คฤหาสน์ตระกูลเจิ้น
ในขณะที่เย่เทียนกำลังข่มขู่จางเจี้ยนถังอยู่ที่บริษัทเเซ่เฉินนั้น เจิ้นเซ่าเฉินก็โกรธจนแทบระเบิด ทำลายข้าวของในบ้านเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวในใจ
“เย่เทียน! ไอ้บัดซบเย่เทียนคนนี้อีกแล้ว!”
การเป็นหนึ่งในตระกูลที่อยู่ในเจียงหนันมานานนับร้อยปี ข้อมูลของเขาก็ต้องคล่องตัวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
ถึงพวกเฉินหยังจะยังไม่ไม่ได้ออกจากบริษัทแซ่เฉิน แต่เขาก็รู้เรื่องแผนชิงตำแหน่งที่ล้มเหลวแล้ว
เขาใช้กลอุบายผลักดันเฉินหยัง ช่วยเหลือเฉินหยังอย่างเต็มที่ ไม่นึกเลยว่าจะถูกเย่เทียนทำลายซะได้ แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไงล่ะ?
กริ้งๆ!
ทันใดนั้น มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น พอเห็นสิ่งที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ เจิ้นเซ่าเฉินที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็ฟื้นคืนสติมาได้บ้าง
เขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง แล้วถามไปด้วยความสุภาพว่า “ท่านธรรมบาลฝั่งซ้าย ทำไมคุณถึงโทรหาผมล่ะครับ?”
ถึงตระกูลเจิ้นจะเป็นตระกูลที่อยู่มานับร้อยปี เป็นผู้ไร้เทียมทานของเมืองเจียงหนันอย่างไม่ต้องปฏิเสธ แต่เจิ้นเซ่าเฉินก็รู้ดี เมื่ออยู่ต่อหน้าพรรคชิงเฉิงแล้ว ตระกูลเจิ้นของเขาก็ไร้ค่าขึ้นมาทันที!
และถ้าไม่ได้พรรคชิงเฉิงคอยสนับสนุน ตระกูลเจิ้นก็อาจจะสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไปเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้วจะมารุ่งโรจน์อย่างทุกวันนี้ได้ยังไง?
อีกด้านของสายได้มีเสียงของผู้ชายที่แหบซ่านและเฉยชาดังขึ้น “เรื่องยาชีวภาพคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“ใกล้แล้วครับใกล้แล้ว” เจิ้นเซ่าเฉินสุภาพจนเหมือนหลานคนหนึ่ง
“ครั้งก่อนที่ผมโทรหาคุณ คุณก็ตอบผมแบบนี้เหมือนกัน”
ธรรมบาลฝั่งซ้ายพูดอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “ผมรอมานานเกินพอแล้ว!”
“ผมจะจองไฟลต์บินที่เร็วที่สุดไป หวังว่าตอนที่ไปถึงเจียงหนันผมจะได้รับข่าวดีจากคุณ ไม่อย่างนั้น ฮึฮึ!”
พูดจบ ธรรมบาลฝั่งซ้ายก็ไม่เปิดโอกาสให้เจิ้นเซ่าเฉินได้พูด ทำการตัดสายไปทันที
พอได้ยินเสียง “ตู้ดตู้ด” ที่ดังอยู่ในมือถือ เจิ้นเซ่าเฉินก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
ธรรมบาลฝั่งซ้ายเป็นคนยังไงเขาเองก็รู้ดี เป็นคนโหดที่พูดได้ทำได้แน่นอน
ถ้ารอเขามาถึงที่เจียงหนัน แล้วตนกลับไม่มีข่าวดีอะไรไปให้ละก็ คงได้รับโทษที่ต้องตายทั้งเป็นแน่นอน!
พอคิดได้แบบนั้น เจิ้นเซ่าเฉินตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่นานมานี้ ตอนที่เขายังหนุ่มๆ ก็เคยได้ท้าทายกับอำนาจของพรรคชิงเฉิงมาแล้ว บทลงโทษที่เขาได้รับหลังจบเรื่องจนทุกวันนี้ยังลืมไม่ลง เขาไม่อยากลองมันอีกครั้งแล้วจริงๆ!
