ตอนที่ 673 ข้อสงสัยของปิงชิง

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 673 ข้อสงสัยของปิงชิง
ระหว่างทางกลับ ฉินหยุนค่อยได้ทราบถึงเรื่องศึกที่เกิดขึ้นเหนือเกาะ
ยุทธ์อสูร นอกจากนี้แล้ว เปาเฉิงโฉ่ว ฉู่ปินอวี้ และคนของฝ่ายเขา
เป็นผู้ที่ลงมือก่อน!
เรื่องราวที่ได้รับฟัง ทำเขาแตกตื่นไม่ใช่น้อย
เพราะแม่เฒ่าหม่าและเปาเฉิงโฉ่ว คือตัวตนที่ไม่ค่อยสร้างปัญหาใด
กระนั้นพวกเขากลับลงมือสังหารราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ิ ทั้ง
ยังเป็นผู้ที่มาจากหุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และอีก
หลายตระกูล
เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “ฉินหยุน เจ้ารอดมาได้อย่างไร?”
“ภรรยาช่วยเหลือเอาไว้!” ฉินหยุนกล่าว
พวกเขากำลังนั่งโดยสารกันอยู่ในเรือบินลำใหญ่
เจี้ยนรั่วหยานทราบ ว่าภรรยาของฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้น
นางจึงไม่ถามต่อ
“ฉินหยุน แก่นเต๋าดวงดาวเป็นเจ้าได้มาเท่าใด?” เจี้ยนรั่วหยานเปลี่ยน
เรื่องถาม
“มากมายนัก!” ฉินหยุนยิ้ม “แล้วพวกเจ้าเล่า?”
“พวกเราก็ได้มามากมายเช่นกัน! หากเจ้ามีไม่พอ ข้าจะมอบให้สัก
จำนวนหนึ่ง! เป็นเจ้าช่วยเหลือข้าเอาไว้ ดังนั้นข้าจึงไม่คิดติดค้าง
บุญคุณ!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว
“เจ้าติดค้างข้า จะบอกว่ามีค่าเพียงแก่นเต๋าดวงดาวจำนวนหนึ่งเท่า
นั้นเองหรือ?” ฉินหยุนหัวเราะดังออก
“นี่เจ้า!” เจี้ยนรั่วหยานแทบกล่าวต่อไม่ถูกแล้ว
ชั่วขณะนี้ แม่เฒ่าหม่าเดินเข้ามาในห้องโถงเล็กพร้อมเอ่ยถาม “ฉิน
หยุน จอมราชันดวงดาวอสูรยังอยู่ในเกาะยุทธ์อสูรหรือ?”
“สมควรยังอยู่ที่นั่น!” ฉินหยุนบุ้ยปากขณะกล่าวตอบ
จอมราชันดวงดาวอสูรมีความสำคัญอย่างยิ่ง เขาไม่คิดอยากให้ผู้อื่น
ได้ทราบว่าตนเองครอบครองมันเอาไว้
“ผู้คนของตำหนักจารึกเทวะคิดพยายามจับตัวจอมราชันดวงดาว
อสูร หากพวกมันจับตัวได้ และแปรเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดได้สำเร็จ
เช่นนั้นพละกำลังฝ่ายพวกเขาเหล่านั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวทะยาน!”
แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเป็นกังวล
“อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด” ฉินหยุนถอนหายใจ “พวกนั้นเดิมคิด
อยากจับตัวข้า ภายหน้าพวกมันจะยิ่งลงมือหนักหน่วงกว่าครั้งนี้!”
“ฉินหยุน ภายหน้าจงระวังให้ดี! ตอนนี้ฝ่ายหนึ่งในตำหนักจารึกเทวะ
คิดอยากจับตัวเจ้า!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว
“ช่วยไม่ได้นี่นะ ใครใช้ให้ข้ามีค่ามากมายมหาศาลเพียงนี้กัน?” ฉิน
หยุนเผยยิ้มอย่างลำบากใจ
“ฉินหยุน ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและหยางฉีเย่ว์ผู้นั้นดีเพียงนั้น
เลยหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “หยางฉีเย่ว์ผู้นั้นช่าง
น่าทึ่ง กล่าวกันว่านางยังไม่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณด้วยซ้ำ กระนั้น
กลับสามารถได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวจากเทือกเขานิราศจันทรา
ยอดฝีมือแกร่งกล้าหลายต่อหลายคนต่างกำลังค้นหานางทว่าก็ไม่อาจ
พบตัว!”
