ตอนที่ 992 ใครเป็นคนเริ่ม คนนั้นก็ต้องเป็นคนจบมัน

Elixir Supplier

992 ใครเป็นคนเริ่ม คนนั้นก็ต้องเป็นคนจบมัน

เขาสะบัดมือ แล้วผงสีเทาก็กระจายออกไป มันพุ่งตรงไปทางสุนัขตัวโตแต่แล้วมันก็ปลิวหายไปในพริบตา
โฮ่ง!

สุนัขส่ายหัวและตัวของมันเล็กน้อย ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าใส่ชายคนนั้น

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

สุนัขตัวโตไปถึงตัวของชายคนนั้นในตอนที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจึงรีบกลิ้งตัวเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีแต่เขาก็ยังคงจบลงที่การถูกสุนัขตัวนั้นโจมตีเข้าใส่อยู่ดีเขารับรู้ได้ถึงพละกําลังที่แข็งแกร่งกระแทกเข้าใส่แผ่นหลังของเขาจนทําให้เขาต้องกระอักเลือดออกมา

“มันแข็งแกร่งมาก!”

กลับไปที่คลินิกในหมู่บ้าน…

หีม?

อยู่ๆหวังเย้าก็ลุกขึ้นยืนและมองออกไปด้านนอก

“มีอะไรเหรอครับ เชียนเชิง?” เจียจื้อจายถาม

“เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงคํารามของซานเซียน” หวังเย้าตอบ “น่าจะเกิดเรื่องขึ้นบนเขาคงมีแขกไม่ได้รับเชิญขึ้นไปบนนั้น

“ผมว่าเราขึ้นไปดูกันดีกว่านะครับ”เจี๋ยจื้อจายพูดพร้อมกับปลดปลายรังสีสังหารออกมา
“ไปกันเถอะ”

เมื่อพวกเขาไปถึงภาพที่พวกเขาเห็นก็คือชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพน่าสังเวช

เขามีเลือดท่วมตัวและหายใจอย่างแผ่วเบามีสุนัขตัวโตราวกับสิงโตยืนอยู่ด้านหน้าเขามันแยกเขี้ยวและส่ายหางอย่างยินดีไปทางหวังเย้า
“นี่มันอะไรกัน?นี่ยังเรียกว่าสุนัขได้อยู่อีกเหรอ?”

ชายคนนั้นจ้องมองไปทางสุนัขตัวโตด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงเขาใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เข้าสู้ไม่ว่าจะเป็นพิษ,กู่, ดาบแต่สุนัขตัวนี้กลับสามารถต้านทานพิษกับกู่ที่เขาโจมตีใส่ได้ และแม้แต่ดาบก็ไม่สามารถเฉือนผิวหนังของมันได้ดาบของเขาจึงกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าสุนัขตัวนี้แม้แต่สิงโตของจริงก็ยังไม่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้เขาเคยมั่นใจมากว่าเขาสามารถจัดการสัตว์หน้าขนตัวนี้ได้แต่สุนัขตัวโตกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวไปเสียได้“น่าสนใจจริงๆ”หวังเย้ามองดูชายที่นอนอยู่ที่พื้น

“ทําไมมันถึงต้านทานพิษกับกู่ได้?”เขาถามด้วยใบหน้าที่ดูสิ้นหวัง

“นายกําลังพูดถึงซานเซียนอยู่เหรอ?”หวังเย้าถามพร้อมกับเดินเข้าไปลูบหัวสุนัข “มันสามารถต้านพิษร้ายได้ทุกชนิด

ซานเซียนถูกอาบไปด้วยพลังวิญญาณทั้งกลางวันและกลางคืน หวังเย้ายังป้อนยาที่ทําขึ้นมา

จากสมุนไพรวิเศษให้มันกินด้วยมันได้กลายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าสัตว์ธรรมดาทั่วไปนานแล้ว“จื้อจายจัดการได้เลย”หวังเย้าพูด

“ได้ครับ เชียนเชิง” เจี๋ยจื้อจายยกยิ้มและพูด“เพื่อนฉันชื่นชอบการง้างปากคนมากเลยล่ะ”“ง้างปาก?”

