ตอนที่ 379: บินไปในอากาศ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 379: บินไปในอากาศ

“ผู้เฒ่าเซี่ยว ขอบคุณที่ชี้แนะ ผู้เยาว์คนนี้จะจดจำคำพูดเหล่านี้เอาไว้” เจี้ยนเฉินพูดออกมาด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจ การแยกออกมาจากโลกมนุษย์เป็นสิ่งที่พูดง่ายกว่าการที่จะทำได้ เขาเพิ่งอายุยี่สิบกว่ากว่าและยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก เช่นการล้างแค้น เขายังรู้สึกไม่ได้รับความอบอุ่นที่เพียงพอจากครอบครัว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะตัดขาดออกจากโลกมนุษย์ได้ในตอนนี้ ไม่เหมือนกับผู้เฒ่าที่ทำเช่นนั้นได้

สำหรับคนหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่าปีเหมือนเจี้ยนเฉิน การตัดขาดจากโลกภายนอกนั้นมันเป็นไปไม่ได้

“อืม ตราบใดที่เจ้าจดจำถ้อยคำของข้าไว้ ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่หวังที่จะไปอยู่จุดนั้นในตอนนี้ แต่เจ้าต้องระวังไม่ให้ตัวเองหลงระเริงไป อย่าหลงอยู่ในความเกลียด ความโลภ และอำนาจ” ผู้เฒ่าเซี่ยวพูดต่อ ในขณะที่ใช้จอบขุดดิน

“ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว ! ” เจี้ยนเฉินเป็นเหมือนนักเรียนที่ถ่อมตนที่กำลังฟังอาจารย์อย่างตั้งใจ

ในขณะที่ผู้เฒ่าพรวนดินลงไปนั้น จู่ ๆ เขาก็หยุดแล้วหันมาที่เจี้ยนเฉิน “เจ้าหนุ่ม เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าจะแสดงความแข็งแกร่งของเจ้าให้ข้าได้หายสงสัย ? ข้ารู้ว่าเจ้าต่อสู้กับราชาหมาป่าโลหิต แต่ความสามารถของเจ้าเป็นอะไรที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชั่วชีวิตของข้า”

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ เขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวและการกระทำของเขาต้องหมดจะถูกผู้เฒ่าเซี่ยวสังเกตเห็น แต่เมื่อเขาคิดไปถึงว่าผู้เฒ่าเซี่ยวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เจี้ยนเฉินก็โล่งใจ

“ผู้เยาว์เพิ่งได้พลังนี้มา ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยเข้าใจในมันอย่างเต็มที่ ขอผู้เฒ่าเซี่ยวโปรดช่วยชี้แนะด้วย” หลังจากนั้น ตาของเจี้ยนเฉินก็เป็นประกายจ้า เขาคิด แล้วพื้นด้านล่างก็ลอยขึ้นมากลางอากาศด้วยพลังที่ลึกลับ จากนั้น แสงสีฟ้าและม่วงก็ปรากฏขึ้นก่อนที่จะพุ่งตรงไปที่ผู้เฒ่าเซี่ยวอย่างไม่ยับยั้ง

แต่หลังจากนั้น ก่อนที่ก้อนโคลนจะเข้าไปใกล้ผู้เฒ่าเซี่ยวในระยะ 1 เมตร พวกมันก็หยุดกลางอากาศ

ดวงตาของผู้เฒ่าเซี่ยวเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจในขณะที่เขาพึมพำออกมา “นี่เป็นความสามาถที่แปลกมากจริง ๆ ข้าสัมผัสได้แค่ลำแสงสีม่วงและฟ้าพร้อมกับพลังงานที่แข็งแกร่งในโคลน พลังนี้เป็นอะไรที่ข้าไม่เคยได้เห็นได้ยินมาก่อน มันคืออะไรกัน ? ” ผู้เฒ่าไม่ขยับเขยื้อนเลย แต่เขาก็ทำให้ดินที่ลอยอยู่กลับไปบนพื้นได้โดยที่ไม่เหลือแสงสีม่วงและสีฟ้าเลย

เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเซี่ยวนั้นอยู่ในระดับที่แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ เพียงแค่การเคลื่อนไหวเดียว ก็ทำให้เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้งไป

ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายสีฟ้าประหลาดในตาข้างหนึ่ง และสีม่วงประหลาดในตาอีกข้างหนึ่ง วัชพืชและดินบนพื้นก็เริ่มลอยขึ้นมาอีกครั้งและเปลี่ยนเป็นเส้นสองสีล้อมรอบผู้เฒ่าเอาไว้

