ภาคแคว้นติ้ง บทที่ 43 นัดหมายลับๆ (2)

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

ฝนตกติดต่อกันมาสองวัน ในที่สุดท้องฟันอันแจ่มใสปลอดโปร่งก็มาเยือนในวันที่สาม เช้าตรู่ ซูหลีตื่นนอนและมุ่งหน้าไปยังท่าเรือหลวง แต่กลับเห็นซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยยืนรออยู่บนเรือเพียงคนเดียว ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยเห็นนางก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉางเล่อมาสายแล้ว”

ซูหลีกล่าวอย่างขอโทษขอโพย “ปล่อยให้เจ้ารอนานเสียแล้ว เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ยังไม่ถึงอีกหรือ?”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยเข้ามาคล้องแขนนาง แล้วเดินไปที่ห้องโดยสารเรือ พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “วันนี้อาจมีแค่ข้าคนเดียวที่ได้ไปกับเจ้า”

ซูหลีตะลึงงัน “เกิดเรื่องใดขึ้นงั้นหรือ?”

“ฉางเล่อไม่ต้องเป็นห่วง ฝ่าบาทมีเรื่องสำคัญต้องหารือกับองค์รัชทายาท ฉะนั้นจึงไม่อาจร่วมเดินทางไปด้วยกะทันหัน เสด็จป้าบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากพักผ่อนอยู่ในวัง จึงกำชับข้าให้ไปเที่ยวเล่นกับเจ้าให้สนุก”

ซูหลีชะงักฝีเท้า แล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “อวิ๋นฮุ่ย ฮองเฮามีรับสั่งอย่างอื่นด้วยกระมัง?”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยยกมือปิดปากยิ้มๆ “ฉางเล่อของเราปราดเปรื่องขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? วางใจเถิด จดหมายที่ข้าจะส่งก็ส่งเรียบร้อยแล้ว พวกเรามาแล่นเรือไปตามน้ำ และใช้กลยุทธ์หลอกให้ตายใจกันดีกว่า”

เรือชมทิวทัศน์ค่อยๆ ล่องเข้าไปในแม่น้ำของเมืองหลวงแคว้นติ้ง ซูหลีกับซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ ชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำระหว่างทาง ถึงแม้ซูหลีมาอยู่แคว้นติ้งนานแล้ว แต่นางก็ยังไม่คุ้ยเคยกับภูมิประเทศในเมือง ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยแนะนำให้นางรู้จักอย่างใจเย็น ที่แท้เส้นทางน้ำของเมืองหลวงแคว้นติ้งก็เชื่อมต่อถึงกันทุกทิศ เส้นทางน้ำสำหรับราชนิกุลเชื่อมต่อกับสายน้ำในเมืองสามารถมุ่งหน้าออกไปยังทะเลสาบน้อยใหญ่ที่อยู่นอกเมืองได้โดยตรง หลังออกจากเมืองมา ผิวน้ำในครรลองสายตาก็ค่อยๆ กว้างใหญ่ขึ้น มองเห็นเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งจากที่ไกลๆ บนเกาะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน

ซูหลีราวกับย้อนเวลากลับไป ทะเลสาบ เกาะขนาดเล็ก ดอกหลี ความทรงจำหนึ่งพลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยชี้ไปที่เกาะขนาดเล็ก แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ที่นั่นก็คือเกาะฉางหลี”

ซูหลีมองไปจากที่ไกลๆ เห็นเพียงชายฝั่งเต็มไปด้วยแมกไม้อุดมสมบูรณ์ สถานที่ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยดอกหลีสีขาวดุจหิมะ ก็คือแดนสวรรค์แห่งดอกหลีนั่นเอง ยามนั้นนางมองเห็นในเวลากลางคืน ดอกหลีกับแสงไฟ พระจันทร์ และผิวน้ำทะเลสาบต่างส่องกระทบกัน ยามนี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นได้ชัด กลับกลายเป็นทิวทัศน์ในอีกรูปแบบหนึ่ง จู่ๆ นางก็รู้สึกขันเล็กน้อย เสด็จพ่อและเสด็จแม่ทำตัวติดนางทั้งวัน เพราะไม่อยากเปิดโอกาสให้นางไปพบตงฟางเจ๋อ กลับนึกไม่ถึงว่าวันนี้ดันส่งตัวนางมาหาเขาโดยตรง

ซูหลีชะเง้อมอง “อยู่ตรงนี้มองไม่เห็นสวนชิงหลี”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยยิ้มพลางกล่าวว่า “ย่อมมองไม่เห็นอยู่แล้ว สวนชิงหลีอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ ยามนี้พวกเราอยู่ทิศใต้ ฉางเล่อไม่ต้องห่วง หากเขาจะมา ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วแย้มยิ้ม