เมื่อเขาได้ยินก็ตัวเกร็งขึ้นมา

ผมขอโทษด้วยครับผู้นํา ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นความฝันที่กลายเป็นจริงของท่านได้ “คิดจะตายงั้นเหรอ?”

เขาตะเกียกตะกายอยู่ที่พื้นเขารู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวเมื่อคิดที่จะตายจริงๆแต่แล้วก็มี

พลังงานบางอย่างล้อมตัวเขาเอาไว้โดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้เลย

“กินยาพิษงั้นเหรอ? นี่คงคิดจะฆ่าตัวตายสินะ”หวังเย้าเอายาออกมาและกรอกใส่ปากอีกฝ่าย

ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาหายไปอย่างรวดเร็วพิษหายไปแล้ว

“เป็นไปได้ยังไงกัน?” เขาถาม

เขาเบิกตาจ้องมองไปทางหวังเย้า

มันเป็นพิษจากหุบเขาพันโอสถทั้งสูตรยาและวิธีการปรุงล้วนอยู่ในมือของผู้นํามีแค่ไม่กี่คนในหุบเขาเท่านั้นที่สามารถรักษาพิษชนิดนี้ได้ถึงเขาจะพกยาแก้พิษมาด้วยแต่เขาก็ไม่คิดที่จะใช้มันเพราะเขาได้ติดสินใจแล้วว่าจะตายเขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะสามารถรักษาพิษได้อย่างง่ายดายแบบนี้

“แกเป็นใครกันแน่?” เขาถาม

เขาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายมีความสามารถสูงทั้งที่อายุยังน้อยขนาดนี้ได้ยังไงเขาสงสัยว่าชายหนุ่มเรียนรู้มาจากใครทําไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อของชายหนุ่มมาก่อน หรือจะเป็นเพราะพวกเขาปลีกตัวจากโลกภายนอกมานานเกินไป

“ตอนนี้ นายควรสนใจเรื่องของตัวเองก่อนจะดีกว่านะ”เจี๋ยจื้อจายใช้มือเดียวดึงตัวอีกฝ่ายขึ้น

มาและลากตัวเขาไปที่บ้านร้างบนเนินเขาซีชาน

โชคดีที่ฉันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กับผู้นําไปหมดแล้วเขาคิดในใจ

เมื่อพิษกู่ไม่สามารถนําออกมาใช้งานได้เขาก็ไม่สามารถต่อกรอะไรกับใครได้อีก

เจี๋ยจื้อจายได้รู้เรื่องราวหลายอย่างจากปากของอีกฝ่าย

“ดีจริงๆ”

“อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วก็อย่าได้คิดพยายามทําอะไรที่ไร้สาระล่ะ” เจี๋ยจื้อจายโยนอีกฝ่ายไปที่มุมหนึ่งของบ้านก่อนจะลงจากเขาไป เขากลับไปบอกเรื่องทุกอย่างที่รู้มากับหวังเย้า

“เมี่ยวซีเหออีกแล้วเหรอ?”

“ครับ”

“ผู้ชายคนนั้นไม่คิดที่จะยอมรามือเลยสินะ” หวังเย้ายกยิ้ม

“เชียนเชิง ให้ผมไปจัดการเรื่องนี้ที่ยูนนานใต้ดีไหมครับ?”เจี๋ยจื้อจายถาม

“ไม่ต้องหรอก” หวังเย้าโบกมือปฏิเสธ

“เราจะรอ พวกเขาต้องส่งคนมาที่นี่อีกแน่นายก็เห็นข้อความที่อยู่ในมือถือของเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?ผู้ชายคนนั้นส่งข้อมูลไปให้ทางนั้นแล้วผู้นําเมี่ยวคงจะได้รู้ทุกเรื่องที่เขาต้องการแล้ว”

