เดินมายืนกลางห้องโถง ทั้งสองค้อมกายคารวะฮ่องเต้แคว้นติ้งอย่างพร้อมเพรียง “ฝ่าบาท เจ๋อกับซูหลีรักใคร่ชอบพอ วันนี้ที่มาแคว้นติ้ง ก็เพื่อต้องการสู่ขอ ชีวิตนี้หากได้นางเป็นฮองเฮา จะไม่ขอแต่งหญิงใดเพิ่มอีก หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอวยพร!”

ทุกคนตกตะลึง ตอนแรกเอ่ยทบทวนและขอยอมรับผิดเรื่องในอดีตทีละเรื่องๆ จากนั้นก็แสดงความจริงใจ ด้วยการขอแต่งงานต่อหน้า ตงฟางเจ๋อ ประมุขแห่งแคว้นเฉิง กระทำการใดมักรอบคอบไร้ช่องโหว่เสมอดังคาด สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่ฮ่องเต้แคว้นติ้ง

———————————————–