“เป็นพี่หยางที่ดีต่อข้ามาโดยตลอด” ฉินหยุนไม่คิดกล่าวเรื่องอื่นใด
ของหยางฉีเย่ว์ กระนั้นเขาก็ห่วงหานางอย่างถึงที่สุด
หลังงานประลองยุทธ์ ตราบเท่าที่เขาได้รับความสามารถเทวะมา ฉิน
หยุนได้วางแผนคิดเดินทางไปยังเทือกเขานิราศจันทราเพื่อค้นหา
ตัวหยางฉีเย่ว์
เขาได้รับหุ่นเชิดจอมราชันดวงดาวอสูรมาแล้ว พละกำลังของมัน
ทัดเทียมได้กับราชันยุทธ์
ร่างของจอมราชันดวงดาวอสูรถึกทนแกร่งกล้า หากราชันยุทธ์จำนวน
หนึ่งรุมโจมตี มันก็ยังสามารถใช้ต้านรับได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“พวกเจ้าต่างเหนื่อยกันแล้ว ไปพักผ่อนกันเสีย! ไว้กลับถึงพระราชวัง
พวกเราค่อยพูดคุยกันอีกครั้ง!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว
เรือบินลำใหญ่นี้มีห้องมากมาย ฉินหยุนและคณะต่างได้รับห้องพัก
สะดวกสบายกันส่วนตัว
ภายในห้อง ฉินหยุนเวลานี้ยังคงตื่นเต้นยินดี เป็นเขาไม่รู้สึกเหนื่อย
ล้าแม้เพียงนิด นอกจากนี้แล้ว เขายังนึกถึงความรู้สึกยามควบคุมจอม
ราชันดวงดาวอสูรและการลงมือสังหารหมู่
“หยุนเอ๋อ ครั้งนี้พวกเราได้ผลกำไรใหญ่โตนัก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“พวกมันจากตำหนักจารึกเทวะ เดิมคิดอยากใช้ดวงดาวอสูรเพื่อ
วิวัฒนาการอสูรบนเกาะ หลังจากนั้น จึงส่งผู้ใช้วิชาปกครองอสูรมา
เพื่อจับตัวข้า ทว่า… เหอะเหอะเหอะ!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “พวกมันคิดอ่านผิดพลาดครั้งใหญ่ พวกมันไม่
คาดคิด ว่าดวงดาวอสูรที่อัญเชิญมาจะมีจอมราชันปกครองอยู่! จอม
ราชันผู้นั้นมีอำนาจควบคุมวิญญาณอสูรดวงดาวทั้งหมด ดังนั้นผู้ใช้
วิชาปกครองอสูรจึงไม่อาจควบคุมอสูรดวงดาวขนาดใหญ่ได้!”
ที่ทำฉินหยุนยินดีที่สุด คือช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ร่วมกับเชี่ยวเย่ว์หลาน
“หยุนเอ๋อ แก่นเต๋าดวงดาวที่ข้าได้รับมา รวมเข้ากับเม็ดยาลึกล้ำ
วิญญาณต้นกำเนิดที่สะสมเอาไว้ พวกมันเพียงพอให้ข้าใช้ก้าวสู่
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางหรือไม่?” ฉินหยุนยังคิดอยาก
เลื่อนระดับพลัง เขาคิดเปิดไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้า
ตะวันเพื่อรับชม
“ไม่มั่นใจนัก กลับไปแล้วลองถามพี่สาวปิงชิงดู!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“โดยสรุป อย่าได้ดูดกลืนพลังงานในแกนกลางดวงดาว!”
