“ที่รัก ตื่นซะเถอะ เธอคิดว่าเขาจะหายไปจากเธอได้งั้นเหรอ”
“ตอนนี้งานทั้งสองอย่างของเธอพัวพันกับเขาทั้งหมด ในพื้นที่ส่วนตัวเขาก็อยู่ข้างเธอเพียงแค่ประตูกั้น”
นานิช่างเป็นเพื่อนรักผู้มีความรับผิดชอบเสียจริงๆ พูดเพียงไม่กี่คำก็ช่วยให้หลินจือตระหนักถึงความเป็นจริงได้แล้ว
หลินจือละเหี่ยใจ “ซาบซึ้งมากจริงๆ ที่เธอพูดเตือนขึ้นมา”
นานิหัวเราะชอบใจ “อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องกลุ้มใจอะไรขนาดนั้น แค่เธอไม่สนใจเขาก็พอเพียงแล้ว ดูสิว่าเขาจะหน้าด้านหน้าทนได้ขนาดไหน”
หลินจือ “…”
ตกเย็นหลินจือไปร่วมรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารของโซเมน เธอคิดว่าเป็นแค่การรับประทานอาหารธรรมดาๆ ไม่คิดว่าโซเมนจะเสนอให้เธอเล่นเกมพูดความจริงหรือผจญความกล้าอะไรนั่น
ผู้คนที่มาร่วมรับประทานอาหารค่ำมีอยู่ไม่กี่คน แต่คืนนี้ซานาไม่ได้มาด้วย หล่อนบอกว่าติดงานเลี้ยงสังสรรค์งานอื่น
ไวท์มาที่นี่ แต่อารมณ์กลับไม่รื่นเริงอย่างเห็นได้ชัด
โซเมนเสนอให้หลินจือเล่นเกมพูดความจริงหรือผจญความกล้าโดยการหมุนขวด เมื่อปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ที่ใคร คนนั้นต้องยอมรับคำท้าย
สำหรับการเล่นเกมอะไรประเภทนี้หลินจือไม่ค่อยถนัด แต่นานิกลับปรบไม้ปรบมือตื่นเต้นใหญ่ “ประธานโซเมนนี่เป็นคนช่างเล่นจริงๆ มาๆๆ หมุนเลยค่ะ”
นานิก็บ้าไปอีกคน ชอบอะไรตื่นเต้นๆ ซึ่งแตกต่างจากความเย็นชาและเงียบขรึมของนัตสึโดยสิ้นเชิง
ทุกคนในที่นี้ตกลงกันว่าจะเล่นเกม หลินจือไม่อยากเล่นแต่ทำได้เพียงจำใจต้องกัดฟันเล่น
เมื่อเริ่มเกมคนที่แพ้จะถูกถามคำถามหรือถูกขอให้ทำเรื่องเสี่ยงๆ ฟังดูก็ง่ายแสนง่าย หลินจือแพ้ในรอบแรก โซเมนถามเธอว่า “เรื่องที่มีความสุขที่สุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคืออะไร”
หลินจือตอบตามความจริง “ได้เจอกับคุณพ่อของฉัน”
คำตอบของเธอดูตั้งใจและจริงจังเอามากๆ
รอบต่อมาเทาเท่เป็นคนแพ้ โซเมนถามอย่างมีเจตนาอะไรบางอย่าง “สามคนหรือสามเรื่องที่กลัวที่สุด”
เทาเท่เหลือบมองหลินจือแล้วตอบอย่างแผ่วเบา “สามคนที่กลัวที่สุด หลินจือ หลินจือ หลินจือ”
หลินจือ “…”
บอกว่าสามคนไม่ใช่เหรอ สามคนนั้นที่เขาพูดมาจำเป็นต้องเป็นเธอทั้งหมดไหม ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเสือตัวเมียแสนดุร้ายเลยสินะ
และอีกอย่าง เธอไปทำอะไรให้เขากลัว
คนที่น่ากลัวที่สุดคือตัวเขาเองไม่ใช่หรอกเหรอ
ไม่ต้องพูดเลยว่าเมื่อก่อนเธอกลัวเขามากแค่ไหน กลัวเขาไม่มีความสุข กลัวเขาไม่ชอบเธอ…
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของหลินจือพลันแข็งทื่อทันที สามอย่างที่เทาเท่พูดถึงเธอ ไม่ใช่ว่าหมายถึงเรื่องพวกนี้หรอกนะ?