ผู้เฒ่ายิ้มจางจางออกมา “เจ้าหนุ่ม ความสามารถนี้ของเจ้านั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้ว่าเซียนผู้คุมกฎที่เข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติที่ลึกซึ้งจะสามารถคิดเพื่อควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ แต่พวกมันก็ไม่มีแสงสีม่วงและฟ้าด้านใน อย่างไรก็ตาม แสงสีฟ้าและสีม่วงนี้นั้นมีโครงสร้างที่ทรงพลังที่สามารถทำร้ายเซียนสวรรค์ได้เท่านั้น ถ้าเจ้าพยายามที่จะใช้มันกับคนอย่างข้า มันคงไม่พอ” ผู้เฒ่าเซี่ยวพูด ในขณะที่การโจมตีที่อยู่รอบ ๆ เขาก็หายไปและกลับเป็นดินตกลงพื้น

เจี้ยนเฉินอึ้งไป แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายาม ตาของเขาเป็นประกายสีฟ้าและสีม่วง ปราณกระบี่เริ่มที่จะมารวมอยู่ที่มือขวาของเขาก่อนที่จะกลายเป็นกระบี่ยาว 1 เมตร นี่เป็นพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่

แสงสีม่วงเป็นประกาย ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินโจมตีไปที่ผู้เฒ่าเซี่ยว

ผู้เฒ่าเซี่ยวดูเหมือนจะหยุดที่ด้านหน้าการโจมตี เขาดูพลังงานดั้งเดิมที่เปล่งรัศมีออกมาจากปราณกระบี่ เขาเริ่มพึมพำ “ช่างเป็นเจตจำนงกระบี่ที่มีปริมาณมากอะไรเช่นนี้ กลิ่นอายนี้…. มันดูเหมือน….” ในตอนต่อมา ผู้เฒ่าเหมือนตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

ในตอนที่พลังงานดั้งเดิมจากปราณกระบี่ของเจี้ยนเข้าไปใกล้ในระยะ 1 เมตรจากผู้เฒ่าเซี่ยว ทันใดนั้น พลังงานอะไรก็ไม่รู้ก็หยุดไม่ให้มันเคลื่อนไปข้างหน้า พลังงานนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่พลังงานดั้งเดิมจากปราณกระบี่ก็ไม่มีผล

เจี้ยนเฉินหน้าถอดสี และไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าจะมีถึงขนาดนี้ แม้แต่พลังงานดั้งเดิมก็เข้าใกล้ผู้เฒ่าไม่ได้ มันเหมือนว่าเขาเป็นทารกเมื่อเปรียบกับผู้เฒ่าเซี่ยว แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนั้น แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่สามารภสร้างความเสียหายให้เขาได้แม้แต่น้อย

ในตอนที่เจี้ยนเฉินใช้จิตใจของเขาเพื่อที่จะสัมผัสไปที่รอบ ๆ ร่างของผู้เฒ่า เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างของผู้เฒ่านั้นเหมือนธรรมชาติ พลังงานดั้งเดิมของวิญญาณกระบี่ถูกป้องกันไว้ด้วยพลังงานธรรมชาตินี้ เมื่อเผชิญกับพลังงานที่มหาศาลเช่นนี้ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกเหมือนเรือเล็กที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึก และเริ่มดูดพลังงานดั้งเดิมจากจิตวิญญาณกระบี่ให้กลับเข้าไปสู่ร่างกายของเขา สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจที่สุดก็คือ ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเซี่ยวซึ่งถึงในระดับที่เขาได้แต่ฝัน

ผู้เฒ่าเซี่ยวจ้องไปที่มือขวาของเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดอย่างไม่เป็นธรรมชาติก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าหนุ่ม เจ้าบอกข้าได้ไหมว่า พลังงานที่อยู่ในมือของเจ้านั้นมันคืออะไร และมันมาจากไหน ? “

“ข้าเรียกมันว่าปราณกระบี่ม่วงและฟ้า มันเป็นพลังงานดั้งเดิม” เจี้ยนเฉินพูดออกมาโดยไม่ได้บอกอะไรมาก

“ปราณกระบี่ม่วงและฟ้า พลังงานดั้งเดิม… ถ้าอย่างนั้นคนผู้นั้นก็เป็นเจ้านั้นเอง” ลุงเซี่ยวพึมพำกับตัวเอง

