990 ก้อนหินหน้าตาย
“ขอให้เดินทางปลอดภัย”หวังเย้าพูดกับกั๋วซือหรง“พักผ่อนให้มาก ผมว่าเธอดูเหนื่อยมากถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปร่างกายของเธอจะไม่ไหวเอานะ”
“เข้าใจแล้ว”
พวกเขากลับไปที่วิลล่าในห่ายชิว
“พี่ผมว่าสีหน้าของพี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”กั๋วเจิ้งเหอพูด“พี่ไปพักเถอะครับ”เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของพี่สาวเขาดูซีดเล็กน้อย
“งั้นพี่จะไปงีบสักหน่อยแล้วกัน” กั๋วซือหรงพูดเธอรู้สึกมึนหัวเพราะนอนไม่พอ
“รีบไปเถอะครับ”
“พี่”
“หืม?” กั่วซือหรงที่เดินไปถึงประตูแล้วชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมองน้องชายของเธอ“ถ้าพี่ไม่ชอบคนจากตระกูลจ้าว พี่ก็ไม่ต้องแต่งงานกับเขาหรอก”กั๋วเจิ้งเหอพูด“ผมจะคอย
สนับสนุนพี่เอง”
หา? ถั่วซือหรงตกตะลึงที่ได้ยินน้องชายของเธอพูดออกมาแบบนี้ ก่อนหน้านี้น้องชายของเธอเห็นด้วยกับการที่เธอจะแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลจ้าวมันเป็นแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์เท่านั้นไม่มีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียวความรู้…พวกเขาค่อยๆสานสัมพันธ์กันหลังจากแต่งงานก็ได้นั้นเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดกันคนส่วนใหญ่ที่ว่าก็คือคนจากชนชั้นสูงและตระกูลมีอํานาจ
“นอนพักเถอะไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
หลังจากที่กั๊วซือหรงออกไปได้ไม่นานเสวี่ยซินหยวนก็เคาะประตู
“ลุงเสวี่ย นั่งก่อนสิครับ”กั๋วเจิ้งเหอรินน้ำให้กับเขา
“เอ่อ คุณชาย นั่งเถอะครับ”
“ลุงเป็นยังไงบ้างครับ? ดีขึ้นรึยัง?ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย”
“ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” เสวี่ยซินหยวนพูด“ฝีมือการรักษาหวังเย้ายอดเยี่ยมมากจริงๆ!”“ถ้าเป็นเรื่องของการรักษาแล้วล่ะก็เขาถือว่าเหนือชั้น”กั๋วเจิ้งเหอพูด“ผมไม่เคยเห็นคนที่มีฝีมือการรักษายอดเยี่ยมเท่านี้มาก่อนในชีวิต แม้แต่ในปักกิ่งก็ไม่มีคนแบบนี้อยู่น่าเสียดายก็ตรงที่เขาไม่ได้ทํางานให้ผม”
“คนที่ผมหามามาถึงที่ห่ายชิวแล้วนะครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ครับ”
“อืม ลุงต้องเตือนพวกเขาด้วยว่าอย่าให้ถูกจับได้”กั่วเจิ้งเหอพูด
“เข้าใจแล้วครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด
ในหมู่บ้านกลางเขาจงหลิวชวนกับเจี๋ยจื้อจายกําลังนั่งอยู่ตรงกันข้ามกันที่บ้านของจงหลิวชวนตรงหน้าของพวกเขาเป็นโต๊ะหินบนโต๊ะมีกระดานหมากวางอยู่หมากด่าและขาววางไขว้กันไปมาอยู่บนกระดาน
“ศิษย์พี่ ออมมือหน่อยไม่ได้เหรอ?”เจี๋ยจื้อจายถาม
“ฉันจะออมมือได้ยังไงกัน?”จงหลิวชวนตอบ“ถ้าฉันยอมฉันก็แพ้น่ะสิเราจะเล่นหมากธรรมดากันก็ได้แต่เป็นนายเองที่ดึงดันจะเล่นโกะ”
“อย่าได้ดูถูกโกะนะ”เจี๋ยจื้อจายพูด“มันมีความรู้แฝงอยู่ในนั้นแต่ทําไมฉันถึงได้แพ้ให้ศิษย์พึ่ตลอดเลยล่ะ?”
“ช่วงนี้เชียนเชิงยุ่งมากเลยเหรอ?”
“ใช่ ช่วงนี้มีรถหลายคันที่เข้ามาให้หมู่บ้าน”จงหลิวชวนพูดเขาวางหมากขาวลงไปหลังจากที่พูดจบ
“นายแพ้แล้ว!”
“ฉันไม่เล่นแล้ว”เจี๋ยจื้อจายพูด“ฉันแพ้ตลอดเลย!”
“การเรียนของอันซินเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีทีเดียว” จงหลิวชวนพูด“อาจารย์ประจําชั้นชมเธอหลายครั้ง”
“น้องสาวของพวกเราทําได้ไม่เลวจริงๆ”
“เย็นนี้ เราชวนเชียนเชิงมากินข้าวที่บ้านดีไหม?”