“ได้ครับ เราจะรอ”เจี๋ยจื้อจายพูด

ในหุบเขาพันโอสถที่ห่างออกไปไกลหลายพันไมล์…

เมี่ยวซีเหอได้รับข้อความและรูปภาพจากคนที่เขาส่งไปสืบในหมู่บ้านทางเหนือเขานิ่งงันทําอะไรไม่ถูกอยู่นาน

“ทําไมทางเหนือถึงมีสถานที่แบบนั้นอยู่ได้?”เขาทั้งตื่นเต้น,งุนงง, และกระวนกระวาย

“ชิงเฟิง”เขารีบเรียกตัวศิษย์ที่เขาไว้ใจมากที่สุดมา

“มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับผู้นํา?”

“ลองดูนี่สิ” เมี่ยวซีเหอพูด

เขาส่งมือถือให้กับเมี่ยวชิงเฟิง

“ผู้นําส่งคนไปที่นั่นเหรอครับ?”

“ใช่ แต่เขาโดนสุนัขจับเอาไว้ได้”เมี่ยวซีเหอพูด

“สุนัข?”เมี่ยวชิงเฟิงมึนงง

เมี่ยวชิงเฟิงรู้ดีว่าคนในหุบเขานั้นมีความสามารถมากแค่ไหนคนที่ถูกส่งตัวออกไปทําภารกิจแบบนั้นได้ต้องเป็นยอดฝีมืออยู่แล้ว ตลอดหลายปีของการฝึกคนเหล่านั้นล้วนต้องพบเจอกับสัตว์ร้ายและแมลงพิษมานับไม่ถ้วนพวกเขาแข็งแกร่งจนแม้แต่สัตว์อย่างสิงโตหรือเสือก็ไม่

สามารถล้มพวกเขาได้พวกเขายังพกพิษร้ายติดตัวอยู่ตลอดเวลา เมี่ยวชิงเฟิงจึงรู้สึกสับสนเมื่อได้รู้ว่าคนของหุบเขาถูกสุนัขตัวหนึ่งจัดการ

“ฉันจะส่งคนไปที่นั่นเพื่อสืบเพิ่มอีก”เมี่ยวซีเหอพูด “จริงสิ หยิงหาวเคยไปที่นั่นมาก่อนใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“บอกให้เขาไปด้วย”

“ได้ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

เมี่ยวชิงเฟิงออกมาจากที่พักของเมี่ยวซีเหอและเดินไปตามถนนในหุบเขาอย่างเงียบๆกว่าที่เขาจะรู้ตัวเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบแล้ว

เขาจึงหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าซึ่งเป็นสิ่งที่เขาแทบไม่ได้ทําเลย

“พี่ก็สูบบุหรี่เหมือนกันเหรอ?” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเขา

ชายคนนั้นไม่ใช่ใครนอกจากจ้าวหยิงหาวที่มีใบหน้าดําคล้ํา เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในหุบเขาที่ไม่ได้ใช้แซ่เกี่ยว

“ฉันเพิ่งไปพบผู้นํามา เขามีงานให้นายทํา”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“งานอะไรเหรอ?”

“ไปที่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง”

“หมู่บ้านไหน? ที่อยู่ทางเหนือน่ะเหรอ?”จ้าวหยิงหาวงุนงงเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็นึกคําตอบขึ้นมาได้เอง

“ใช่ ที่นั่นแหละ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“ได้สิ แล้วจะให้ฉันไปทําอะไรเหรอ?”

“ไปสับ”

“สืบ? สืบเรื่องอะไร?”