“มันคืออะไร ผู้เฒ่าเซี่ยว ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างสับสน

“ไม่มีอะไร เจ้าหนุ่ม เจ้าสามารถจะใช้พลังงานนั้นได้ตามต้องการหรือไม่ ? ” ผู้เฒ่าเซี่ยวจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลืมตัว

เจี้ยนเฉินพยักหน้า “ในตอนนี้ ข้าสามารถใช้มันได้ตามต้องการ ผู้เฒ่าเซี่ยว มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ ? “

“ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกว่าพลังงานนี้ยังไม่อยู่ในระดับสูงสุดก็เท่านั้น” ผู้เฒ่าตอบกลับ

“พลังงานดั้งเดิมนั้นอ่อนแอมาก ดังนั้นมันยังจึงไม่ถึงจุดที่ดีที่สุด” เจี้ยนเฉินตอบความจริงไปครึ่งหนึ่ง

“เป็นอย่างนั้นนี่เอง ! ” จู่จู่ผู้เฒ่าก็เหมือนคิดอะไรได้ “เจ้าหนุ่ม ในตอนนี้ เบื้องต้นนั้นเจ้ายังเพ่งไปที่การใช้ความคิดในการโจมตี อ้างอิงจากเส้นทางการฝึกฝนของเจ้า เจ้าจะต้องฝึกจิตใจของเจ้าต่อไป ในตอนนี้เจ้าสามารถควบคุมวัตถุเล็ก ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะดันภูเขาที่ใหญ่ ๆ ด้วยจิตใจของเจ้าเพียงอย่างเดียว นี่คงไม่ใช่งานที่จะทำได้”

“นอกเหนือไปจากความแข็งแกร่งของจิตใจของเจ้า เจ้าต้องทำความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติที่ลึกซึ้ง แม้ว่าพลังงานดั้งเดิมแปลก ๆ ของเจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังเป็นพลังงานธรรมชาติ ความลึกลับของธรรมชาตินั้นเป็นหลัก เพราะมันสามารถทำให้เจ้าควบคุมพลังงานธรรมชาติได้”

“ข้าขอบคุณผู้เฒ่าเซี่ยวที่ช่วยชี้แนะ ผู้เยาว์จะทำตามที่ท่านบอก”

ช่วงเวลาบ่ายที่เหลือ เจี้ยนเฉินและผู้เฒ่าทั้งคู่ก็พรวนดินลานข้าวโพดต่อไป หลังจากที่ได้รู้หลายเรื่องเกี่ยวกับความลึกลับของธรรมชาติที่ลึกซึ้งจากผู้เฒ่าเซี่ยวแล้ว เจี้ยนเฉินก็เริ่มถามคำถามมากขึ้น ผู้เฒ่าเซี่ยวตอบคำถามของเขาอย่างดีที่สุด ทำให้เจี้ยนเฉินได้ประโยชน์อย่างมากจากข้อมูลและความเข้าใจของเขา

ในวันที่สอง ผู้เฒ่าเซี่ยวไม่ได้เรียกให้เจี้ยนเฉินไปที่ลาน เจี้ยนเฉินยังมีเรื่องที่เขาจะเป็นต้องทำ ดังนั้น เขาจึงไปบอกเจ้าอ้วนน้อยว่าเขาจะออกไปข้างนอกก่อน

เจี้ยนเฉินมองไปที่หย่อมหญ้าและเริ่มที่จะสัมผัสถึงพลังงานธรรมชาติ ในขณะที่พลังงานเริ่มวนไปรอบ ๆ ร่างของเขา เจี้ยนเฉินก็รู้สึกเหมือนมีลมโชยมาเล็กน้อย

เจี้ยนเฉินไม่เคลื่อนไหวและยืนอยู่เหมือนรูปปั้น ลมแรงเกิดขึ้นและเสื้อของเขาก็กระพือไปกับสายลม

1 ชั่วยามต่อมา ลมรอบ ๆ ร่างของเจี้ยนเฉินก็แรงมากขึ้นไปอีก ท้ายที่สุด ร่างของเขาทั้งหมดก็เริ่มยกตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ไปในอากาศ และเพิ่มขึ้นไปสูง 3 นิ้วก่อนที่จะหยุด

