บทที่ 206 สถานการณ์เร่งด่วน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เย่เทียนเดินตามเฉินหวั่นชิงเข้าไปในลิฟต์ ไปยังงานแถลงข่าวที่กำลังจะจัดขึ้นตรงชั้นล่าง

กับตัวเย่เทียน เฉินหวั่นชิงนั้นมีคำถามที่มากมายเหลือเกิน

แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถาม เฉินหวั่นชิงจำเป็นต้องเก็บความสงสัยในใจไว้ก่อน ตั้งใจว่าคืนนี้ต้องถามให้รู้เรื่อง

แต่ทว่า หลังจากที่ลิฟต์ลงมาได้แค่ไม่กี่ชั้น มันก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นก็หยุดชะงักไปทันที

วินาทีต่อมา ไฟภายในลิฟต์ก็เริ่มกะพริบ จากนั้นก็ดับวูบไปทันที

“กรี๊ด!”

ยังไงเฉินหวั่นชิงก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง กลางวันที่เปลี่ยนเป็นกลางคืนอย่างฉับพลันมันก็ทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนกัน ปากเล็กๆ กางออกแล้วกรีดร้องออกมาอย่างเสียงดังจนทำให้เย่เทียนถึงเกือบจะหูหนวกไปเลย

ไม่เพียงเท่านั้น เด็กสาวยังใช้ภาษากายแสดงความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจออกมา ในตอนที่ความมืดมาเยือน เธอก็กระโดดเข้าไปกอดเย่เทียน ใช้แรงทั้งหมดที่มีกอดเอวของเย่เทียนเอาไว้

เฉินหวั่นชิงที่กำลังหวาดกลัวถึงขั้นเอาหน้าซุกเข้าไปที่อกของเย่เทียน กลัวจนตัวสั่นไม่หยุด

ถ้าไฟเกิดสว่างขึ้นตอนนี้ การกระทำของทั้งคู่คงดูคลุมเครือ คลุมเครือมากจริงๆ

ตั้งแต่ที่เย่เทียนเกิดใหม่นี่ถือเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดที่สุดของเขากับเฉินหวั่นชิงแล้ว เย่เทียนสามารถรับรู้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของเด็กสาวได้อย่างชัดเจน และยังสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่เบียดเข้ามา

ถึงการที่เด็กสาวเสนอตัวเข้ามาในอ้อมกอดด้วยตนเองมันจะทำให้ในใจของเขาสะใจมาก แต่เย่เทียนก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น

ไม่ใช่อื่นใด เป็นเพราะเสียงกรี๊ดของเด็กสาวมันรุนแรงเกินไป พอมาอยู่ในลิฟต์ที่ปิดตายแบบนี้มันยิ่งทรงพลังเข้าไปอีก ทำเอาหูของเย่เทียนแทบหนวกไปเลย

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”

เย่เทียนรีบยื่นมือไปตบๆ ที่หลังของเด็กสาว แล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “ลิฟต์มันแค่ไฟดับ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเราแล้วครับ”

บางทีอาจเป็นเพราะการปลอบของชายหนุ่มได้ผล เฉินหวั่นชิงที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวค่อยๆ หยุดกรี๊ด ถึงในใจของเธอจะยังรู้สึกกลัวอยู่ แต่มันกลับเกิดรู้สึกถึงความปลอดภัยที่มีอยู่จริงอย่างน่าประหลาด

และทุกอย่างมันก็มาจากสามีในนามที่อยู่อยู่ข้างๆ นี่แหละ

“พวกเราจะตายกันมั้ย?”

เด็กสาวยังคงกอดเย่เทียนไว้แน่น น้ำเสียงก็ยังแฝงด้วยความตระหนก

“พูดบ้าอะไรขอคุณ เราจะไปตายได้ยังไงครับ?”

เย่เทียนยังคงให้กำลังใจเด็กสาวต่อไป เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนว่า “คุณไม่ต้องห่วง เราจะไม่เป็นไรครับ”

ทันใดนั้น เย่เทียนก็สัมผัสถึงเสียงที่ผิดปกติที่ดังขึ้นจากทางด้านบน เขารีบหันไปส่งสัญญาณให้เฉินหวั่นชิงเงียบ เงี่ยหูแล้วตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านบน

แกร๊ก!

