ตอนที่ 994 ผู้สูงส่งบนยอดเขา

Elixir Supplier

994 ผู้สูงส่งบนยอดเขา

“นายก็น่าจะรู้ว่าผู้นําเก่งขนาดไหน”ชายวัยกลางคนพูด “อดีตผู้นําายังเคยพูดไว้เลยว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในรอบ 150 ปีของหุบเขา แต่เขาก็ยังต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักกว่าจะมาถึงจุดที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ได้บอกฉันมาสิว่าผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?”

“แข็งแกร่งมาก” จ้าวหยิงหาวตอบสั้นๆเขาไม่คิดที่จะอธิบายให้เสียเวลาเพราะรู้ว่าถึงอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์มีเพียงคนที่ได้เห็นและประสบพบเจอกับตนเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มคนนั้น

“ดี แล้วฉันจะคอยดู” ชายวัยกลางคนพูด“นายรออยู่ที่นี่แล้วกันถ้าเกิดอะไรขึ้นนายก็รีบหนีไปซะฉันจะคอยกันหลังไว้ให้เองตกลงไหม?”
“ได้” จ้าวหยิงหาวพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวก่อน มีคนมา!”

“จิ๊ เย็นขนาดนี้แล้วแท้ๆแทนที่จะอยู่บ้านทําไมถึงมาทําอะไรลับๆล่อๆบนเขากันด้วย? หรือจะมาชมวิวรับลมเย็น? ขอเถอะ…” หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนโผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้

เจี๋ยจื้อจายที่คาบบุหรี่เอาไว้ปากกําลังสํารวจชายสองคนตรงหน้า

“พวกนายคงมาจากหุบเขาพันโอสถล่ะสิ”เขาพูด “ฉันได้กลิ่นสมุนไพรพวกนั้นบนตัวพวกนาย” “แกเป็นใคร?” ชายวัยกลางคนถามออกไปพร้อมกับเริ่มลงมือเขาเหลือบมองไปทางจ้าวหยิง หาว ที่ส่ายหน้าเพื่อบอกว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่หวังเย้า

แมลงพิษถูกปล่อยออกไปพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องพ่ายแพ้และร้องโอดโอยในเวลาต่อมา

เขาจะต้องคุกเข่าข้อร้องพวกเขาและคายข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาต้องการรู้ออกมา

แต่แล้วชายวัยกลางคนก็พบว่าเขาคิดผิด แมลงพิษที่ถูกปล่อยออกไปกลับไม่ได้ผลอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งโดยไม่มีทีท่าอะไรเลย

“นี่ มองแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันน่ะ?”เจี๋ยจื้อจายถามกลั้วหัวเราะ

“เอาล่ะ เลิกพูดดีกว่าฉันมาที่นี่เพราะเรื่องจริงจัง”หลังจากพูดแบบนั้นออกไปแล้วเพียงก้าวเดียวเจี๋ยจื้อจายก็ไปโผล่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“เขาได้รับการฝึกมา!”พวกเขาพูดกับตัวเอง

เข็มเล่มเล็กบินกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
“อาวุธลับ?”

เจี๋ยจื้อจายหลบด้วยความเร็วสูงเขาเคลื่อนตัวไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีอาวุธลับที่ถูกยิงออกมาพลาดเป้า

มีแสงวาบผ่าน

เลือดสาดกระจายออกมาจากตัวชายวัยกลางคนบาดแผลมีความยาวกว่าหนึ่งฟุตมันลึกจนสามารถเห็นกระดูกได้เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด

“ถอย!” เขาตะโกนไปทางจ้าวหยิงหาว

เพียงหนึ่งการเคลื่อนไหวยอดฝีมือก็สามารถรู้ฝีมือของฝ่ายตรงข้ามแล้วพวกเขาทั้งสองรู้ได้ทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นคู่มือที่จัดการได้ยากและพวกเขาอาจสู้อีกฝ่ายไม่ได้พวกเขาจะมาตายที่นี่ไม่ได้

