ตอนที่ 491 - แวะมาแล้วผ่านไป

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

มู่จินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าฉินเฟิงเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล C เท่านั้น มิใช่เลเวล A 

 

 

 

 

 

ทว่าอีกฝ่ายกลับสามารถสังหารผู้ใช้พลังเลเวล B ได้จริงๆ ทั้งยังง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ และเอ่ยปากบ่นออกมาแค่ว่า รู้สึกเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ 

 

 

 

 

 

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้มู่จินช็อก ยากที่จะยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งที่ทำให้ช็อกอีกรอบ ก็ตามมาติดๆ 

 

 

 

 

 

ระหว่างก้าวเดินกลับ ฉินเฟิงหยุดฝีเท้ากะทันหัน อีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอม งดงามน่าทึ่งค่อยๆร่อนลดมากับสายลม– 

 

 

 

 

 

–แฟนตัวน้อยของฉินเฟิงกลับมาแล้ว! 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังสู้กับอีกสามคน ไป๋หลีได้แยกตัวออกไป เฝ้ารอจนกระทั่งอบิลิตี้ของฉินเฟิงหยุดลง ไป๋หลีจึงลากเอาตัวศัตรูคนสุดท้ายกลับมา 

 

 

 

 

 

แส้สีเงินรัดพันมือปืน เวลานี้เขาถูกขังอยู่ในพื้นที่มิติทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 1 เมตร ทั้งเนื้อทั้งตัวหดเกร็งและบิดเบี้ยว 

 

 

 

 

 

มองจากสภาพ ไม่รู้ว่ามีกระดูกชิ้นไหนหักไปแล้วบ้าง 

 

 

 

 

 

“เป็นฝีมือเขาที่ลอบยิงพวกเรา อ้อ ระหว่างรอ ฉันลองตรวจสอบอุปกรณ์รูนมิติของเขาให้แล้ว ข้างในมีของดีอยู่เพียบเลย” ไป๋หลีสะบัดแส้ ปลายแส้ม้วนพันรอบนิ้วมือปืน แกว่งไปมาสองสามครั้ง หินสีเงินก็ร่วงตกลง 

 

 

 

 

 

มันคืออุปกรณ์รูนมิติของมือปืน 

 

 

 

 

 

“อืม ทำได้ดีมาก เดี๋ยวมาดูกันว่ามีอะไรข้างใน มันอาจนำไปให้โกวก๋วนศึกษาและผลิตสินค้าชิ้นใหม่ได้” 

 

 

 

 

 

มือปืนแม้ถูกผนึกอยู่ในพื้นที่มิติ แต่เขาก็ยังสามารถได้ยินคำของฉินเฟิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงกล่าว “มิสเตอร์มู่ เรื่องนี้มอบให้คุณจัดการต่อ ถือซะว่ามือปืนคนนี้ เป็นของขวัญทางธุรกิจ มอบให้แด่คุณแล้วกัน” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงโบกมือ ส่งสัญญาณให้ไป๋หลีปล่อยตัวมือปืน 

 

 

 

 

 

พื้นที่มิติทรงผืนผ้าได้หายไป มือปืนร่วงตกลง ปรากฏว่ากระดูกขาทั้งสองข้างของมือปืนแยกละเอียด ไม่สามารถวิ่งหลบหนีไปได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่มีอาวุธแล้ว ดังนั้นไม่อาจก่อภัยคุกคามอีก 

 

 

 

 

 

“แก .. แกเป็นใครกันแน่? มีสิทธิ์อะไรเข้ามาวุ่นวายเรื่องของคนอื่น!” มือปืนไม่รู้จักฉินเฟิง แต่ขณะนี้ เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C ทว่ากลับสามารถระเบิดประสิทธิภาพการต่อสู้แบบเมื่อครู่ออกมาได้ หมายความว่าฉินเฟิงย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา ดังนั้นจึงเกิดความสงสัย ไม่เต็มใจที่จะตายอย่างไม่รู้เรื่องราว 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงมองอีกฝ่าย กล่าวเสียงเย็น “เรื่องนี้แกน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าตั้งแต่วางแผนซุ่มโจมตีมิสเตอร์มู่ แกจะไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาออกมาทำอะไร? ถ้าแกฉลาด แกควรตรวจสอบเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว” 

 

 

 

 

 

ชายคนนั้นเพ่งมองไปยังใบหน้าของฉินเฟิง ก่อนสลับมองตราบนอกฉินเฟิงอีกครั้ง ในที่สุดก็เข้าใจ แต่ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อ 

 

 

 

 

 

“แกคือประธิานกลุ่มเฟิงหลีคนนั้น ชื่อว่าฉิน –” 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักชื่อของฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ใส่ใจ เขาหันไปมองมู่จินและกล่าว “มิสเตอร์มู่ เรามาคุยเรื่องซื้อขายกันต่อเถอะ อันดับแรกขอเชิญคุณขึ้นไปดูเรือเหาะ ว่าน่าพอใจไหม” 

