988 โรคประหลาด
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายหนุ่มสามคนได้มาที่หมู่บ้านเพื่อมาหาหวังเย้า พวกเขามาที่คลินิกทุกวันด้วยอาการป่วยที่ค่อนข้างประหลาด อาการของพวกเขาจะกําเริบขึ้นมาในช่วงเวลาเดิมของทุกวัน
ร่างกายของพวกเขาเกิดการชักกระตุกและไม่สามารถส่งเสียงร้องได้แต่พวกเขายังคงมีสติอยู่ตลอดเวลาหวังเย้าตรวจร่างกายของพวกเขาและพบว่าพวกเขาได้รับพิษชนิดหนึ่งเข้าไปพวกเขาทั้งสามได้ขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่งและกลับมาพร้อมกับอาการป่วยในวันเดียวกันนั้นในช่วงแรกเริ่มของอาการป่วยระยะเวลาที่อาการกําเริบค่อนข้างสั้นแต่เมื่อเวลาผ่านไประยะเวลาที่อาการกําเริบก็เริ่มนานขึ้นเรื่อยๆและเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันของทุกๆวัน
“ตอนที่ขึ้นไปบนเขาพวกนายได้ไปแตะต้องอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?” หวังเย้าสงสัยมากว่าพวกเขาไปรับเชื้อเหล่านี้มาได้ยังไง
“เอ่อ เรื่องนั้น…”ชายหนุ่มทั้งสามเกิดอาการลังเลเมื่อได้ยินคําถาม
ชายหนุ่มเป็นผู้นําาของกลุ่มลุกขึ้นและพูดขึ้นมาว่า“ฉันจะบอกเขาเอง”
“เราได้ไปที่ที่หนึ่งมามันเป็นสุสานที่พังแล้ว”
“สุสานโบราณเหรอ?”
“ใช่แต่จะนับว่าเป็นสุสานโบราณก็คงไม่ได้”เขาพูด“มันน่าจะเป็นสุสานจากช่วงสาธารณรัฐจีน(ค.ศ. 1912-1949)ที่นั่นไม่มีการป้องกันอะไรเลยมีแค่วงกลมล้อมไว้เท่านั้น”“แล้วพวกนายก็เข้าไปในนั้นเหรอ?”หวังเข้าถาม
“ใช่ พวกเราสงสัยเราก็เลยลองเข้าไปดู
“ฮาฮา!” หวังเข้าหัวเราะ
เด็กหนุ่มสมัยนี้น่าสนใจจริงๆ สุสานมักถูกนับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายนอกจากวันไหว้บรรพบุรุษแล้วคนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะไม่เข้าไปในสุสานที่ญาติพี่น้องของพวกเขาถูกฝังเอาไว้แต่แน่นอนว่าสุสานโบราณที่มีสมบัติฝังอยู่ด้วยนั้นถือเป็นข้อยกเว้น คนหนุ่มพวกนี้คงเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาพวกเขาจึงอยากเข้าไปเพื่อดูว่าข้างในสุสานมีอะไรอยู่บ้าง
“แล้วในนั้นมีอะไรบ้างล่ะ?”หวังเย้าถาม
“ก็ไม่มีอะไร”ชายหนุ่มหัวหน้ากลุ่มพูด“มีแค่โลงศพเก่าๆอยู่แค่โลงเดียวเท่านั้น”“แล้วพวกนายได้ไปแตะต้องโลงศพรึเปล่า?”
“ใช่ เราแตะมัน”
“กล้ามากจริงๆ”หวังเย้ายิ้มพูด
คนปกติทั่วไปที่เห็นสิ่งเหล่านี้มักคิดว่าเป็นเรื่องอัปมงคลและเลือกที่จะเดินอ้อมมากกว่าเขา
ไม่คิดเลยว่า เด็กหนุ่มพวกนี้จะกล้าและมีความคิดผิดแผกไปจากคนทั่วไปพวกเขาถึงได้เลือกไป
แตะต้องโลงศพของคนอื่นแบบนี้
“หมอหวังรักษาโรคของพวกเราได้ไหม?”