กริ้งกริ้ง!
ทันใดนั้น มือถือที่อยู่ในมือของเจิ้นเซ่าเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง และได้ทำลายความหลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เขาไม่อยากจะนึกถึงลง
“ปะธานเจิ้น หุ้นของบริษัทแซ่เฉินมันดูแปลกๆนะครับ”
ทันทีที่รับสาย เสียงของลูกน้องก็ได้ดังขึ้น
เจิ้นเซ่าเฉินรีบตั้งสติ “มันแปลกยังไง?”
ลูกน้องพูดมาด้วยความสับสนว่า “เหมือนมีใครบางคนกำลังใช้ประโยชน์จากข่าววันนี้ในการกดหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินเอาไว้”
“เช็คได้มั้ยว่าเป็นฝีมือของใคร?”
ลูกน้องวิเคราะห์ออกมาว่า “ตอนนี้ยังหาไม่เจอ แต่ว่าอีกฝ่ายลงมือค่อนข้างโหด ไม่เหมือนบริษัททั่วไปเลยครับ”
หลังจากที่ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง เจิ้นเซ่าเฉินก็สั่งไปว่า “จับตาดูหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินไว้อย่างใกล้ชิด ถ้ามีโอกาส เราต้องลงมือด้วย!”
หลังวางสาย เจิ้นเซ่าเฉินก็กดเบอร์แล้วโทรออกไปอีกครั้ง แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เอาเรื่องชั่วของเย่เทียนที่เรามีกับเรื่องเน่าๆ ของบริษัทแซ่เฉินโพสต์ลงในเน็ต แล้วให้ไอโอเข้าไปปั่น ผมต้องการให้เรื่องนี้ติดเทรนภายในครึ่งชั่วโมง!”
“ครับ!”
หลังวางสายอีกครั้ง สีหน้าของเจิ้นเซ่าเฉินก็ดุร้ายจนน่ากลัว
“แม่งเอ๊ย ถ้าด้านมืดมันไม่เวิร์ค งั้นก็อย่าด้านสว่างเลย”
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าใครอยากเล่นงานบริษัทแซ่เฉิน แต่มันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย โอกาสที่จะได้ทำอะไรดีๆ ก่อนที่ธรรมบาลฝั่งซ้ายจะมาหาเขา!
“ในเมื่อเล่นด้านมืดไม่ได้ ฉันก็ต้องเล่นด้านสว่างนี่แหละ!”
……..
นั่งรออยู่บนโซฟาหนังแท้ที่อ่อนนุ่ม รอตั้งนานเฉินหวั่นชิงก็ยังไม่มา ทำให้เย่เทียนที่วุ่นวายจนไม่ได้นอนทั้งคืนค่อยๆ หลับลงไป
เมื่อเฉินหวั่นชิงประชุมกับพวกประธานเสร็จแล้ว ก็รีบตามมาที่ห้องประชุม แต่พอเธอเดินเข้ามา ก็เห็นเย่เทียนที่กำลังหลับอยู่บนโซฟา
เฉินหวั่นชิงก็รู้สึกเปรี้ยวจมูกขึ้นมาทันที ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นในใจ
หัวใจนั้นทำจากเลือดเนื้อ จากการบอกกล่าวที่กึ่งจริงกึ่งหลอกของกู้กวนชี มันก็ทำให้เธอรู้ว่าเย่เทียนนั้นรีบกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อช่วยตนเตรียมการแล้ว
เด็กสาวจ้องมองเย่เทียนที่กำลังหลับลึกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน รับฟังเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอของเขาความรู้สึกอบอุ่นที่น่าประหลาดก็ได้ก่อเกิดขึ้นในใจ แอบตัดเพ้อเบาๆ ว่า : ถ้าเขาสามารถทำตัวดีๆ สักหน่อย มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เป็นสามีที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน……
ไม่ว่าเมื่อก่อนเย่เทียนจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองเห็นและมีอยู่จริงๆ
เมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเยอะ พวกนักข่าวก็ไม่ได้มาเร็วขนาดนั้น เด็กสาวได้วางคำถามนับพันนับหมื่นในใจลงค่อยๆ ย่องเข้าไป หยิบหมอนผ้าห่มที่ตัวเองเอาไว้ใช้ในตอนที่พักขึ้นมา แล้วจะเอามันไปห่มให้เขา
พรึบ!
