บทที่ 230 หนีไปที่อื่น

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ภายใต้ความเศร้าสลดของคุณปู่ ยิ่งเขามองเห็นเทาเท่ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา

แม้ไร้เรี่ยวแรง แต่เขายังมองเทาเท่ตาขวาง “แกออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับหลินจือ”

เทาเท่คุ้นเคยกับท่าทีเช่นนี้ของคุณปู่ดี ตอนเขายังอยู่กับหลินจือ คุณปู่ก็คอยแต่เอาใจใส่หลินจือมาโดยตลอด ตรงกันข้ามกับเขาที่มักเย็นชาต่อหลานชายคนนี้เสมอ

เวลานั้นเขาคิดว่าหลินจือตั้งใจฉอเลาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณปู่ และคิดว่าหลินจือวางแผนเอาใจคุณปู่ จึงเป็นเหตุผลที่คุณปู่ปฏิบัติดีต่อเธอ

ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ในตระกูลฟอเรนามีเพียงคุณปู่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นความดีของเธอ

และพูดได้เลยว่า ทั้งตระกูลฟอเรนามีเพียงคุณปู่คนเดียวเท่านั้นที่จริงใจกับเขาจริงๆ

ไกอาพ่อของเขาไม่เคยมีครอบครัวนี้อยู่ในใจ ไม่มีแม่เขา ไม่มีลูกชายอย่างเขาและก็ไม่มีลูกสาวอย่างพินอิน

ไกอาและวีนาไม่ชอบหลินจือ เพราะพวกเขาอยากให้เขาแต่งงานกับซูซี เพื่อยังคงรักษามิตรภาพอันดีระหว่างพวกเขากับเบลซไว้ได้ต่อไป

สำหรับพินอิน หล่อนเป็นเพื่อนสนิทกับซูซี ดังนั้นจึงเกลียดหลินจือโดยปริยาย

มีเพียงคุณปู่เท่านั้นที่วิเคราะห์นิสัยของเขาออก สังเกตบุคลิกของหลินจือ เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี จริงใจกับเขา และเพื่อหวังว่าเขาจะมีครอบครัวที่อบอุ่น

น่าเสียดายที่เขาทำผิดต่อความตั้งใจของคุณปู่ และทำผิดต่อหลินจือ

หลังจากเทาเท่ออกมาจากห้องผู้ป่วย คุณปู่ก็บอกให้หลินจือขยับมานั่งเก้าอี้

พ่อบ้านเข้ามาประคองคุณปู่พิงหัวเตียง แล้วถอยออกไป

คุณปู่มองหลินจือแล้วพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ฉันเห็นข่าวหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นลูกสาวตระกูลแม็กซิมัส”

พูดจบคุณปู่ก็หัวเราะให้กับตัวเองอีกครั้ง “ฉันว่าแล้ว ฉันนี่ตาถึงจริงๆ มองแวบเดียวก็ดูตกเต่าทองดำเป็นลูกสาวเศรษฐีที่อยู่เมืองนอกได้แล้ว”

“คนอื่นๆ นะหรือ ทึ่ม ตาไม่ถึงกันทั้งนั้น มองแค่ผลประโยชน์ตรงหน้า”

คุณปู่แขวะไกอา และวีนาโดยไม่ได้ใส่อารมณ์ หลินจือจึงอดหัวเราะออกมาเสียไม่ได้

นิสัยของคุณปู่เป็นคนตลกมากจริงๆ ไม่รู้ว่าไกอา เทาเท่และน้องสาวทำไมถึงไม่ได้รับยีนด้านนี้มาบ้างสักนิด

หลินจือพูดแล้วหัวเราะเบาๆ “จริงๆ แล้วหนูตั้งใจหาวันมาเยี่ยมคุณปู่อยู่แล้วค่ะ มาคุยเรื่องพวกนี้กับคุณปู่อย่างเป็นทางการ”

คุณปู่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”