ฉินหยุนทราบว่าพลังงานในแกนกลางดวงดาวไม่อาจดูดกลืน เพราะ
มันคือแหล่งพลังงานของจอมราชันดวงดาวอสูร หากถูกดูดกลืนไป
คิดเติมเต็มภายหน้าจะไม่ใช่เรื่องง่าย
จอมราชันดวงดาวอสูรแข็งแกร่ง ในช่วงเวลาฉุกเฉิน มันสามารถใช้
เปรียบดังยันต์ช่วยชีวิตได้
แน่นอนว่า เขาไม่กล้าใช้มันอย่างบุ่มบ่าม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นดึง
ความสนใจ การไล่ล่าตัวเขาจากหลายสำนักและตระกูลจะมากยิ่งขึ้นไป
อีก
และหากต้องใช้ เขาก็ต้องทำโดยที่ไม่ให้ผู้อื่นได้ทราบ หรือไม่ให้ผู้ที่
ทราบได้เหลือรอด
หนึ่งวันผ่านพ้น ฉินหยุนกลับถึงพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ฉินหยุนเมื่อกลับมาถึง เขาจึงเร่งรีบไปยังตำหนักพระราชวังเซียน
ยุทธภัณฑ์
ปิงชิงนั่งอยู่ริมสระเซียน นางหันหลังให้ประตู ทันทีเมื่อประตูเปิด
ออก นางสัมผัสถึงได้ ร่างงดงามนั้นสั่นไปเล็กน้อย
เพราะตั้งแต่ฉินหยุนออกไป ในช่วงหลายวันมานี้ นางรู้สึกไม่สบาย
ใจด้วยสาเหตุใดไม่อาจทราบ
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนมักจะมาที่นี่ตลอดอย่างไม่ว่างเว้น
แม้ฉินหยุนมักชอบกล่าววาจาไร้สาระ ทว่ามันก็ช่วยให้ปิงชิงไม่รู้สึก
โดดเดี่ยว
“งานประลองยุทธ์จบเร็วเพียงนี้?” ปิงชิงเอ่ยถาม
“เกิดเรื่องราวใหญ่โตมากมายนัก ทำเอาข้าเกือบตาย!” ฉินหยุนเมื่อ
กลับมาถึง เขาเร่งรีบวิ่งไปนั่งข้างปิงชิง พร้อมเผยถ้อยคำออกจาก
ปาก เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของเกาะยุทธ์อสูร
ระหว่างได้รับฟัง ปิงชิงยังต้องพบว่าเรื่องราวน่าทึ่ง
“เจ้ากล่าวว่ากำราบจอมราชันดวงดาวอสูรได้หรือ? นำมันออกมา ให้
ข้าได้รับชม!” ปิงชิงกล่าว
เขาไม่คิดเก็บซ่อนเรื่องจอมราชันดวงดาวอสูรต่อปิงชิงอยู่แล้ว ดังนั้น
จึงเร่งรีบนำมันออกมาให้นางได้รับชม
ปิงชิงทราบอดีตชาติภพก่อนของเขา และตอนนี้ พวกเขาต่างก็อยู่
ร่วมกันได้อย่างสงบที่นี่ ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงเชื่อใจนาง แน่นอนว่า
เขาไม่ได้หลงลืม ว่าหลายสิ่งก็ไม่ควรกล่าวถึง
“จอมราชันดวงดาวอสูร… เจ้าสิ่งนี้กลับกล้าเรียกตนเองเป็นจอม
ราชันอย่างนั้นหรือ? ช่างประมาณตนเองมากล้นจนเกินไปนัก!” ปิง
ชิงมองที่หัวทั้งสาม และแขนทั้งหกของจอมราชันดวงดาวอสูร
พร้อมกล่าวอย่างนึกเดียดฉันท์
“เจ้านี่เป็นข้าสังหารได้ ดังนั้นย่อมไม่ใช่จอมราชันตัวจริง!” แม้ฉิน
หยุนกล่าวเช่นนั้น แต่ยามได้มองที่จอมราชันดวงดาวอสูร เขาก็ยังอด
ไม่ได้ที่จะเผยความตื่นเต้น
ปิงชิงกล่าว “เจ้าได้รับแกนกลางดวงดาวมาใช่หรือไม่? นำมันออกมา
ให้ข้ารับชม!”
“พี่สาวปิงชิง… นั่นเป็นสิ่งล้ำค่าแก่ข้านัก ขอท่านอย่าได้ทำอะไร
บุ่มบ่าม ข้ายังต้องนำจอมราชันดวงดาวอสูรนี้ไปเทือกเขานิราศ
จันทราเพื่อช่วยเหลือพี่หยาง!” ฉินหยุนกล่าวด้วยความกังวล “พี่สาว
ปิงชิง เทือกเขานิราศจันทรานั้นมีแต่อันตราย นางกำลังถูกไล่ล่าโดย
กลุ่มราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์!”
“เจ้าวางใจเถอะ อย่าได้ลืม นางคือนายหญิงน้อยแห่งพระราชวังกวง
หาน แม้เจ้าตายได้ ทว่าไม่ใช่กับนาง” ปิงชิงยื่นมือออก บ่งบอกให้
ฉินหยุนส่งสิ่งของมา
ฉินหยุนนำเอาแกนกลางดวงดาวออกมาส่งมอบ
ปิงชิงรับเอาไว้พร้อมแค่นเสียงเบา อย่างกะทันหัน แกนกลาง
ดวงดาวจึงเริ่มทอแสงสีขาว
“พี่สาวปิงชิง ท่าน… ท่าน… อย่าได้ทำอะไรกับมันแล้ว!” ฉินหยุน
หน้าซีดเผือดเร่งรีบกระโดดเข้ามาคว้าเอาไว้
ปิงชิงเห็นอีกฝ่ายกระโดดไปมาร้อนรนจึงแค่นเสียงตอบกลับ “รับ
คืนไป!”
ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าจอมราชันดวงดาวอสูรซึ่งอยู่ทางด้านหลัง มัน
ฉับพลันโจมตีออกด้วยฝ่ามือ นอกจากนี้แล้ว ยังมาพร้อมพลังงาน
เย็นเยือก
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
เมื่อฝ่ามือปะทะลงมา สายลมเย็นเยือกจึงระเบิดพลังออกเข้าปกคลุม
ฉินหยุนเอาไว้
ฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ และยังฝึกฝนร่างราชสีห์
สวรรค์ลึกล้ำ ดังนั้นจึงไม่หวาดเกรงต่อทั้งน้ำแข็งและอัคคีเพลิง
กระนั้นตอนนี้ ร่างกายของเขากลับแข็งค้าง
ปิงชิงได้ทดสอบควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูรจนพอใจแล้ว นาง
ค่อยถอนฝ่ามือกลับ
นางก้าวเดินไป วางมือลงที่คอของฉินหยุน ก่อนจะดูดกลืนพลังเย็น
เยือกออกจากกายให้
ฉินหยุนที่ฟื้นคืนอาการกลับมา เขาจึงอ้าปากสูดอากาศเข้าลึกพร้อม
มองปิงชิงด้วยอาการตื่นตะลึง “พี่สาวปิงชิง นี่คือพลังของจอมราชัน
ดวงดาวอสูรหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าไม่คล้ายทราบว่ามันมีพลัง
เยือกแข็งชวนสะพรึงเพียงนี้!”
“พลังเยือกแข็งนั่นเป็นของข้า!” ปิงชิงกล่าว
“ของท่าน? พลังท่านสามารถส่งถ่ายไปยังร่างจอมราชันดวงดาวอสูร
ผ่านแกนกลางดวงดาวได้ด้วยหรือ?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้ยากจะเชื่อ
“เอาคืนไป!” ปิงชิงส่งแกนกลางดวงดาวคืนให้ฉินหยุน
หลังได้รับกลับคืนมา ฉินหยุนจึงรู้สึกได้ถึงพลังเย็นเยือกที่ปะทุออก
จากแกนกลางดวงดาว
“ภายหน้า เจ้าจะสามารถปลดปล่อยพลังเย็นเยือกผ่านแกนกลาง
ดวงดาวได้ ทว่ามันจะไม่รุนแรงเทียบเท่าที่ข้าใช้งาน!” ปิงชิงกล่าว
“เช่นกัน หากเจ้าเจอตัวพี่หยางของเจ้าแล้ว พานางมาพบข้าด้วย!”
ฉินหยุนตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิด ว่าปิงชิงจะถึงขั้นเสริมศักยภาพ
ให้แก่จอมราชันดวงดาวอสูรเพื่อเขา
“รับทราบ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับรัวเร็ว เขาเอ่ยถาม “พี่สาวปิงชิง
ท่านทำได้อย่างไร? สอนข้าได้หรือไม่? ข้าคิดอยากให้จอมราชัน
ดวงดาวอสูรนี้ใช้พลังได้อีกหลายประเภท”
“ด้วยพื้นฐานการฝึกฝนของเจ้า ขณะนี้ยังไม่อาจทำได้ ทว่าภายหน้า
มีโอกาส ข้าจะสอนให้แก่เจ้าเอง!” ปิงชิงกล่าว
“ขอบคุณพี่สาวแล้ว!”
ฉินหยุนเก็บจอมราชันดวงดาวอสูร และแกนกลางดวงดาว จากนั้น
จึงนำเอาแก่นเต๋าดวงดาวทั้งหมดออกมา
เขาเอ่ยถาม “พี่สาวปิงชิง ข้าคิดอยากแปรเปลี่ยนจิตเป็นจันทรา พวก
นี้รวมกับเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดกว่าหนึ่งร้อยเม็ด ท่านคิดว่า
พอหรือไม่?”