“นายไม่ใช่คนเดียวที่ต้องไปที่นั่นยังมีคนอื่นในหุบเขาที่จะไปกับนายด้วย” เมี่ยวชิงเฟิงตบไหล่ของอีกฝ่าย

พวกเขานับว่าเป็นคนในรุ่นเดียวกันถึงพวกเขาจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากนักและต่างจากคนที่เติบโตมาพร้อมกับเคี่ยวชิงเฟิงในหุบเขาแต่พวกเขาก็นับว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดีพูด

“ฉันขอแนะนําสักหน่อยนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามนายต้องรอดกลับมาให้ได้”เดี่ยวชิงเฟิง

ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแต่หากตายทุกอย่างก็จบ มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

“ฉันรู้” จ้าวหยิงหาวพยักหน้า

เขาจดจ่าชายหนุ่มที่เก่งกาจคนนั้นได้เป็นอย่างดีพวกเขาสามคนศิษย์อาจารย์ร่วมมือกันก็ยังสู้อีกฝ่ายไม่ได้สถานการณ์ในตอนนั้นไร้ความหวังจนเขารู้สึกสิ้นไร้หนทาง

“ฉันแค่ไปสืบเรื่องของที่นั่นเท่านั้นไม่ได้จะไปสู้กับเขาสักหน่อย”

“อืม”

ในเขตเหลียนชาน…

“หมายความว่ายังไงที่ว่ามีอีกคน?”

“ก็หมายความว่ามีอีกคนที่โผล่มาและเขาก็บุกรุกเข้าไปในที่ของหมอหวังน่ะสิ”

“คนพวกนี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรือไง!”

มีคนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของหวังเข้าสองครั้งติดต่อกันแบบนี้พวกเขาไม่ได้มาดีแน่ๆมีหลาย

คนในเขตที่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณหวังเย้ามีหลายครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคร้ายมานานหลายปีโดยไร้

ความหวังที่จะกลับมาหายเป็นปกติแต่แล้วพวกเขาก็หายดีเมื่อได้ไปรักษากับหวังเย้าและพวกเขาก็รู้จักที่จะทดแทนบุญคุณอีกฝ่าย

บอกทุกคนในสถานีให้คอยเฝ้าระวังให้ดี”

“ได้”

กลับมาที่หมู่บ้านบนเขา…

ถั่วเจิ้งเหอมาที่คลินิกทั้งที่ไม่ใช่วันนัดที่เขาต้องมารับการรักษา

“ผมได้ยินมาว่า เกิดเรื่องขึ้นที่นี่”เขาพูด

“ใช่ มีแขกไม่ได้รับเชิญน่ะ” หวังเย้าตอบ

“ผมขอโทษ พวกเขาคงจะตามผมมา”ถั่วเจิ้งเหอพูดเขาดูดีขึ้นกว่าหลายวันก่อนมาก

“ขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้ว”หวังเย้าพูด“ปล่อยให้พวกเขามาเถอะ” “เชียนเชิงต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด“คนพวกนี้ทําได้ทุกอย่างเพื่อให้งานของพวกเขาสําเร็จถึงเชียนเชิงจะไม่กลัวพวกเขาแต่เขียนเชิงก็ต้องนึกถึงคนในครอบครัวด้วย”

“อืม ขอบคุณที่เตือน” หวังเย้าพูดพ่อแม่ของหวังเย้าได้กินยาที่สร้างภูมิต้านทานพิษได้ทุกชนิดไว้แล้วรวมไปถึงจงหลิวชวนกับ คนอื่นๆด้วยแมลงพิษทั้งหลายไม่กล้าเข้าใกล้พ่อแม่ของเขาอีกต่อไปพวกเขาจึงไม่จําเป็นต้องกลัวเรื่องพวกนี้เลยแต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงนั่นก็คือครอบครัวของพี่สาวกับพี่เขยของเขา

“ผู้ว่าเขตกั่วคุณคือคนที่เริ่มเรื่องนี้และคุณก็ต้องเป็นคนที่จบเรื่องทั้งหมดเอง”หวังเย้าพูด“ผมกําลังจัดการเรื่องนี้อยู่”ถั่วเจิ้งเหอพูด “สบายใจได้ครับอีกไม่นานพวกเขาจะไม่สามารถสร้างเรื่องวุ่นวายแบบนี้ได้อีก”