“แค่เธอมีความสุข ฉันก็สบายใจ” คุณปู่มองหลินจือแล้วพูดด้วยความรักและเอ็นดู “ฉันดูข่าวก็รู้แล้ว ตระกูลแม็กซิมัสดีกับเธอมาก เธอเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของพวกเขา”

“หลินจือ” อารมณ์ในคืนนี้ของคุณปู่ค่อนข้างหม่นหมอง “ปู่ต้องขอโทษเธอด้วยนะ”

หลินจือรู้ว่าคุณปู่ต้องการพูดอะไร จึงรีบพูดขึ้นว่า “การแต่งงานในตอนนั้น ไม่ใช่ความผิดของคุณปู่เลยค่ะ หนูยินดีที่จะทำเอง”

แต่คุณปู่กลับยืนกรานจะพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบังคับเทาเท่ให้แต่งงานกับเธอ บางทีเธออาจจะแค่ผิดหวังกับความรักในระยะเวลาอันสั้น ไม่ติดอยู่กับการแต่งงานอันน่าสิ้นหวังถึงสามปี”

“ถ้าเธอไม่แต่งงาน ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานไปแล้วก็ได้”

“ความสำเร็จในหน้าที่การงานของเธอ บวกกับภูมิหลังตระกูลแม็กซิมัสแล้ว ตอนนี้เธอคงได้เป็นหญิงสาวแห่งเมืองเวลฟ์ผู้เจิดจรัสที่สุด แต่เพราะเคยแต่งงาน…”

พอถึงตรงนี้คำพูดของคุณปู่ก็หยุดไปกะทันหัน

หลินจือรู้ว่าคุณปู่เสียใจเพราะคิดว่าเธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ดังนั้นจึงรีบปลอบชายชรา “คุณปู่คะ ความคิดนี้มันโบราณเกินไปแล้วค่ะ ตอนนี้การเคยผ่านการแต่งงานแล้วมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย”

คุณปู่แอบกะพริบตาและเช็ดน้ำตาตรงหางตาเบาๆ

ชายชราหันกลับมา พลางถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วเอ่ยว่า: “ไอ้หมอนั่นยังไล่ตามเธออยู่ไหม”

หลินจือรู้ว่าคนที่คุณปู่เอ่ยถึงคือเทาเท่ จึงพยักหน้าเบาๆ “ประมาณนั้นค่ะ……”

“ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก!” ชายชราไม่ได้พูดแทนเทาเท่สักนิด ทว่ากลับพูดกับหลินจือว่า “เธออย่าไปสนใจเขาเลย ม้าดีไม่กลับไปกินหญ้าเก่า โดยเฉพาะฐานะเธอในตอนนี้”

คำพูดของคุณปู่ทำให้หลินจือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แต่เธอรู้ว่าคุณปู่ต้องการปกป้องเธอ

หลังจากคุณปู่คุยกับหลินจือเสร็จจึงให้หลินจือเรียกเทาเท่เข้ามา หลินจือปิดประตูให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง จากนั้นเดินไปยังหน้าต่างบานสุดท้ายของระเบียงทางเดินเพียงคนเดียว

เมื่อคุณปู่เห็นหน้าเทาเท่พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ถ้าคืนนี้เขาไม่ป่วย ไม่มีเรี่ยวแรง เขาจะมอบไม้เท้าข้างหนึ่งให้เทาเท่สักที

ชายชรามองเทาเท่แล้วกัดฟันพูด “ในตอนแรกที่ฉันบอกให้แกรีบมีลูกกับหลินจือ แกยังจำสิ่งที่แกพูดได้ไหม”

เทาเท่จำได้ทันทีและจำได้อย่างชัดเจน

ทุกครั้งที่คิดขึ้นมา เขาแทบอยากบ้าตายกับคำพูดบ้าๆ ของตัวเองในตอนนั้น

ชายชราพูดอย่างโกรธเคืองขึ้นอีกว่า “แค่พวกแกมีลูกกันสักคน แกคงไม่ต้องมีสภาพอย่างนี้!”