ทว่า พอเธอเดินเข้าไป มือใหญ่ๆ ข้างหนึ่งก็ได้พุ่งออกมา บีบเข้าไปที่คอของเฉินหวั่นชิงอย่างแม่นยำ
เฉินหวั่นชิงรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ใบหน้าสวยๆ ของเธอแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เย่เทียนที่ได้สติก็ปล่อยมือด้วยสีหน้าที่ทำตัวไม่ถูก แล้วยิ้มอย่างเขินๆ ว่า “ที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นอะไรมั้ย?”
เฉินหวั่นชิงไอไปหลายทีกว่าจะหยุดได้ “ฉันไม่เป็นไร”
“นั่งก่อนค่ะ”
เด็กสาวกลับเป็นคนที่ภูมิฐานอีกครั้ง และบอกให้เย่เทียนนั่งลง “ทำไมถึงไม่บอกฉันว่าที่ไปเมืองเอกก็เพื่อช่วยตำรวจไขคดีคะ?”
เย่เทียนขลุกอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน “เพราะเป็นการไปจับมือคนร้ายคดีฆ่าคนตายที่โหดเหี้ยม ผมแค่กลัวคุณจะเป็นห่วงก็เท่านั้น”
เฉินหวั่นชิงจี้ต่อ “แล้วทำไมทางตำรวจถึงต้องให้คุณไปช่วยจับคนร้ายคดีฆ่าคนตายด้วย?”
“สงสัยคงคิดว่าผมสู้เก่งมั้งครับ!”
เย่เทียนกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดแซวไปว่า “ที่รัก คุณนี่เกิดมาพร้อมกับหุ่นที่ดีเยี่ยมจริงๆ เลย! ขนาดอยู่ในเครื่องแบบยังดูมีสไตล์เลย!”
ถึงจะบอกว่าห้ามแตะต้อง แต่การพูดแทะโลมคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง? ไม่อย่างนั้นคนเป็นสามีอย่างเขามันไม่ดูไร้ค่าไปหน่อยเหรอ?
“นี่คุณ……”
พอเห็นเย่เทียนเริ่มทำนิสัยเสีย เฉินหวั่นชิงก็โกรธจนหน้าแดง ชี้หน้าเย่เทียนแล้วพูดอย่างผิดหวังว่า “คุณจะทำตัวดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง?”
“ที่รัก ฟ้าดินเป็นพยาน ผมนั้นปกติดีมาก”
เย่เทียนชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้วเป็นการสาบาน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “คุณคือดอกไม้ประจำชาติ ปลาเห็นยังอายจนต้องว่ายหนี พระจันทร์ดอกไม้ยังต้องอาย สวยจนต้องหลงตัวเอง!”
“นี่คุณ……” เฉินหวั่นชิงยังอยากถามอะไรอีก
กริ้งกริ้ง!
แต่น่าเสียดาย โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอกลับดังขึ้นมาก่อน
เด็กสาวจำเป็นต้องเก็บความสงสัยในใจเอาไว้ แล้วเดินไปรับสาย และวางสายอย่างรวดเร็ว
“ลงไปข้างล่างกัน นักข่าวมาถึงแล้วค่ะ”
ความสำคัญของแต่ละเรื่องมันไม่เท่ากัน เฉินหวั่นชิงจัดการกับสภาพของตัวเอง บอกเย่เทียนสักคำแล้วเธอก็ออกจากห้องประชุมไปก่อน
เย่เทียนที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังก็ได้ขำออกมาอย่างขมขื่นทีหนึ่ง แอบบ่นไปว่าสายนี้มันโทรมาได้จางหวะจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายกับเฉินหวั่นชิงยังไงดี
ยังไงซะ จะให้บอกว่าไปเพราะล่าค่าหัวก็คงไม่ได้? มันดูด้อยค่าเกินไป!