“ไม่พอ!” ปิงชิงมองแก่นเต๋าดวงดาวพร้อมกล่าวเสียงเย็น
ฉินหยุนครอบครองแก่นเต๋าดวงดาวกว่าหนึ่งพัน พวกมันทัดเทียม
ได้กับเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดกว่าสองร้อยเม็ด
“อา…” ฉินหยุนถอนหายใจยาว “นี่ก็ยังไม่พอหรือนี่…”
“แปรเปลี่ยนจิตสู่จันทราต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาล สิ่งสำคัญก็
คือ เจ้าต้องรู้วิธีการต้านทานพลังหยินชั่วร้าย! หลังจากจิตเจ้าแปร
เปลี่ยนเป็นจันทรา มันจะทำให้เจ้าไวสัมผัสต่อพลังหยินชั่วร้าย มัน
จะมาพร้อมการดูดกลืนพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพี”
“เว้นแต่เจ้าเข้าใจวิธีการต้านทานพลังหยินชั่วร้าย ข้าจะไม่อนุญาต
ให้เจ้าได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง หากเจ้าคิดทำ จง
มาหาข้า! ข้าสามารถช่วยเจ้าได้!” ปิงชิงกล่าว “แน่นอนว่าข้าไม่อาจ
รับปากว่าสามารถช่วยเจ้าเลื่อนระดับได้หรือไม่”
ฉินหยุนไม่คิดเปิดเผยเรื่องวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เขาเชื่อว่าด้วย
วิญญาณเทวะเก้าตะวัน จะทำให้เขาสามารถต้านทานพลังหยินชั่วร้าย
ได้อย่างไม่มีปัญหาใด
อย่างกะทันหัน เขาพลันนึกขึ้นได้ ว่าตนเองได้ผสานรวมเข้ากับ
วิญญาณยุทธ์เที่ยงธรรม!
เขาเร่งรีบนำเอาบอลพลังงานสีขาวบริสุทธ์ิออกมาลอยอยู่บนฝ่ามือ
“พี่สาวปิงชิง ลองพิจารณามัน ท่านคิดว่าพลังงานนี้ช่วยให้ข้า
ต้านทานพลังหยินชั่วร้ายได้หรือไม่?”
“นี่เป็นพลังแห่งความเที่ยงธรรม!”
ดวงตางดงามของปิงชิงเบิกออกกว้าง นางมองที่ฉินหยุนอย่างไม่อาจ
นึกเชื่อในสิ่งที่เห็นได้
“นี่… นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ปิงชิงส่ายศีรษะหลายครั้งก่อนจะกล่าว
“มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเช่นเจ้าจะสามารถควบคุมพลังงานบริสุทธ์ินี้
ได้!”
“ว่าอะไร? ข้าไม่ใช่คนเลวนะ!” ฉินหยุนแค่นเสียงเบาพร้อมใบหน้า
บวมคล้ำเพราะคำกล่าวหา
“เจ้าไม่ทราบ กระทั่งว่าเป็นผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์เที่ยงธรรม ก็
ได้แต่ใช้พลังเต๋าผ่านวิญญาณยุทธ์เพื่อสะกดวิญญาณร้าย กระนั้น
พวกเขาไม่อาจควบแน่นพลังให้ก่อเกิด มันจำเป็นต้อง… จำเป็นต้อง
เป็นบุคคลที่บ่มเพาะกรรมดีเอาไว้มากมายถึงระดับหนึ่ง!”
“และเจ้า… ชาติภพก่อนของเจ้าถือเป็นตัวตนลวงโลก มันย่อมต้อง
ส่งผลถึงการกลับชาติมาเกิด อนาคตของเจ้าจำเป็นต้องสะสมกรรมดี
เอาไว้มากมาย เพื่อให้ทดแทนกับสิ่งเลวร้ายที่เจ้าก่อในช่วงชีวิตก่อน
หน้าเอาไว้!”
“กระทั่งว่าชีวิตนี้เจ้าเป็นคนดีผู้หนึ่ง กระนั้นก็อายุเพียงยี่สิบปี ด้วย
กรรมชั่วที่เจ้าก่อเอาไว้นับหมื่นปี มันไม่ใช่อะไรที่จะทดแทนได้
ภายในยี่สิบปี!”
สาเหตุว่าทำไมปิงชิงจึงไม่ยอมรับเรื่องนี้ ก็เพราะนางไม่อยากเชื่อ ว่า
ชาติภพก่อนหน้าของฉินหยุนจะไม่ใช่คนเลวร้ายดังที่เป็น
นั่นก็เพราะนางเกลียดชังตัวตนของฉินหยุนในชาติภพก่อนจนถึง
กระดูกดำ!
ฉินหยุนค่อยจำได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานเคยบอกต่อเขา ว่าชาติภพก่อน
เขาเป็นคนดีผู้หนึ่ง
เมื่อคราวนี้ได้ยินคำกล่าวของปิงชิง เขาจึงยิ่งเชื่อคำกล่าวของเชี่ยวเย่ว์
หลานมากขึ้น