“ได้สิ” หวังเย้ายิ้ม
หลังจากพูดคุยกันไปเล็กน้อยหวังเย้าก็เริ่มลงมือรักษาในระหว่างการรักษาเขาก็พบว่าพิษในร่างกายของเด็กหนุ่มทั้งสามนั้นจัดการได้ยากกว่าที่คิดใช่แล้วพวกมันดื้อด้านมากเด็กหนุ่ม
ทั้งสามต้องกินยาแก้พิษติดต่อกันเป็นเวลาสามวันถึงจะสามารถกําจัดพิษออกไปจากร่างกายได้จนหมด
“เอาล่ะ พิษในร่างกายของพวกนายถูกกําจัดออกไปหมดแล้ว” หวังเย้าพูด
“พวกเราหายแล้วจริงๆเหรอ?”
“หายหรือไม่หายพวกนายรู้ดีที่สุด”หวังเย้าพูด“เมื่อวาน อาการของพวกนายไม่ได้กําเริบใช้เปล่า?”
“ไม่เลย”
พวกเขาตอบอย่างพร้อมเพรียงความจริงพวกเขารับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของตัวยาตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้กินแล้วถึงแม้อาการของพวกเขายังกําเริบอยู่แต่ระยะเวลาของมันก็สั้นลงไป กว่าครึ่งในเวลานั้นพวกเขาทั้งตื่นเต้นและตกตะลึง
มันได้ผล พวกเขาตัดสินใจถูกที่เลือกมาที่คลินิกแห่งนี้
หลังการรักษาครั้งแรกผ่านไปพวกเขาก็เริ่มมองเห็นความหวัง พวกเขาจึงไม่คิดลังเลและกระตือรือร้นกับการรักษาในครั้งต่อๆไป
เรื่องน่าประหลาดใจยิ่งกว่าเกิดขึ้นในวันที่สองของการรักษา ในวันนั้นอาการของพวกเขาไม่มีการกําเริบขึ้นมาเลยตลอดทั้งวัน
พวกเขาทั้งสามต่างมีความสุขจนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน
ตอนนี้เมื่อหวังเย้าบอกว่าพวกเขาหายดีแล้วพวกเขาต่างก็ยินดีกันมากแต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็กังวลว่าอาการจะกลับมากาเริบอีกครั้งหรือไม่
“ถ้าฉันบอกว่าพวกนายหายแล้วนั่นก็หมายความว่าพวกนายหายแล้วจริงๆ”หวังเย้าพูด “ขอบคุณคร้บหมอหวัง”
ทั้งสามจ่ายเงินค่ารักษาและจากไปอย่างมีความสุข
“นี่ นายคิดว่า พวกเราหายแล้วจริงไหมแล้วมันจะกลับมาเป็นอีกรึเปล่า?”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่กันแล้วเราก็อยู่ต่อกันอีกสักสองวันมารอดูกันว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสองวันต่อจากนี้ก็แสดงว่าพวกเราหายแล้วจริงๆแต่ถ้าพวกเรากลับมาเป็นกันอีก เราก็แค่กลับไปให้เขารักษาอีกรอบ”
“ได้ เอาตามนั้น
แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็กลับไปที่โรงแรมในตัวเมืองเหลียนชาน แทนที่จะกลับไปที่บ้านหลังจากผ่านช่วงพักเที่ยงไปได้ไม่นานก็มีแขกคนหนึ่งมาที่คลินิกของหวังเย้า ทําให้หวังเย้าประหลาดใจกับการมาของอีกฝ่ายมากเธอก็คือถั่วซือหรง
เธอยังคงงดงามราวกับดอกไม้แต่ก็ออกจะผ่ายผอมไปสักหน่อย
“ทําไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” หวังเย้าถาม
ถั่วซือหรงถอนหายใจและพูดว่า“ฉันมาหานายมีเรื่องอยากจะข้อร้องนายน่ะ”
“มานั่งก่อนสิ บอกมาได้เลยว่ามีปัญหาอะไร”
ถั่วซือหรงนั่งลงและพูดว่า“ฉันอยากขอให้นายช่วยรักษาให้หน่อย”
“รักษา? เธอเหรอ?”หวังเย้ายิ้มถาม
“เธอไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ต้องพักผ่อนให้มากเท่านั้นปล่อยวางซะบ้างและอย่าคิดมากเกินไป” หวังเย้าเห็นได้ว่ากั๊วซือหรงแบกรับความรู้สึกต่างๆเอาไว้มากเกินไป
“ไม่ใช่ฉันหรอก” เธอพูด“เป็นน้องชายของฉันกั๋วเจิ้งเหอ”
“คุณชายถั่ว? เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอ?”