เรือชมทิวทัศน์ค่อยๆ ลอยเข้าฝั่ง ซูหลีกับซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยค่อยๆ ก้าวขึ้นไป แล้วสั่งให้คนอื่นรออยู่บนเรือ พวกนางสองคนจึงค่อยเดินไปยังใจกลางเกาะ กลิ่นหอมหวนของดอกหลีลอยโชยมาแตะจมูก ซูหลีตะลึงงัน “ครั้งที่แล้วที่มา ดอกหลีกำลังเบ่งบานพอดี นี่ก็ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว ตามหลักแล้วดอกหลีบานไม่นาน น่าจะร่วงหมดแล้ว เหตุใดยามนี้จึงยังเบ่งบานงดงามอยู่เล่า?”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยยิ้มแล้วตอบว่า “อากาศบนเกาะแห่งนี้เหมาะสม ฉะนั้นระยะเวลาที่ดอกไม้บานจึงยาวนานกว่าสถานที่แห่งอื่น”

ทั้งสองเดินเลี่ยงจุดที่มีดอกไม้ร่วงลงมากองบนพื้นอย่างระมัดระวังตลอดเส้นทาง ด้วยกลัวว่าคราบดินใต้รองเท้าจะทำให้กลีบดอกไม้เหล่านั้นแปดเปื้อน เดินไปได้ประมาณหนึ่งเค่อ พวกนางก็เดินมาถึงกลางสวนดอกหลี สีขาวบริสุทธิ์ของดอกหลีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา น่าประทับใจยิ่งกว่ายามมองเห็นจากบนเรือชมทิวทัศน์อย่างเทียบไม่ติด ที่ใดมีลมพัดผ่าน กลีบดอกไม้ก็พลันโปรยปรายไปตามลมดั่งสายฝน บดบังการมองเห็น และร่วงใส่ตัวซูหลีด้วยเช่นกัน นางหยิบกลีบดอกไม้เล็กๆ บนหัวไหล่ขึ้นมาดม นี่คือกลิ่นหอมที่นางชื่นชอบที่สุด

ดอกไม้ร่วง สายลมหยุด

ใต้ต้นหลีที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีบุรุษชุดสีฟ้าผู้หนึ่งคุกเข่าข้างเดียว เขากำลังก้มเก็บดอกหลีที่ถูกลมพัดร่วงบนพื้น จากนั้นก็เก็บใส่ถุงผ้าต่วนที่เหน็บไว้ตรงเอวอย่างระมัดระวัง

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาทำให้เขาตื่นตัว บุรุษชุดฟ้าพลันเงยหน้า สายตาแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงในความงาม

ดวงหน้าของบุรุษสะท้อนในครรลองสายตา ซูหลีเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ขานเรียกโดยสัญชาตญาณ “คุณชายเซียง?”

เซียงซืออวี่อึ้งงันอยู่ตรงนั้น ราวกับตะลึงตาค้างไปแล้ว

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยอดกระแอมเบาๆ ไม่ได้ “คุณชายเซียงเองก็สนใจมาชมดอกไม้ด้วยหรือ?”

ราวกับเพิ่งตื่นจากฝันอันงดงาม เซียงซืออวี่ได้สติ รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วลุกขึ้นยืน “กระหม่อม…กระหม่อมเห็นว่าดอกหลีที่นี่งดงามยิ่ง ฉะนั้น…ฉะนั้นจึงมาเดินชม”

ซูหลียิ้มพลางมองเขา “เหตุใดคุณชายเซียงเห็นฉางเล่อจึงต้องตกใจถึงเพียงนั้น”

สายตาของเซียงซืออวี่ลึกซึ้ง ในดวงตายังคงมีแววตะลึงในความงามให้เห็นอยู่รางๆ เขาพึมพำเสียงเบา “ผิวขาวดุจหิมะ ดวงหน้างามดั่งหยกล้ำค่า เมื่อครู่องค์หญิงเหมือนเทพธิดาแห่งดอกหลีมาก…”