เหมือนก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินหลับตาในขณะที่เขาสัมผัสถึงธาตุลมที่อยู่รอบรอบร่างของเขา วิญญาณของเขาจมคิดไปอยู่กับความคิดที่จะทำให้เขาบิน การที่จะบินผ่านอากาศไปได้เป็นความสามารถที่เจี้ยนเฉินปรารถนา และวันนี้เป็นวันที่เขาก็เข้าใจมันในที่สุด หัวใจของเขายินดีอย่างอธิบายไม่ได้ในตอนนี้

“ปัง ! ” ทันใดนั้นเอง หัวของเจี้ยนเฉินก็ชนเข้ากับต้นไม้ด้านหน้าเขา ร่างของเขาเสียการทรงตัวทันทีและเริ่มร่วงลงมาจากอากาศ

เขาลืมตาหลังจากที่รู้สึกเจ็บ เขาลุกขึ้นมาจากพื้น มันเป็นเรื่องดีที่ร่างกายของเขานั้นต่างจากร่างกายปกติ ไม่เช่นนั้น เขาคงกระดูกหักไปหลายซี่เพราะเขาไม่มีพลังเซียนในการป้องกันร่างกายของเขา

“เฮ้อ ดูเหมือนพลังที่ใช้ในการบินจะไม่ใช่อะไรที่ทำเป็นเล่นได้แล้ว ข้าต้องฝึกฝนมากกว่านี้” เจี้ยนเฉินถอนหายใจ

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ฝึกฝนพลังที่ใช้ในการบินอย่างไม่ลดละ เขาลอยได้ 10 เมตรเหนืออากาศเป็นเวลา 3 ชั่วยามก่อนที่จะสรุปประสบการณ์ที่ได้มาและบินสูงขึ้นไปอีก เขาบินขึ้นไปอีกร้อยเมตรโดยไม่หยุด เขาเห็นเพียงแส้ที่เป็นสีฟ้าที่บินอยู่รอบรอบเขา นี่เป็นธาตุลม

ในตอนนี้เอง คนในหมู่บ้านก็เห็นเจี้ยนเฉินที่กำลังบินอยู่ร้อยเมตรกลางอากาศ เขาอ้าปากค้างและเริ่มชี้ไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมริมฝีปากที่สั่นเทา “ขะ เขา เขากำลัง…” แต่เขาก็ไม่สามารถพูดจบประโยคได้เพราะความตกใจ

“ผู้เฒ่าหวัง ท่านอ้ำอึ้งอยู่ทำไม ? ท่านลืมว่าพูดได้ไปแล้วงั้นหรือ ? ” คนในหมู่บ้านที่อยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะให้เขาก่อนที่จะมองไปยังทิศทางที่เขาชี้ เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจทันทีในขณะที่เขาร้องออกมา “พระเจ้า เจ้าหนุ่มคนนั้นใช่ที่เซี่ยวมี่พากลับมาหรือเปล่า ? เขา…เขาบินเหมือนเซี่ยวมี่ได้ยังไง? เขาเป็นเซียนสวรรค์เหมือนกันอย่างนั้นหรือ ? “

ภาพที่เจี้ยนเฉินบินอยู่ร้อยเมตรเหนืออากาศนั้นเป็นอะไรที่เตะตามาก เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นให้ทุกคนเห็นบ่อย คนในหมู่บ้านแต่ละคนได้แต่มองอย่างเหลือเชื่อ

“โอ้ พระเจ้า เจี้ยนเฉินบินได้อย่างนั้นหรือ? เขาเป็นเซียนสวรรค์อย่างนั้นหรือ? พระเจ้า นี่มันเหลือเชื่อจริงจริง” แม้แต่เจ้าอ้วนน้อยที่กำลังทำงานอยู่ที่ไร่ก็ยังเห็นเจี้ยนเฉินและร้องออกมาอย่างตกใจ

ทันใดนั้นเอง กระแสลมแรงก็ปะทะเข้าไปที่ร่างของที่กำลังตั้งสมาธิของเจี้ยนเฉิน ทำให้ร่างของเขาโอนเอน เจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมร่างได้และเริ่มร่วงดิ่งลงไปที่พื้น

เจี้ยนเฉินมีท่าทางเปลี่ยนไปและเริ่มคิดอีกครั้ง ก่อนที่จะดึงธาตุลมเข้ามาใกล้เขา ในเวลาเดียวกัน ร่างสีฟ้าก็บินตรงมาที่เจี้ยนเฉินจากแต่ไกล เขาคือพ่อของเจ้าอ้วนน้อยคนที่กำลังดูสถานการณ์อยู่และเข้ามาเพื่อช่วยอย่างรวดเร็ว