ถ้ามีลูก เราสองคนก็คงมีความผูกพันระหว่างกัน ลูกคงล้อมรอบพูดฉอเลาะด้วยทุกวัน ความรู้สึกก็จะเข้ากันได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่แน่อาจไม่ต้องหย่ากันเลยก็ได้

ถึงหย่ากันแล้ว ลูกก็เป็นสะพานเชื่อมที่ดีที่สุดระหว่างพวกเขา เขายังคงเป็นชายหนุ่มที่ครอบครองชีวิตของเธอไว้ได้

เทาเท่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร หากเขารู้ก่อนหน้านี้ว่า วันหนึ่งเขาจะอยู่ไม่ได้โดยปราศจากหลินจือ เขาคงแต่งงานแล้วรีบมีลูกตั้งแต่ปีแรก

น่าเสียดายชีวิตคนเรานั้นไม่มีคำว่าถ้าหาก ตอนนี้เขาทำได้เพียงดื่มเหล้าขมๆ ที่ชงด้วยตัวเองเท่านั้น

คุณปู่เหลือบมองเทาเท่ที่กำลังเศร้าสร้อยในตอนนี้แล้วพาลโกรธขึ้นมา ตอนนั้นเทาเท่ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเขาเลยสักนิด

คิดมาถึงตรงนี้เขาก็อดพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจเสียไม่ได้ “แกตายจากใจเธอไปแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะหาผู้หญิงคนใหม่ให้แก”

“จากสายตาของฉันที่มองคนออก หาคนสมบูรณ์แบบให้แกได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ครั้งนี้แกต้องทะนุถนอมให้ดี”

เมื่อชายชราออกคำสั่ง เทาเท่พลันโกรธขึ้นมา

“คุณปู่!” เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมขอปฏิเสธการดูตัว และผมจะไม่เลิกกับหลินจือเด็ดขาด”

“เรื่องนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่แก” ขณะเทาเท่กำลังอ้าปากพูด คุณปู่ก็พูดขัดขึ้นมาว่า “ร่างกายฉันทรุดลงทุกปี หรือแกอยากให้ฉันตายไปโดยไม่ได้เห็นแกเป็นหลักเป็นฐาน?”

คำพูดเดียวกันนี้ มันเคยถูกกล่าวไว้เมื่อสี่ปีก่อน ที่คุณปู่เคยใช้ขู่ข่มเขาแต่งงานกับหลินจือ

ตอนนั้นเป็นเพราะเขายอมอ่อนข้อให้จึงได้แต่งงานกันกับหลินจือ แต่ตอนนี้เมื่อคุณปู่พูดแบบเดิมขึ้นมาอีกครั้ง เขากลับรู้สึกไม่ชอบและอยากต่อต้าน

เขาไม่อยากรู้จักผู้หญิงคนอื่นเลยสักนิด!

แต่ในตอนนี้ร่างกายของคุณปู่คงทนต่อความโกรธเกรี้ยวของเขาไม่ไหว จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่พูดจา

คุณปู่อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่างมากพรุ่งนี้เช้าเขาก็แค่หนีไป

ชายชราเหลือบมองเขา “ฉันรู้ว่าในตอนนี้ใจแกมีแต่หลินจือ แกคบกับผู้หญิงสักสองสามคน บางทีอาจจะเจอคนที่คล้ายกับเธอก็ได้”

เทาเท่พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ไม่มีใครแทนที่เธอได้”

พูดจบ เทาเท่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา วีแชตบอกให้จอนห์จองตั๋วเครื่องบินสำหรับวันพรุ่งนี้เช้าให้เขาเพื่อเดินทางหนีไปจากเมืองเจสเวิร์ดแห่งนี้ เขาต้องหนีไปสักที่ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปนัดบอดอันน่าสยองของคุณปู่