กลัวเธอโกรธ กลัวเธอไม่มีความสุข กลัวเธอไม่สนใจเขา
หลังจากเทาเท่พูดจบลง โซเมนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลินจือจ้องเขม็งไปที่เทาเท่อย่างไม่สบอารมณ์ เตือนเขาว่า ต่อไปถ้าแพ้อีกดีที่สุดคืออย่ากล่าวถึงเธอ
นานิถูกถาม “สี่คำเพื่ออธิบายสถานะชีวิตในตอนนี้”
มือทั้งสองของนานิประคองแก้มตัวเองแล้วตอบว่า “คิดถึงนัตสึ”
ทุกคน “…”
สาเหตุที่นานิพูดชื่อนัตสึต่อหน้าทุกคนได้ เพราะเธอรู้ว่าทุกคนเป็นคนมีมารยาท คงเก็บความลับของเธอไว้อย่างมีจิตสำนึก
เมื่อเป็นคนแพ้โซเมน เขาถูกถามว่า “ความรักในชีวิตของคุณอยู่ในตำแหน่งอะไร”
คนที่ถามคำถามนี้แก่โซเมนคือหลินจือ เหตุใดหลินจือจึงถามคำถามเฉียบขาดแบบนี้ อย่างแรก เธอต้องการแก้แค้นโซเมน เพราะโซเมนเป็นคนถามคำถามนั้นกับเทาเท่ เห็นได้ชัดว่าเป็นการปูทางให้เขาได้พูดถึงเธอในเรื่องต่างๆ เธอต้องการล้างแค้นโซเมนและเทาเท่คนชั่วสองคนที่ร่วมมือกัน
และอย่างที่สอง หลินจืออยากรู้จริงๆ ว่า สำหรับคุณชายผู้สูงศักดิ์ไม่ชอบผูกมัดกับใครอย่างโซเมน ท้ายที่สุดแล้วเขาคิดอย่างไรกับเรื่องของความรัก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีความรู้สึกรางๆ ว่า คนคนนั้นที่อยู่ในใจควีน อาจจะเป็นโซเมนคนนี้
หลังจากพูดคุยกับควีนในวันนั้น หลินจือทำการคิดวิเคราะห์ว่าใครคือคนที่อยู่ในใจหล่อน หลินจือไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่เพราะเธอถือว่าควีนเป็นเพื่อนที่จริงใจของเธอ จึงนึกเป็นห่วงความรู้สึกของหล่อน
ควีนเป็นคนดี ในอนาคตหลินจือไม่อยากให้หล่อนได้รับความเจ็บปวดทางความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเธอ
รสชาติของการถูกทำร้ายด้วยความรัก เธอมีความคิดเห็นมากมาย ถ้าเป็นไปได้ เธอหวังว่าเพื่อนผู้แสนดีของเธอคนนี้จะไม่ประสบการณ์เรื่องราวเหมือนตัวเอง
หลินจือคิดว่าควีนเป็นคนอวดเก่ง ขวัญใจของเธอแน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ยิ่งนึกถึงครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงในบ้านของเทาเท่ ตอนควีนบอกว่าจะออกไป โซเมนที่อยากค้างแรมตั้งแรกกลับตามออกไปด้วย
ดังนั้น ที่หลินจือตั้งคำถามแบบนี้กับโซเมนในเวลานี้ ถือว่าเป็นคำขอแทนควีน แม้จะปกปิดไว้อย่างเงียบๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนในหัวใจควีนจะใช่โซเมนหรือเปล่า
โซเมนผู้ถูกถามมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าหลินจือผู้ไม่ค่อยพูดจามาตลอดจะตั้งคำถามเฉียบขาดขนาดนี้กับเขา
เขาชำเลืองมองควีนตามสัญชาตญาณ จากนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม “มีก็ได้ไม่มีก็ได้”