จ้าวหยิงหาวรีบถอนตัวออกมาโดยไร้ความลังเล

เจี๋ยจื้อจายไม่สนใจที่จะไล่ตามจ้าวหยิงหาวเขาเลือกไล่ตามอีกคนที่หนีเข้าไปในป่าแทน

หนึ่งในพวกเขาถูกจัดการไปแล้วเจี๋ยจื้อจายยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาดูสงบและรู้สึกพอใจกับตัว

เองมาก ตรงกันข้ามกับชายวัยกลางคนที่สู้กับเขาที่ตอนนี้นอนจมกองเลือดโดยที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ต่อต้านอีกฝ่ายได้

“เราไปหาที่คุยกันดีกว่า”เจี๋ยจื้อจายพูด

เขาพาตัวอีกฝ่ายไปที่บ้านร้างบนเขา

ในขณะเดียวกันนั้นจ้าวหยิงหาวก็รีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนในหุบเขา

“โดนจับไปอีกคนงั้นเหรอ?”เมี่ยวชิงเฟิงตกใจที่ได้ยินแบบนั้น

คนที่ไปกับจ้าวหยิงหาวเป็นถึงผู้อาวุโสคนหนึ่งของหุบเขา เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือในด้านการ

ต่อสู้ของหุบเขาแต่เขากลับพ่ายแพ้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นไม่ต่างจากคนอื่นๆเขา

“คนคนนั้นใช่หวังเย้ารึเปล่า?”เมี่ยวชิงเฟิงถาม

“เป็นอีกคนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

“นายอยู่ที่เดิมไปก่อน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด“รอคําสั่งจากฉันอย่าเพิ่งทําอะไรหุนหันพลันแล่น

“ได้” จ้าวหยิงหาวรีบออกไปจากหมู่บ้านเขาเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชานและหาที่พัก“เชียนเชิงผมจับมาได้อีกคนแล้วครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด
“ได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?”หวังเย้าถาม

“ผมสบายดีครับ แค่ออกกําลังกายนิดๆหน่อยๆถ้าเป็นเชียนเชิงก็คงแค่อุ่นเครื่องเท่านั้น”ในหมู่บ้านเจี๋ยจื้อจายได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หวังเย้าฟังแล้วทั้งสองก็พากันไปที่บ้านร้างบน

“เป็นคนจากหุบเขาพันโอสถเหรอ?”หวังเข้าถาม

“ใช่ครับคนพวกนั้นไม่ยอมเลิกราเลยจริงๆ”เจี๋ยจื้อจายตอบ“พวกเขารู้ดีว่าไม่ควรมายุ่งกับที่นี่แต่ก็ยังโผล่มาเรื่อยๆผมชื่นชมความกล้าของพวกเขาจริงๆ”

ชายที่นอนอยู่บนพื้นอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้จากการถูกทรมานอย่างหนักหากดูจากภายนอก

อาจไม่สามารถบอกได้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างและนั่นก็คือสิ่งที่เจี๋ยจื้อจายเชี่ยวชาญมากที่สุด

“โทรศัพท์ของเขาล่ะ?”

“พังไปแล้วครับ”

“มากันสองคนเหรอ?”

“ครับ อีกคนหนีไปได้” เจี๋ยจื้อจายพูด

เขาอยากจัดการทั้งสองคนแต่เขาไม่ได้พกปืนมาด้วยยิ่งไปกว่านั้น ชายที่นอนอยู่บนพื้นก็มีฝีมือพอตัวถ้าหากเป็นเจี๋ยจื้อจายคนเมื่อก่อนเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายที่พลาดท่าได้

“ผู้ชายคนนี้พกมาทั้งอาวุธลับและพิษเต็มตัวเขาถึงขนาดเอาตะขาบมาด้วยตั้งสองตัว!”