“เขาอยู่ที่เขตเหอ” กั๋วซือหรงพูด“แล้วได้รับพิษจากแมลง”
“แมลงพิษจากหุบเขาพันโอสถใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่ มันมาจากที่นั่น” กั๋วซือหรงพูด
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งหวังเย้าก็พูดว่า “ได้บอกให้เขามาที่นี่ได้เลย”
ในความเป็นจริงเขาไม่ได้รู้สึกดีกับกั๋วเจิ้งเหอเลยแม้แต่น้อยแต่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่สาวของอีกฝ่ายเขามองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงต้องช่วยเมื่อเพื่อนของเขามาขอความ
ช่วยเหลือ
“ได้ ฉันจะบอกให้เขามา
ตอนนี้ ถั่วเจิ้งเหออยู่ที่ห่ายชิวหลังจากที่ได้รับสายจากพี่สาวของเขาแล้ว เขาก็ขับรถออกจาก หายชิวทันที ในตอนที่เขาขับรถออกไปก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว อาการของเขาเลวร้ายจนทําให้
สภาพของเขาแทบไม่เหมือนมนุษย์เข้าไปทุกที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและซีดเซียวไร้สีสัน เขา แทบรักษาสติสัมปชัญญะของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
“เจิ้งเหอ” เมื่อเห็นสภาพของน้องชายแล้วกั๋วซือหรงก็รีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
“อย่าแตะต้องเขา”หวังเย้ารีบหยุดเธอ
“แมลงพิษในตัวเขาอาจแพร่ไปหาคนอื่นได้”
เขาไม่ได้มาคนเดียวเสวี่ยซินหยวนก็มากับเขาด้วยเขาก็ได้รับพิษจากแมลงเช่นเดียวกันและอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากถั่วเจิ้งเหอเลย
“แมลงพิษอีกชนิดสินะเนี่ย”
ช่วงนี้ หวังเย้าได้รักษาคนที่มาด้วยอาการที่ไปแล้วสามครั้งแต่ละครั้งล้วนแล้วแต่เกิดจากแมลงพิษคนละชนิดและอาการที่แตกต่างกันไป
“หุบเขาพันโอสถเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มากจริงๆ”เขาพูด “พวกเขาศึกษาเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้งมาก”
“พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”ถั่วซือหรงทั้งกังวลและเป็นห่วง
“โชคดีที่พวกเขายังมาได้ทันเวลา”หวังเย้าพูดขึ้นมาหลังจากที่ตรวจดูอาการของพวกเขาแล้ว
แมลงพิษพวกนี้ค่อนข้างร้ายกาจและแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว พวกมันแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายในและสมองของพวกเขา ถ้าพวกเขามาช้ากว่านี้แค่ครึ่งวันพวกเขาก็คงจะอยู่ใน อาการโคม่าร่างกายของพวกเขาจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้แต่ตอนนี้หวังเย้าก็ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการรักษาพวกเขารวมไปถึงสมุนไพรวิเศษจํานวนมากที่ถูกใช้ไป
“เอาล่ะเตรียมตัวรับการรักษาได้แล้ว”
เขาเตรียมสมุนไพรที่จําเป็นในการจัดการกับแมลงพิษเขาใช้หญ้าพิษเป็นสมุนไพรตัวหลัก
และต้มซุปเป่ยหยวนเพื่อบํารุงร่างกายและรักษาอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย
หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้วทั้งสองก็อาเจียนออกมาจนไม่เหลืออะไรอยู่ในท้องพวกเขา
อาเจียนเอาลิ่มเลือดเหม็นเน่าออกมาเป็นจํานวนมาก กลิ่นเหม็นกระจายออกไปทั่ว
เมื่อมองดูลิ่มเลือดที่พื้น หวังเย้าก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่า คนพวกนี้ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อใช้มันทําร้ายคนอื่นเท่านั้นเหรอ?
“คนพวกนั้นต้องได้รับโทษ!”สีหน้าของกั๋วซือหรงดูไม่ได้เพราะน้องชายของเธอได้รับความเจ็บปวดอย่างที่คนธรรมดาทั่วไปคิดไม่ถึงทั้งที่ปกติแล้วเขาเป็นคนเข้มแข็งแต่ตอนนี้เขากลับ
ร้องไห้ออกมาขนาดถูกมีดบาดเขายังไม่เคยร้องสักแอะ