“หาไมล่ะ?”
“ฉันแค่รู้สึกว่า เราไม่ได้รวมตัวกันมานานแล้วน่ะสิ”
“ก็ได้ แต่ครั้งนี้ฉันเลี้ยงนะ” จงหลิวชวนพูด “มากินกันที่บ้านฉัน วันนี้เป็นวันศุกร์พอดีอันซินคงกลับมาที่บ้านเย็นนี้”
“ได๋”เจี๋ยจื้อจายพูด“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปรับน้องสาวของเรากับศิษย์พี่แล้วกันจะได้เข้าไปในตัวเมืองด้วยเลย”
“ได้”
ทั้งสองพูดคุยและดื่มชาไปด้วยเมื่อถึงเวลาประมาณ 16.30 น. พวกเขาก็ออกไปข้างนอกด้วยกันพวกเขาจะเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน
หีม?
อยู่ๆเจี๋ยจื้อจายก็หยุดเดินและมองไปทางเนินเขาซีชาน
“มีอะไรเหรอ?” จงหลิวชวนถาม
“ไม่มีอะไร” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฉันอาจจะตาฝาดไปก็ได้ ไปกันเถอะ”
บนเนินเขาซีชาน ชายคนหนึ่งกําลังเดินมุ่งหน้าไปทางเนินเขาหนานชาน
เขาได้รับข้อมูลมาว่า “ฝีมือการรักของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก และยาที่เขาใช้ก็วิเศษยิ่งกว่าสาเหตุที่การรักษาของเขาได้ผลดีก็มาจากสมุนไพรพวกนั้นถ้าไปที่นั่นอาจจะหาต้นตอเจอก็ได้เขามักจะนอนค้างอยู่บนเนินเขาหนานชานทุกวันดังนั้น สมุนไพรก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วยถ้าอย่างนั้นก็ต้องขึ้นไปดูบนเนินเขาหนานชานก่อนเป็นอันดับแรก”
เขาเดินมุ่งหน้าไปที่เนินเขาหนานชาน
“ก้อนหินอย่างนั้นเหรอ?”เมื่อเขาเดินเกือบถึงเนินเขาหนานชานแล้วเขาก็พบว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่หลายก้อน
เขาเดินไปไม่กี่ก้าวและพบว่าเขาก้อนหินยังคงอยู่ตรงหน้าเขาไม่ไปไหนแล้วเขาก็เดินอ้อมไปเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก้อนหินกลับยังคงอยู่ที่เดิม
เขาจึงเดินอ้อมไปอ้อมมาแต่ก้อนหินก็ยังคงอยู่ตรงหน้าเขา
นี่มันเรื่องอะไรกัน?อยู่ๆเขาก็เริ่มเหงื่อตก
เขาหันซ้ายหันขวาไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่ก้อนหินอยู่รอบตัวเขา พวกมันอยู่ข้างหน้าข้างหลังทั้งทางซ้ายและทางขวาของเขาก้อนหินมีขนาดแตกต่างกันไปพวกมันสูงกว่าตัวเขาเขาจึงมองไม่เห็นรอบด้านถ้าอย่างนั้นก็ปีนมันซะเลย!
หลังจากที่เดินอ้อมก้อนหินไปมาอยู่นานอยู่ๆเขาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาเขาเริ่มปีนขึ้นไปบนก้อนหินหลังจากปีนไปได้ครึ่งทางเขาก็เหยียบลงไปในความว่างเปล่าและร่วงลงมาปืนอีกรอบ!
สุดท้ายเขาก็ปีนขึ้นไปบนก้อนหินได้สําเร็จแล้วเขาก็ต้องตกตะลึง ใบหน้าซีดเผือดเขามองไม่เห็นต้นไม้ถนนหรือเส้นทางเลยภาพที่เขาเห็นระหว่างที่เดินมาที่นี่ได้หายไปจนหมดเขามองไม่เห็นอะไรเลย มีแค่ก้อนหินเท่านั้นที่เขาเห็นทั่วทั้งภูเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยก้อนหินเท่านั้นก้อนหินหน้าตายพวกนี้!
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
พระอาทิตย์คล้อยตาลงมา
ในเวลานี้เอง เขาก็รู้สึกเหมือนโลกกําลังหมุนเขาร่วงลงไปที่พื้นเสียงดังตุบ
โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง!
เสียงอะไรน่ะ? นั่นหมาเหรอ?
สิงโต? จะมีสิงโตอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
เขารู้สึกตื่นตัวพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนและเพ่งมองให้ชัดนั่นมันสิงโตชัดๆ!
