นานิพูดปลอบใจเธอเสียงเบา “ใจเย็นๆ”
หลินจือหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำจิตใจให้สงบ
เธอไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ คิดว่านานิกับนัตสึแค่คบกันอย่างใสซื่อไร้เดียงสา…
พวกเขาเล่นเกมกันมาเนิ่นนาน ทว่าไวท์กลับไม่เคยถูกโชคชะตาเลือกเลยสักครั้ง พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาทุกคนในที่นี้ล้วนถูกปาขวดชี้เข้าหาอย่างน้อยก็คนละครั้ง บางคนถูกชี้หลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับไวท์เขาไม่มีเลยสักครั้งเดียว
ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้ตอบความจริงหรือผจญความกล้าอะไรเลย นานิจึงใช้กลอุบาย หลังจากตอบคำถามหล่อนหมุนขวด ตั้งใจควบคุมแรงเหวี่ยงให้ปากขวดชี้เป้าไปหาไวท์
ไวท์ “…”
โกงกันโจ่งแจ้งขนาดนี้ ใช้ได้เหรอ?
อย่างไรก็ตามนานิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอยากถามเขาแทบทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามว่า “คุณหมอไวท์ จะพูดความจริงหรือผจญความกล้า?”
ไวท์พูดอย่างเย้ยหยัน “พูดความจริงไร้สาระอะไร พวกคุณยังมีคนเล่นอีกเหรอ”
ทุกคน “…”
ไวท์ทำให้ทุกคนในที่นี้ขุ่นเคืองใจ เพราะสุดท้ายคนอื่นๆ ต่างเลือกพูดความจริงกันทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า คุณเลือกผจญความกล้าสินะ?” แววตานานิทอประกายความตื่นเต้น เธอคิดว่าต้องมีบทละครให้ไวท์และซานาเล่นกันสักฉาด และโอกาสรอคอยที่จะจับไวท์สอบปากคำก็มาถึง
ไวท์ถูกสายตาตื่นเต้นของเธอจ้องมองจนรู้สึกคันหนังศีรษะขึ้นมา แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันยอมรับ “ใช่”
นานิพูดขึ้นทันควัน “งั้นให้โทรหาผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วพูดกับเธอว่า ผมรักคุณ”
“และแน่นอน ยกเว้นแม่ของตัวเอง” นานิรีบตัดบุคคลที่คิดว่าไวท์จะโทรหาทิ้งไปทันที
ไวท์จ้องเธอเขม็ง นานิเอียงศีรษะพลางขยิบตาให้ ส่งสัญญาณให้เขารีบดำเนินการโดยเร็ว
ทั้งโซเมนและเทาเท่ต่างมองเขาอย่างไม่คิดจะช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซเมน ท่าทีแสดงออกว่าอยากกินแตงของเขามากกว่านานิเสียอีก
ในหัวของไวท์คนที่เขาค้นหาเจอและพอจะโทรศัพท์หาเพื่อพูดคำคำนี้ได้ มีเพียงซานาเท่านั้น
หากโทรหาเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนอื่นๆ ในโรงพยาบาล พวกเธอคงตื่นเต้นจนเป็นบ้า หรือให้โทรหาผู้หญิงสังคมพวกนั้น พรุ่งนี้พ่อแม่ของพวกหล่อนต้องแห่ไปเจอแม่เขาแน่ๆ เพื่อให้พวกเขาหมั้นหมายกันไว้
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรหาซานาในที่สุด
ไวท์เปิดสปีคเกอร์โฟน ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์เบาๆ “คุณหมอไวท์ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
ไวท์กัดฟันพูด “ซานา ผมรักคุณ”
ซานาชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดจี้จุดสำคัญขึ้นมา “คุณกำลังเล่นเกมพูดความจริงหรือผจญความกล้าอยู่ใช่ไหม”
ไวท์ “…”
ซานาเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร จึงเอ่ยต่อว่า “ฉันมีธุระที่ต้องทำ แค่นี้นะ”
พูดจบซานาก็วางสายไป สีหน้าของไวท์แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่อย่างไรก็ตาม ภารกิจของไวท์ในการผจญความกล้าถือว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้นเกมจึงดำเนินต่อไป
หลังจากผ่านไปสองสามรอบ ปากขวดชี้เป้ามาหลินจืออีกครั้ง คราวนี้เธอเลือกที่จะผจญความกล้า
แม้ว่านิสัยของเธอไม่ใช่ประเภทชอบผจญภัยเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อพูดความจริงอยู่หลายต่อหลายครั้ง เธอจึงอยากเปลี่ยนบ้าง
โซเมนยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “เลือกผู้ชายในนี้มาหนึ่งคน แล้วพูดชื่นชมเขาด้วยความจริงใจ”
ทุกคนคิดว่าหลินจือจะเลือกชื่นชมเทาเท่ เพราะเธอคุ้นเคยกับเขามากที่สุด
เป็นที่รู้จักกันดีว่า ด้วยนิสัยเงียบขรึมของหลินจือ จะให้เธอไปชื่นชมโซเมนหรือไวท์ที่ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น เธอทำไม่ได้อย่างแน่นอน
ต้องยอมรับว่า การมีอยู่ของโซเมนคนนี้ช่างน่ารำคาญสำหรับหลินจือจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม หลินจือกลับพุ่งเป้าหมายไปหาไวท์ซึ่งนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ โดยไม่ลังเล
เป็นขณะเดียวกันที่สายตาเยือกเย็นของเทาเท่จับจ้องมายังเขาเช่นกัน