 

 

 

 

 

“ไม่จำเป็นหรอกประธานฉิน ครั้งนี้ฉันติดหนี้บุญคุณคุณแล้ว” มู่จินมอบเงินที่เหลือ โอนเข้าบัญชีของกลุ่มเฟิงหลี 

 

 

 

 

 

“แต่การตรวจสอบสินค้ายังคงเป็นเงื่อนไขทางธุรกิจ โกวก๋วน พามิสเตอร์มู่ไปตรวจสอบที” 

 

 

 

 

 

“รับทราบท่านประธาน มิสเตอร์ เชิญตามฉันมา รับรองใช้เวลาไม่นาน โอ้จริงสิ ภายในเรือเหาะก็มีห้องขังอยู่เหมือนกัน และความทนทานของมันไม่เลวเลย สนใจทดลองดูหรือไม่?” 

 

 

 

 

 

ว่าจบ โกวก๋วนก็ชี้ไปยังมือปืนเลเวล B 

 

 

 

 

 

มือปืนถลึงมองโกวก๋วนอย่างโกรธเคือง เขาเป็นถึงเลเวล B ทรงพลัง แต่กลับถูกเลเวล D ชี้หน้าแล้วบอกว่าจะยัดห้องขัง นี่มันไม่ต่างจากเสือโดนหมารังแกเลย 

 

 

 

 

 

“ฮ่าๆๆ เข้าท่า! ฟังดูเข้าท่าดีเหมือนกัน!” 

 

 

 

 

 

มู่จินหัวเราะ เข้าจับกุมมือปืน และลากเขาเข้าไปในห้องขังด้วยตัวเอง 

 

 

 

 

 

ส่วนกู่ฉางและฉีหยานที่เคยสู้กับฉินเฟิงมาก่อน ได้หนีหายไปนานแล้ว เวลานี้ไม่เห็นแม้แต่เงา 

 

 

 

 

 

แต่มู่จินไม่คิดตรวจสอบจริงๆจังๆ จิตใจของเขามิได้อยู่กับเรือเหาะ เร่งดูอย่างลวกๆ แต่ก็ยังรู้สึกพอใจมาก เขาคิดว่าธุรกิจนี้ช่างคุ้มค่านัก  

 

 

 

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาสามารถกำจัดศัตรูตัวเป้งที่เป็นดั่งกว้างขวางคอได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตนสามารถทำความรู้จักกับบุคคลทรงพลังดั่งฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงปฏิบัติต่อมู่จินดั่งมิตร อีกฝ่ายมีเลเวล C ก็จริง แต่เขาสามารถกำจัดเลเวล B ได้ –ฝีมือร้ายกาจเกินไปจริงๆ 

 

 

 

 

 

ในหัวใจของมู่จิน บังเกิดความคิดต่างๆผุดขึ้นมามากมาย 

 

 

 

 

 

เมื่อได้รับเรือเหาะ ก่อนจากไป มู่จินเร่งหันมากล่าวกับฉินเฟิง “ขออนุญาติเอ่ยถาม ไม่ทราบมิสเตอร์ฉินสนพื้นที่ลับอย่างหุบเหวทางตอนเหนือหรือไม่ ถ้าคุณสนใจ ฉันสามารถพาคุณไปที่นั่นได้” มู่จินกล่าว 

 

 

 

 

 

พื้นที่ลับหุบเหวทางตอนเหนือ ถือว่าเป็นหนึ่งในต่างมิติที่มีชื่อเสียง ในช่วงต้นของยุคโลกาวินาศเมื่อสองร้อยปีก่อน แผ่นดินได้แยกออกจากกันเป็นหุบเหวลึก ปรากฏสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่มีกลิ่นอายแห่งความมืดโผล่ขึ้นมาจากภายใน 

 

 

 

 

 

เหตุผลที่ซางฮันประจำการที่เมืองเป่ยหัว ก็เพื่อคอยเฝ้าดูและระงับเหตุไม่คาดฝันจากมันนั่นเอง 

 

 

 

 

 

“ถ้ามีเวลาว่าง ผมอาจจะลองแวะไปดู” ฉินเฟิงตอบ ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธน้ำใจของมู่จินอย่างสุภาพ 

 

 

 

 

 

อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าต้องการร่วมมือกับฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน มันฟื้นฟูกลับมาจนเกือบจะใกล้เคียงกับความแข็งแกร่งของราชาทหารรับจ้างในชีวิตก่อนแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเลเวล C ก็ตาม 

 

 

 

 

 

และด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาสามารถบุกน้ำลุยไฟไปยังสถานที่ใดก็ได้ อีกอย่างตัวฉินเฟิงเอง ไม่ค่อยเหมาะที่จะเป็นพันธมิตรกับผู้อื่น และยิ่งไม่เห็นด้วยในเรื่องผลประโยชน์ที่เขาสมควรได้รับ กลับต้องมาแบ่งกับคนอื่นอย่างเท่าเทียม 