หลินจือเห็นความเศร้าในแววตาของควีนแทบในทันที เธอมั่นใจแน่นอนว่า คนในใจควันคือโซเมนคนนี้
เวลานี้หลินจือไม่รู้ว่าควรรู้สึกลำบากใจกับควีนหรือควรทำอย่างไรดี ตกหลุมรักคนอย่างโซเมนที่บอกว่าความรักไม่สำคัญอะไร เมื่อถึงเวลานั้นควีนก็ต้องเจ็บปวด
หลินจือเม้มริมฝีปาก จับจ้องไปที่โซเมนแล้วถามอีกครั้ง “ประธานโซเมน แม้นี่จะเป็นแค่เกม แต่เราก็ต้องซื่อสัตย์ ดังนั้นต้องตอบด้วยความจริงใจของตัวเองสิ”
“ความรัก ในชีวิตของคุณไม่สำคัญจริงๆ เหรอ”
โซเมนยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “แน่นอนอยู่แล้ว”
หลินจือสิ้นท่า เธอพยักหน้าเบาๆ “ดี ฉันเข้าใจแล้ว”
ถ้าเป็นไปได้ หลินจือหวังว่าควีนที่ได้ฟังคำพูดนี้ของโซเมนในคืนนี้แล้ว จะถอนตัวออกมาได้อย่างทันท่วงที
หลังจากฉากนี้ผ่านไป เกมยังคงดำเนินต่อ
ถัดไปสองสามรอบปากขวดหันมาหยุดอยู่ที่หลินจือ เธอถูกถามว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากทำอะไรมากที่สุด”
คำถามนี้นานิเป็นคนถามเธอ
ไม่ใช่เพียงแค่โซเมนที่ปูทางให้เทาเท่ได้ นานิและหลินจือก็เป็นเพื่อนรักที่มองตาก็รู้ใจกันเสมอมา
โซเมนปูทางให้เทาเท่ ให้เขาพูดสารภาพกับหลินจือทางอ้อม
เธอก็ปูทางให้หลินจือได้เช่นกัน ให้หลินจือพูดคำที่เทาเท่ไม่อยากได้ยิน
แน่นอนว่าหลินจือตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่มีความรักและไม่แต่งงาน และตั้งใจมุ่งมั่นแค่ในหน้าที่การงาน”
สีหน้าของเทาเท่ดำเป็นก้นหม้อ สายตาเยือกเย็นจ้องมองไปยังนานิ แต่นานิกลับทำสีหน้าไร้เดียงสาไม่รู้ไม่ชี้
ราวกับกำลังบอกเทาเท่ว่า ‘เมื่อคิดจะเล่นเกมนี้ หากเล่นไม่ไหวก็อย่าฝืน’
หลินจือเห็นเทาเท่จ้องนานิเขม็ง ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าคำตอบของเธอมีปัญหาตรงไหน นี่เป็นเกมพูดความจริงวไม่ใช่เหรอ แน่นอนว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงทุกประการ
ต่อมานานิเป็นคนถูกถาม “อะไรคือเรื่องสนิทสนมกันที่สุดที่เคยทำกับคนที่ชอบ”
นานิตอบ “ขึ้นเตียง”
ในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นานิเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น แต่หลินจือที่อยู่ข้างๆ กลับไม่อาจสงบลงได้
เธอคว้าตัวนานิมาแล้วกระซิบเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อ “เธอกันนัตสึ…ยังไง?”
แต่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย นานิกับนัตสิถูกคุณแม่ของนัตสึกีดกันแยกทั้งคู่ออกจากกันแล้วนี่ เรื่องระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งจะอายุสิบแปดปี นานิ เธอ… กล้าหาญเกินไปแล้ว!