ไวท์ “…”
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย เขาอยู่มาตลอดทั้งคืนแต่เหมือนไม่มีตัวตน แทบไม่ได้เข้าร่วมในเกมนี้เลยด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ กลับกลายเป็นเป้าพิพาทของคนในวงได้อย่างไร
ไวท์ที่กำลังกลัดกลุ้มใจ ทำได้เพียงนั่งฟังคำสรรเสริญด้วยความจริงใจจากหลินจือที่กล่าวต่อเขา “คุณหมอไวท์ คุณทั้งดูดีมีสง่า ฉลาด มีความสามารถ ทักษะการแพทย์ก็เยี่ยมยอด ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ในใจฉันคุณเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ที่สุด”
ไวท์ผู้ถูกสรรเสริญเยินยอ
ตกอยู่ในพะวงแห่งความสงสัยในน้ำเสียงเรียบเฉยของซานาที่ตนพูดกับเธอไปเมื่อครู่ เขาบอกรักเธอ แต่เธอกลับดูเฉยเมย แม้ว่าจะเป็นคำพูดจากการเล่นเกมก็ตามที เขาไม่น่าดึงดูดใจขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขนาดที่เธอกดวางสายใส่เขา
เวลานี้คำพูดของหลินจือทำให้เขามั่นใจอีกครั้ง ฉุดตัวเองขึ้นมาจากวังวนของความน้อยเนื้อต่ำใจ
เทาเท่ที่อยู่อีกด้านเมื่อได้ฟังคำพูดเยินยอของหลินจือ โดยเฉพาะหลังจากที่เธอพูดว่าไวท์ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ เขาพลันรู้สึกว่าบุหรี่ในมือตัวเองเหม็นขึ้นมาทันใด ส่วนเหล้าที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่หอมมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
หลายปีมานี้ เธอไม่ชอบที่เขาดื่มเหล้าสูบบุหรี่หรอกเหรอ
เทาเท่รู้สึกเหนื่อยใจ เธอไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงไม่เคยคิดว่าเธอจะใส่ใจ
หรือพูดอีกอย่าง เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของเธอ ไม่สนว่าเธอจะชอบหรือไม่ชอบ เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น แม้รู้ว่าเธอไม่ชอบ เขาก็คงตั้งใจทำมันอยู่ดี
แต่ตอนนี้…
เขาขยับนิ้วแล้วขยี้บุหรี่ในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ ไม่กล้าทำมันอีก
สถานการณ์ของเขาตอนนี้ พูดอะไรไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ เพื่อให้เธอยังชายตามองเขาอยู่ หากยังจงใจพูดแข่งกับเธอ เดาว่าคงถูกเนรเทศออกไปอย่างแน่นอน
“เหอะ…” นานิมองไปยังสีหน้าท่าทางนิ่งเงียบ ทั้งที่จริงแล้วในใจเต้นรัวไม่หยุดของบอสใหญ่อย่างเทาเท่ พลันหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
โซเมนช่วยกู้หน้าเทาเท่กลับมาอย่างรวดเร็ว “หลินจือ ไอ้ไวท์ไม่ใช่ว่าไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่สักหน่อย แต่เพียงแค่ในหน้าที่การงานของเขาต้องปนเปื้อนกับของพวกนี้ให้น้อยที่สุด”
หลินจือยิ้มเบาๆ “เพราะหน้าที่การงานจึงมั่วสุมของพวกนี้ไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าเขาคิดถึงผู้อื่น คนที่คอยคิดถึงแต่คนอื่นนั้น ช่างหายากจริงๆ”
เมื่อโซเมนอ้าปากพูด กลับถูกเธอตอกกลับจนพูดไม่ออก
วาทกรรมของหลินจือตอนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
โซเมนคิดแบบนั้น แล้วส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้เทาเท่ เมื่อนึกถึงภาพที่เขาถูกคำพูดคำจาของหลินจือตอกกลับจนไปไหนไม่เป็น
ไม่ใช่ว่าคารมคมคายของเทาเท่ไม่ดี แต่ในสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น
มีคำกล่าวไว้ว่า ในความสัมพันธ์ ใครที่ตกหลุมรักก่อน คนคนนั้นจะตกเป็นรอง
แม้ว่าหลินจือจะเป็นคนตกหลุมรักก่อน แต่ตอนนี้เธอถอนตัวออกมาแล้ว และเป็นเทาเท่ที่ตกลงไป เช่นนั้นจึงเป็นไปได้เพียงว่าเทาเท่ต้องลดจุดยืนของตัวเองลงมา
“ขอบคุณครับ” ไวท์ไม่สนใจสายตาอาฆาตที่เทาเท่กำลังจ้องมองเขา เขารู้เพียงว่าคำชื่นชมของหลินจือทำให้เขามั่นใจมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงกล่าวขอบคุณเธอจากใจจริง
ด้วยเหตุนี้ ในรอบที่แล้วเทาเท่จึงไม่ได้รับคำชื่นชมจากหลินจือ แต่กลับมีอาการหึงหวงมาแทน
เมื่อรอบต่อมาปากขวดชี้ไปหาควีน เธอเลือกที่จะผจญความกล้า ภารกิจก็คือ ให้ไปร้องเพลงกับห้องข้างๆ
เป็นเรื่องยากสำหรับควีน แม้เธอมีความแน่วแน่ในการทำงาน แต่เรื่องนี้ยังอ่อนหัดอยู่มาก และอีกอย่างไม่มีใครรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องข้างๆ เป็นใคร
แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้ว แน่นอนว่าต้องทำ หากไม่ทำจะถูกทำโทษด้วยการให้ดื่มเหล้า
ขณะที่ควีนกำลังจะลุกขึ้น โซเมนผู้อยู่ข้างๆ ก็คว้าตัวเธอไว้ “ไม่ต้องไป เหล้าของเธอฉันดื่มแทนเอง”