หัวใจของซูหลีพลันสั่นสะท้าน เนิ่นนานมาแล้ว เคยมีคนเรียกนางเช่นนี้ นางเบือนสายตาออกไป “คุณชายเซียงชมเกินไปแล้ว ฉางเล่อเป็นแค่เพียงคนธรรมดา”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยมองเซียงซืออวี่ แล้วกล่าวว่า “บางทีในสายตาเขา ฉางเล่ออาจงดงามดังเทพธิดา” นางลดเสียงต่ำลง แล้วกล่าวต่อว่า “ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงต้องตาคุณชายเซียง จึงจัดการนัดหมายอย่างดิบดี ฉางเล่ออย่าหมางเมินน้ำใจของพระองค์เล่า”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยหันไปขยิบตาให้นาง เต็มไปด้วยแววเย้าแหย่

ซูหลียิ้มอย่างจนใจ “เสด็จพ่อลงทุนมากจริงๆ ข้าจะไปส่งเขากลับ เจ้าช่วยข้าดูต้นทางที เกิดเขามา…ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน”

ซั่งกวนอวิ๋นฮุ่ยตบมือนางเบาๆ “วางใจเถิด” นางเงยหน้ามองเซียงซืออวี่ แล้วกล่าวว่า “นั่งเรือมานาน ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ฉางเล่ออยู่ชมดอกไม้กับคุณชายเซียงที่นี่ ข้าจะไปพักที่ศาลาแล้วค่อยมา” นางหันไปส่งยิ้มให้เซียงซืออวี่เล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป

ซูหลียิ้มบาง ก้าวเท้าเดินไปตามทางเดิน นางเดินพลางถามคล้ายไม่ใส่ใจ “คุณชายเซียงตั้งใจมาชมดอกไม้จริงหรือ?”

เซียงซืออวี่เดินตามหลังซูหลีช้าๆ มองดูแผ่นหลังอันบอบบางของนาง แล้วยิ้มตอบว่า “บอกตามตรง เป็นฝ่าบาทที่ทรงส่งคนมาบอกกระหม่อมให้มาเที่ยวเล่นที่นี่ พระองค์บอกว่า องค์หญิง…ก็จะเสด็จมาด้วย”

ซูหลีไม่ตอบ เซียงซืออวี่มองไม่เห็นสีหน้านาง พลันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาถามอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงไม่พอพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ? หรือไม่อยากเห็นเซียงซืออวี่อยู่ที่นี่?”

ซูหลีชะงักเท้า หมุนกายหันกลับมา แย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า “จะเป็นไปได้เช่นไร! เสด็จพ่อตั้งใจจัดแจง คุณชายเซียงเองก็อุตส่าห์บอกกล่าวตามตรง ฉางเล่อมีเหตุผลใดให้ไม่พอใจเล่า?”

เซียงซืออวี่ยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่สบายใจ เขาค่อยๆ เดินมาตรงหน้าซูหลี จ้องตานางอย่างจริงจัง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “จริงหรือ? กระหม่อมนึกว่าที่กระหม่อมสารภาพความรู้สึกที่มีต่อองค์หญิงต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นเฉิงในงานเลี้ยงครั้งที่แล้ว จะทำให้องค์หญิง…ไม่พอพระทัยเสียอีก ถึงแม้ว่ากระหม่อม…จะรู้สึกดีกับองค์หญิงจริงๆ แต่ตอนนั้นที่กระหม่อมพูดเช่นนั้น เพราะต้องการตามพระทัยฮ่องเต้แคว้นติ้ง ตั้งแต่ที่กระหม่อมเสียท่านพ่อไป ก็ไม่เคยได้รับความรักเช่นนี้อีกเลย กระหม่อมทนเห็นฝ่าบาทปวดใจไม่ได้ องค์หญิงเข้าใจกระหม่อมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ซูหลีถอนหายใจ กล่าวว่า “ฉางเล่อย่อมเข้าใจ คุณชายเซียงทำไปเพราะความหวังดี ไม่อยากขัดพระทัยเสด็จพ่อ เพียงแต่…”

“เพียงแต่อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เซียงซืออวี่ถาม สีหน้าดูกังวลเล็กน้อย

ดอกหลีดอกหนึ่งร่วงลงมาตามสายลม ซูหลีเอียงคอเล็กน้อย ยกมือหนีบกลีบดอกไม้ไว้ในมือ นางจ้องมองมันอย่างเหม่อลอย แล้วพึมพำเสียงเบาว่า “เพียงแต่หัวใจของข้ามีเจ้าของแล้ว กลัวจะทำให้คุณชายเซียงผิดหวังเสียเปล่าๆ”

แววเศร้าหมองและอิจฉาพาดผ่านดวงตาของเซียงซืออวี่ เขามองโฉมสะคราญตรงหน้า ดอกหลีดอกนั้นราวกกับได้กลายเป็นแสงจันทร์นวลขาวที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่อาจตัดใจ แต่ก็ไม่อาจไขว่คว้า

——————————————–