ไม่สิ! นั่นมันหมา! มันเป็นหมาที่ตัวโตเหมือนสิงโต
ข้างๆสุนัขตัวนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนจ้องมองเขาอยู่
“นายเป็นใครแล้วมาทําอะไรที่นี่?”หวังเย้าจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเขามีกลิ่นติดกายที่คุ้นเคย
“ฉันหลงเข้ามาที่นี่น่ะ”
“นายมาจากยูนนานใต้”อยู่ๆหวังเย้าก็พูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็เผลอตากระตุกและตัวเกร็งเล็กน้อย
“เป็นความจริงสินะ”
“นายมาหาอะไรที่นี่?ใครสั่งให้มาเป็นเมี่ยวซีเหอใช่ไหม?” น้ำเสียงของหวังเย้าเย็นเยียบในตอนที่เขาถามอยู่นั้นอีกฝ่ายก็ขยับมือ
แต่แล้วอยู่ๆเขาก็คุกเข่าลงไปที่พื้นเขาตัวแข็งทื่อและขยับไม่ได้เลย
“ช่างเถอะ” หวังเย้าสะบัดมือแล้วอีกฝ่ายก็หมดสติไปทันที
ก่อนที่เขาจะหมดสติไปเขาคิดในใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?
ที่ตีนเขาเจี๋ยจื้อจายกับจงหลิวชวนกลับมาจากไปรับจงอันซินจากในตัวเมืองเหลียนชานพวกเขายังซื้อของกลับมาทําอาหารเย็นอีกหลายอย่างด้วย
“ฉันช่วยเอง” หูเหมยพูด
“ไม่ต้องหรอก ฉันท่าเองได้”
“มาช่วยกันทําดีกว่าไหม?”
กริ๊ง!กริ๊ง! มือถือของเจี๋ยจื้อจายส่งเสียงดังขึ้นมาเขาหยิบออกมาและกดรับ
“เขียนเชิง?”
“อะไรนะ? ได้ครับ เราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
“ศิษย์พี่ เขียนเชิงเรียกหาพวกเรา”
“ได้”จงหลิวชวนหันไปพูดกับน้องสาวของเขาก่อนจะออกไปกับพวกเขาพวกเขามาถึงบ้านร้างหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเนินเขาซีซานเมื่อเข้าไปด้านในแล้วพวกเขาก็เห็นชายคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ เขียนเชิง?”
“อยู่ๆผู้ชายคนนี้ก็ขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานและหลงเข้าไปในค่ายกล” หวังเย้าพูด “ผมจับกลิ่นที่คุ้นเคยได้จากตัวเขาผู้ชายคนนี้น่าจะมาจากหุบเขาพันโอสถ
“หุบเขาพันโอสถ? เขาขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเหรอครับ?”
“ใช่”
“หาเรื่องตายซะแล้ว!” เจี๋ยจื้อจายจ้องมองชายที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นด้วยสายตาที่ฆ่าคนได้
“ลองถามเขาดูและถามว่าใครส่งเขามา” หวังเย้าพูด “พวกนายเชี่ยวชาญเรื่องนี้อยู่แล้ว”
“ได้ครับ ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง”
มื้อค่ํายังคงเป็นไปตามปกติแต่กลับจบลงอย่างรวดเร็วพวกเขาไม่ได้ดื่มเพราะยังมีเรื่องที่พวกเขาต้องไปจัดการกันต่อ
ในกระท่อมร้างติดกับเนินเขาซีชานชายที่หมดสติก็ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองถูกมัดอยู่เขาไม่สามารถขยับตัวได้และมีผ้าปิดปากของเขาเอาไว้ตรงหน้าเขามีชายสองคนยืนอยู่
“ตื่นแล้วสินะ! เรามาคุยกันดีกว่า!”
อ้ากกกก! มีเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังออกมาจากบ้านร้าง แต่ก่อนที่จะมีใครได้ยินมันก็เงียบไปแล้ว คนในหมู่บ้านไม่ได้ยินอะไรเลย
“ฉันมันเป็นคนใจร้อน ฉันจะถามแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เช้าวันต่อมา ทั้งสามขึ้นไปบนเนินเขาตงชานหวังเข้ามาแต่เช้าเช่นเดียวกัน
“เชียนเชิง เราได้ความมาแล้วครับ”
“เป็นฝีมือใคร?”
“คนจากยูนนานใต้ส่งเขามาที่นี่ครับ”เจี๋ยจื้อจายพูด“ส่วนเป็นใครนั้น เขามองไม่เห็นหน้าพวก
เขา คนพวกนั้นสั่งให้เขาขึ้นไปค้นหาบนเนินเขาหนานชาน เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับคนจากหุบเขาพันโอสถครับ”
“ดี ขอบใจมาก”หวังเย้าพูด
“เชียนเชิงไม่จําเป็นต้องขอบคุณพวกเราเลยครับ”เจี๋ยจื้อจายรีบพูด
“เขามาค้นหาที่นี่เพราะเชียนเชิงรักษาคนที่ถูกแมลงพิษจากคนพวกนั้นรึเปล่าครับ?”จงหลิว
ชวนถาม
“อาจจะไม่ใช่แค่พวกเขาก็ได้ผมคิดว่าผู้ว่าเขตกั๋วอาจจะมีส่วนกับเรื่องนี้ด้วย”หวังเย้าเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับถั่วเจิ้งเหอ มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายมาที่นี่เพราะฝีมือของกั๋วเจิ้งเหอ