 

 

 

 

 

มู่จินแน่นอนมีเจตนาดี แต่นั่นเพราะเขาได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ดอกไม้แห่งการทำลายล้างมีอานุภาพสูงลิ่ว เหมาะมากสำหรับหุบเหวทางตอนเหนือ ทว่าช่างน่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดรับเจตนาดีของตน 

 

 

 

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร งั้นฉันจะคอยเฝ้าดูคุณอยู่ห่างๆก็แล้วกัน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้” มู่จินเองก็มากไปด้วยประสบการณ์ เพียงได้ยินฉินเฟิงยกข้ออ้างขึ้นมา ก็ตอบสนองทันที แต่ก็อดรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจไม่ได้ 

 

 

 

 

 

ฉิยเฟิงคนนี้ ความคิดอ่านยากเกินกว่าจะบอกบรรยายจริงๆ 

 

 

 

 

 

ในอดีตมู่จินเคยพาผู้ใช้พลังเลเวล C ลงหุบเหวตอนเหนือ คนเหล่านั้นรู้สึกสำนึกบุญคุณจนร่ำไห้ 

 

 

 

 

 

แต่ฉินเฟิง กลับปฏิเสธเขาอย่างไม่ใยดี! 

 

 

 

 

 

แต่เหตุผลที่ทำแบบนี้มันก็ง่ายๆ เพราะฉินเฟิงแข็งแกร่งมากนั่นเอง! 

 

 

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ” ฉินเฟิงยื่นมือไปเชคแฮนด์มู่จิน กล่าวคำอำลา แล้วแยกย้ายกันไป 

 

 

 

 

 

หลังจากสถานการณ์สงบลง โดรนสังเกตการณ์ที่อยู่ไกลออกไป ก็ค่อยๆถอยห่างจากสนามรบอย่างเงียบๆ 

 

 

 

 

 

ภายในอาคารสำนักงานขององค์กรพันธมิตรมนุษย์ประจำเมืองหมิงกวง ผู้ใช้พลังเลเวล B คลึงหน้าผากอย่างแรง เพื่อช่วยให้ตนรู้สึกผ่อนคลายลง 

 

 

 

 

 

“ชายคนนี้เป็นใครกัน เขาสามารถฆ่ากวนซวงตงราวพลิกฝ่ามือได้อย่างไร” 

 

 

 

 

 

อบิลิตี้ของฉินเฟิงทรงพลังเกินไป และเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากเมืองกวงหมิง ส่งผลให้เมืองกวงหมิงได้รับการแจ้งเตือนถึงพลังงานนี้ เจ้าเมืองตื่นตระหนกยิ่ง 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงสังหารกวนซวงตงได้อย่างง่ายดาย ในสายตาของเจ้าเมืองหมิงกวง เหตุการณ์ยิ่งใหญ่คงกำลังจะเกิดขึ้นตามมาอีกแน่ๆ 

 

 

 

 

 

เป็นพระเจ้าองค์ใดกันหนอประทับลงมาที่นี่? 

 

 

 

 

 

“ไหนขอกระผมดู … อ้อ ผมเหมือนจะรู้จักผู้ใช้พลังคนนี้ ” 

 

 

 

 

 

“โอ้ เขาเป็นใครกัน?” 

 

 

 

 

 

“มันเรียกว่าฉินเฟิง เป็นผู้การรัฐของสี่เมืองทะเลเหนือ” 

 

 

 

 

 

“สี่เมืองทะเลเหนือ? สถานที่ห่างไกลขนาดนั้น เขามาทำอะไรที่นี่?” เห็นได้ชัดว่าเจ้าเมืองขบคิดไม่ตก 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิงคนนี้ได้ก่อตั้งกลุ่มองค์กร และขายเรือเหาะจากในวิดีโอที่ท่านดูเมื่อครู่ บางทีเขาอาจมาส่งสินค้า” 

 

 

 

 

 

“แสดงว่าไม่แวะจอด แค่ผ่านมาสินะ” เจ้าเมืองผ่อนคลายลง วาดมือส่งสัญญาณ “งั้นช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขา อีกไม่นานจะมีงานประลองลูกรักของพระเจ้าทางตอนเหนือ ผู้ใช้พลังมากมายจะหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ ควรสังเกตการณ์ตลอดเวลา อย่าปล่อยให้พวกพันธมิตรองค์กรมืดคิดใช้ประโยชน์จากสถานการณ์” 

 

 

 

 

 

“รับทราบท่านเจ้าเมือง” 

 

 

 

 

 

เจ้าเมืองหมิงกวงเดิมคิดว่าฉินเฟิงแค่แวะมาแล้วผ่านไป แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประลองลูกรักพระเจ้า เมื่อถึงเวลาที่เขาเห็นฉินเฟิงในงานประลอง ใบหน้าของเขาคงน่าดูชม!