เจี๋ยจื้อจายเตะของที่เขาค้นจากตัวอีกฝ่ายได้ภายในกรงขนาดเล็กมีตะขาบสีแดงตัวใหญ่อยู่ถึงสองตัวแต่พวกมันมีท่าทีกลัวเขามาก พวกมันม้วนตัวและไม่ยอมขยับเข้าใกล้พวกเขา

เขาก้มลงถามชายที่นอนอยู่บนพื้นที่แทบพูดได้ไม่เป็นคําว่า“นายส่งข่าวไปรึยัง?”
“อืม” เขาพยักหน้า

ในที่สุดเขาก็ได้พบกับชายหนุ่มที่จ้าวหยิงหาวพูดถึงเขายังอายุน้อยอยู่มากแต่ตอนนี้เขาเชื่อแทบทุกอย่างที่จ้าวหยิงหาวเคยพูด เพราะชายที่จับเขามาและทรมานเขาอย่างเลือดเย็นดูเคารพ

ชายหนุ่มมากนั่นก็หมายความได้ว่าชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายมากมันก็ไม่ต่างจากในหุบเขาทุกคนให้ความเคารพผู้นําเพราะเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหุบเขาอย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุด

ความแข็งแกร่งคือปัจจัยหลักที่ใช้ตัดสินสถานะของคนคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นในสังคมหรือในสถานการณ์ไหนก็ตาม

“นายได้อะไรอย่างอื่นจากเขาอีกไหม?” หวังเย้าถาม

“เขาบอกทุกอย่างเท่าที่เขาจะบอกได้แล้วครับ” เจี๋ยจื้อจายตอบ

“ดี ส่งเขาให้ตํารวจได้เลย” หวังเย้าพูด

มีคนที่ถูกจับตัวไปและยังไม่ถูกปล่อยตัวอยู่ในสถานีตํารวจด้วย

“นายเข้าไปในหมู่บ้านใช่ไหม?”

“ใช่ เข้าไปขโมยสมุนไพร

“เฮอะ คนจากยูนนานใต้ถึงขนาดเดินทางมาไกลหลายพันไมล์เพื่อมาขโมยสมุนไพรเนี่ยนะพวกนายกล้ามากจริงๆ!”

“นั่นสิ แล้วทุกคนก็ยังมาจากที่เดียวกันหมดด้วย”

“ฉันตรวจสอบดูแล้ว!”

“มันจะต้องเป็นองค์กรอาชญากรแน่พวกเขามาจากกลุ่มเดียวกัน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

กลับไปที่หุบเขาพันโอสถที่ห่างออกไปหลายพันไมล์…

“เกิดเรื่องขึ้นกับชิงหนานเหรอ?”

“ใช่ครับ เขาโดนจับตัวไป” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

เมี่ยวซีเหอใช้ความคิดเล็กน้อยและพูดว่า “อืม บอกให้หยิงหาวกลับมาเถอะ”

“แล้วที่นั่นจะเอายังไงต่อครับ?”

“ไว้ฉันจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง” เมี่ยวซีเหอพูด

“ครับ” เดี่ยวชิงเฟิงตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

ผู้นําแทบไม่ออกไปนอกหุบเขาเลย ถึงเขาจะออกไป เขาก็ไปแค่ในแถบยูนนานใต้เท่านั้นขึ้นเหนือด้วยตัวเอง

เมี่ยวชิงเฟิงไม่เคยได้ยินว่าเขาเคยเดินทางไปจังหวัดอื่นมาก่อน แต่นี่ ผู้นํากลับคิดที่จะเดินทาง

เขาเดินออกมาจากที่พักของเมี่ยวซีเหอ กว่าที่จะรู้ตัว เขาก็เดินมาถึงตรงทะเลสาบแล้วเขา

เรื่องราวด้านนอกได้เปลี่ยนไป ลมพายุกําลังโหมกระหนํา

ผู้นําก็ยังคงเป็นผู้นําคนเดิมที่เขารู้จัก ถึงเขาจะเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ แต่อํานาจของเขาก็อยู่แค่หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ

มุมหนึ่งของยูนนานใต้เท่านั้น ยังมีลมพายุที่ผู้นําไม่อาจต้านทานได้เพียงลําพังอยู่มันดึกมากแล้ว

หวังเย้ากําลังเขียนสูตรยาอยู่ที่โต๊ะไม้ภายในกระท่อมบนเนินเขาหนานชาน
หวูเถิง, เตี่ยเหม่ย, ชางหยาง…

เขากําลังเขียนสูตรยาตัวใหม่ที่คิดขึ้นมาได้ มันเป็นยาที่เขาจะใช้กับจงหลิวชวน, เจี๋ยจื้อจาย,และหูเหมย

ยาที่เขาเคยให้พวกเขากินก่อนหน้านี้เป็นยาที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานพิษได้ทุกชนิดตอนนี้

พวกเขาสามารถขับไล่สัตว์พิษได้ทุกชนิด แต่ยาตัวใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นในเวลานี้มีสรรพคุณในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทําให้กระดูกและกล้ามเนื้อของพวกเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็ก สมุนไพรธรรมดาไม่สามารถนํามาใช้ได้และสมุนไพรหลักที่ใช้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรวิเศษทั้งนั้นเขาคิดใคร่ครวญแล้วเขาก็เขียนเพิ่มลงไปในกระดาษ

กว่าที่เขาจะรู้ตัวท้องฟ้าด้านนอกก็มืดลงแล้วบนภูเขามีแต่ความเงียบ

พระอาทิตย์ตกลงทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน

ในตอนเช้าตรู่ เจิ้งเหว่ยจวินมาถึงที่คลินิกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เรียบร้อยแล้วครับเชียนเชิง”

“ยาสองตัวนั้นผ่านการรับรองทั้งหมดแล้วเหรอ?”หวังเย้าถาม

“ครับ ผ่านแล้ว”เจิ้งเหว่ยจวินพูด

โดยปกติแล้ว กระบวนการเหล่านี้มักใช้เวลานานเจิ้งเหว่ยจวินได้ใช้วิธีการบางอย่างที่ทําให้ กระบวนการการตรวจสอบยาทั้งสองตัวดําเนินไปรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม

มันเหมือนกับการมีแม่ไก่อยู่ในมือและพยายามทําให้แม่ไก่ตัวนี้ออกไข่ให้เร็วที่สุด

“ในเมื่อกระบวนทางกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็มาเริ่มผลิตยาชุดแรกออกมาและดูว่าผล

จะออกมาเป็นยังไง” หวังเย้าพูด

“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้วส่วนเรื่องวัตถุดิบไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมรับประกันคุณภาพได้เลย”
“ดี”

ทั้งสองพูดคุยและดื่มชาด้วยกันอยู่ภายในคลินิกแล้วเจิ้งเหว่ยจวินก็รีบกลับออกไปในเวลาไม่นานเขามุ่งหน้าไปที่โรงงานในเมืองเพื่อจัดการงานต่อไป

เมื่อมียาเพิ่มเข้ามาอีกสองตัวทําให้ตอนนี้บริษัทมียาทั้งหมดรวมเป็นสามชนิดมันเป็นไปได้ที่

บริษัทจะสามารถผลิตยาทั้งสามตัวออกมาภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี และเขายังเชื่อมั่นในยาตัวใหม่

ทั้งสองตัวมากเมื่อรวมเข้ากับซุปเสี่ยวเผยหยวนที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแล้วด้วยมันก็สามารถใช้เป็นการโฆษณาประสิทธิภาพของยาตัวต่อไปได้เป็นอย่างดีมันสามารถการันตียอดขายของยาสองตัวได้แน่นอน และมีโอกาสที่การขายจะราบรื่นยิ่งกว่าเดิมซึ่งสามารถรับรู้ได้จากการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ของเจิ้งเหว่ยจวิน