เสียงที่ชัดเจนดังขึ้นจากในปล่องลิฟต์ ภายใต้เสียงกรี๊ดของเฉินหวั่นชิง ตัวลิฟต์ก็ได้ดิ่งลงข้างล่างอีกครั้ง

แต่โชคยังดีที่ลิฟต์ร่วงลงแค่ประมาณสองเมตรมันก็ได้หยุดลงอีกครั้ง

สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปก็คือ ครั้งนี้ลิฟต์มันได้ร่วงเอียงไปด้านซ้ายจากทางข้างหลัง!

มีคนกำลังตัดสายสลิง!

ในชั่วพริบตานั้น เย่เทียนก็คาดเดาได้แล้วว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร

แต่การคาดเดาที่บ้าบิ่นนี้ต่อให้เป็นเย่เทียนที่ทักษะและความกล้าสูงส่งสีหน้าก็ยังเปลี่ยนเลย ตรงนี้มันอยู่ประมาณชั้นยี่สิบ ห่างจากพื้นดินประมาณสามสิบหกเมตร นี่ถ้าตกลงไปก็คงต้องกลายเป็นเศษเนื้อแน่นอน!

แม้แต่เย่เทียนยังเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินหวั่นชิงเลย

เด็กสาวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้จนหน้าซีดไปนานแล้ว มือที่กอดเย่เทียนยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีกราวกับว่ามันจะสามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง

เย่เทียนที่กำลังจนปัญญาใช้แรงแกะมือของเด็กสาวออก จับไหล่สองข้างของเฉินหวั่นชิงแล้วออกแรงเขย่า รอเด็กสาวเริ่มตั้งสติได้ เขาค่อยพูดออกไปว่า

“หวั่นชิง ผมรู้สึกเหมือนมีคนกำลังตัดสายสลิงอยู่ ตอนนี้ผมจะลองขึ้นไปดู คุณรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมกลับมา”

พูดจบ ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงตั้งสติได้ คัมภีร์หวงในตัวของเย่เทียนก็เริ่มหมุนเวียนขึ้นมา ถีบขาทีหนึ่ง แล้วปีนขึ้นไปบนทางออกที่อยู่บ้านบนของลิฟต์อย่างรวดเร็ว

แต่ทว่า ทันทีที่เย่เทียนทรงตัวได้ ก็มีสายลมที่เย็นเยือกพัดมาจากทางด้านหลัง

เย่เทียนไม่กล้ามีความลังเลแม้แต่นิดเดียว กลิ้งลงกับพื้นโดยไม่สนภาพลักษณ์ จังหวะที่หลบออกจากคีมที่เหวี่ยงมาจากด้านหลัง เขาก็ถีบสวนกลับไปทีหนึ่ง

มันคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดช่างคนหนึ่ง ถูกถีบไปที่ข้อเท้าอย่างแรง เขาก้าวถอยหลังสองก้าวตามสัญชาตญาณสองก้าว โชคดีที่มือไว้จนสามารถคว้าสายสลิงไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเสียหลักจนต้องตกลงไปแล้ว

“แม่งเอ๊ย!”

ชายวัยกลางคนสบถออกมา เขาที่ตั้งหลักได้อีกครั้งก็ได้ง้างคีมขึ้นมา แล้วเหวี่ยงมันไปที่หัวของเย่เทียนอย่างบ้าคลั่ง

เย่เทียนไม่กล้าทำตัวเชื่องช้าแม้แต่น้อย รวบรวมชี่ทิพย์ไว้ที่มือ แล้วรับคีบที่เหวี่ยงมาได้อย่างแม่นยำ

“หลบเหรอ?

เย่เทียนไม่กล้าเลยจริงๆ

ตอนนี้ลิฟต์มันกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อนานจนเกินไป เกรงว่าความสั่นไหวที่รุนแรงคงยากที่จะรักษาสายสลิงที่เหลืออีกแค่เส้นเดียวได้

ตัวเขามันไม่เป็นไร เย่เทียนเชื่อว่าตัวเองจะปลอดภัยดี แต่เฉินหวั่นชิงที่ยังอยู่ในลิฟต์จะแย่เอาได้!

ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงจำเป็นต้องจัดการกับชายวัยกลางคน คนนี้ให้เร็วที่สุด แถมยังต้องทำให้เกิดความสั่นสะเทือนให้น้อยที่สุดด้วย!

ปั้ง!

คีมเหล็กทุบลงที่มือของเย่เทียนอย่างแรง

เพียงแต่ เย่เทียนไม่เพียงไม่เจ็บเลยสักนิด แต่คีมเหล็กที่สภาพสมบูรณ์ในตอนแรกกลับบิดงอผิดรูปไป เห็นแล้วน่าตกตะลึงมาก!

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” แต่ชายวัยกลางคนที่เป็นแค่คนธรรมดาจะไปเคยเห็นอะไรแบบนี้ได้ยังไง เขาจึงช็อกไปทันที

“ฮึ!” เย่เทียนไม่สนใจหรอกว่าชายวัยกลางคนจะคิดยังไง จังหวะที่คว้าคีมเหล็กเอาไว้ เขาก็เหวี่ยงศอกขึ้นไปด้านบนกระแทกเข้าไปที่จมูกของชายวัยกลางคนอย่างจัง

จี๊ดๆ!

เลือดกำเดาสีแดงไหลออกมาจากทางจมูกของชายวัยกลางคน ทำให้เขางอตัวแล้วเอามือปิดจมูกด้วยความแตกตื่น

เย่เทียนไม่มีทางปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแม้แต่นิดเดียว เขาเตะไปที่หัวของชายวัยกลางคนอย่างรุนแรง

ชายวัยกลางคนผู้น่าสงสารไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องก็ถูกเตะใส่หัวจนสลบไปเลย

พอเย่เทียนได้เห็นอย่างนั้น ถึงมีเวลาได้สำรวจสภาพรอบๆ สักที

ไม่มองก็ไม่รู้ แต่พอได้เห็นก็ถึงกับต้องตกใจ!

ลิฟต์ที่เดิมทีถูกยึดด้วยสายสลิงสองเส้นที่มีขนาดเท่านิ้วของเด็กทารก ตอนนี้สลิงเส้นหนึ่งได้ถูกชายวัยกลางคนตัดขาดไปแล้ว สลิงอีกเส้นที่เหลือมันไม่มากพอที่จะรับน้ำหนักของลิฟต์เอาไว้ได้ จนลิฟต์มันเอียงไปด้านหนึ่ง

แต่ประเด็นคือ สลิงที่เหลืออีกเส้นได้ถูกคีมตัดไปกว่าครึ่งแล้ว เส้นลวดที่เหลืออีกครึ่งเส้นก็คงจะยันได้อีกไม่นานแล้ว

เย่เทียนรู้สึกร้อนใจขึ้นมา ต้องรีบเอาตัวเฉินหวั่นชิงที่อยู่ในลิฟต์ออกมาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคงต้องกลายเป็นขนมยัดไส้แล้วจริงๆ!

พอคิดได้แบบนั้น เย่เทียนก็ยื่นหน้าเข้าไปในลิฟต์ แล้วตะโกนเรียกเฉินหวั่นชิงที่กำลังตัวสั่นอยู่ที่มุมลิฟต์ “หวั่นชิง คุณลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้ผม เดี๋ยวผมลากคุณขึ้นมา”

แต่ทว่า เฉินหวั่นชิงเหมือนจะไม่ได้ยินเลย ยังคงร้องไห้อยู่เงียบๆ

เย่เทียนพูดเร่งด้วยความร้อนรน “หวั่นชิง หยุดร้องได้แล้ว ลิฟต์มันกำลังจะหล่นลงไปแล้ว คุณรีบยื่นมือมาที่ผมเร็ว!”

ครั้งนี้เฉินหวั่นชิงนับว่าได้สติแล้ว เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเย่เทียน แล้วเปล่งเสียงที่ทำให้เย่เทียนแทบบ้าออกมาสี่พยางค์

“ขา ไม่มีแรง….”