บทที่ 231 ข้ออ้างมากมาย

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ส่งข้อความให้จอนห์เสร็จแล้วนั้น เทาเท่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองคุณท่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วเอ่ยพูดขึ้น : “แทนที่จะมาเปลืองความคิดมากมายขนาดนั้นกับการหาผู้หญิงอื่นให้ผม สู้มาช่วยผมตามจีบหลินจือกลับมาไม่ดีกว่าหรือครับ”

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่อ่อนแออยู่ เวลานี้คุณท่านสามารถกระโดดขึ้นมาจากเตียงได้ แล้วเสียงดังด้วยความโมโห : “แกคิดว่าฉันไม่อยากจะช่วยแกตามจีบรึไง? แต่แกก็ไม่ได้ดูสถานะของเจ้าตัวเขาเลยว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะอะไร!”

ถ้าหากทำได้ แน่นอนว่าคุณท่านก็หวังจะให้เทาเท่กับหลินจือกลับมาคืนดีกันได้มากที่สุดอยู่แล้ว

หลินจือเป็นผู้หญิงที่ดี ความจริงแล้วหลานชายของเขาก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งด้วยเช่นกัน ถ้าหากทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างรักกันคบกันจริงๆ ชีวิตจะมีความสุขมาก

ทำอย่างไรได้ในเมื่อหลานชายคนนั้นของเขาหูหนวกตาบอดในตอนแรก จึงพลาดไปแล้ว

“จอร์แดนกับตระกูลแม็กซิมัสปกป้องเธอขนาดนั้น แกคิดอยากจะจีบเธอกลับมา ยากมาก!”

“เพราะฉะนั้นฉันถึงได้เกลี้ยกล่อมให้แกยอมแพ้ซะตั้งแต่แรก” คุณท่านเหลือมองหลานตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดจากใจเลยนะ ถ้าฉันเป็นผู้หญิง เธอถูกผู้ชายคนนึงทำร้ายมาขนาดนี้ ฉันคงต้องตีเขาตายไปแล้ว”

เทาเท่หลบตาลง : “ต่อให้ยากกว่านี้ผมก็จะตามจีบเธอกลับมาให้ได้”

มิเช่นนั้นแล้ว ชีวิตที่ยืนยาวนานนี้จะมีความหมายอะไร?

มิเช่นนั้นแล้ว ทรัพย์สินที่อยู่ในมือเขานี้จะมีความหมายอะไร?

เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจ คิดว่าคุณค่าของผู้ชายจะอยู่ที่ความสำเร็จทางด้านอาชีพ

แต่ตอนนี้ในใจของเขา ทั้งความรักและอาชีพต้องรู้สึกพอใจทั้งสองเรื่อง ถึงจะสามารถเรียกว่าประสบความสำเร็จจริงๆได้ และยิ่งแม้กระทั่ง เขาสามารถต้องการแค่ความรัก ไม่ต้องการอาชีพเลยก็ได้ เพียงแค่ต้องการหลินจือที่เป็นคนให้ความรักกับเขาเท่านั้น

มิน่าล่ะคนสมันก่อนถึงได้บอกว่ามีความรักแล้วก็จะไม่สนใจผลประโยชน์ต่างๆแล้ว ตอนนี้เขาได้มารับรู้กับตัวแล้ว

“เอาล่ะ แกไสหัวไปได้แล้ว ฉันตายไม่ลงหรอก” คุณท่านฟังคำพูดเลี่ยนๆนี้ของเทาเท่ไม่ได้แล้ว พอได้ยินแล้วก็นึกไปถึงตอนนั้นที่หลานของเขาคนนี้กัดฟันด้วยแค้นสู้กับเขายังไง

คุณท่านตื่นตกใจไปเปล่าๆ เทาเท่เองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน

จากนั้นหลินจือเข้ามากำชับคุณท่านเป็นเวลานานแล้ว ให้ต่อไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามให้คุณท่านระวังสุขภาพ แล้วทั้งสองคนถึงได้ออกไปด้วยกัน

ระหว่างทางกลับมายังคฤหาสน์ เทาเท่ได้รับโทรศัพท์จากจอนห์

จอนห์ที่อยู่ในสายนั้นดูมีความกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง : “ประธานเทาเท่ ช่วงนี้คุณไม่มีงานอะไรที่จะต้องเดินทางออกไปนอกสถานที่เลยนะครับ?”

เจ้านายไม่มีแผนการออกไปทำงานนอกสถานที่แต่กลับให้เขาจัดวางแผนงานนอกสถานที่ให้ ในฐานะที่เขาเป็นเพียงผู้ช่วยคนหนึ่ง จะกล้าจัดงานให้เจ้านายได้เสียที่ไหนกัน?

เทาเท่ขมวดคิ้วขึ้นแล้วคิด ไม่มีจริงๆเสียด้วย

แต่เขาก็เอ่ยขึ้นต่ออีกครั้ง : “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นวันหยุดไปเที่ยวพักผ่อนแล้วกัน”

จอนห์รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ : “วันหยุดพักผ่อน?”

เขาอยู่กับเทาเท่มาหลายปีขนาดนี้ เจ้านายของตัวเองนั้นไม่เคยมีวันหยุดยาวมาก่อนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันหยุดไปเที่ยวพักผ่อนเลย

ไม่ใช่ว่าฟอเรนากรุ๊ปโหดร้ายกับพนักงาน ไม่ให้วันหยุดประจำปี ค่าตอบแทนของฟอเรนากรุ๊ปยังนับว่าไม่เลว สวัสดิการที่พนักงานควรมีก็มีทั้งหมด เพียงแต่เทาเท่คนนี้ไม่หยุดเท่านั้นเอง

เจ้านายผู้บริหารของคนอื่นๆจะมีเวลาวันหยุดไปเที่ยวทั่วโลกมีความสุขกับชีวิต ไม่พาลูกและภรรยาก็พาหญิงสาวไป แต่เจ้านายตัวเองมีเวลาก็อยู่แต่กับงาน ดูเหมือนกับเครื่องจักรทำงานที่ไม่มีความรู้สึกเลยอย่างไรอย่างนั้น

แต่ สองสามปีนั้นชีวิตการแต่งงานของเขากับหลินจือมีสภาพเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สามารถพาหลินจือไปเที่ยวรอบโลกได้

เทาเท่ตอบรับ : “อืม”

เพียงแค่ออกไปจากเมืองเจสเวิร์ดก็ดีแล้ว เลี่ยงจากช่วงที่คุณท่านร่างกายอ่อนแอช่วงนี้ไปเป็นการชั่วคราว รอให้คุณท่านร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาแล้วเขาค่อยกลับมา ถึงตอนนั้นเขาปฏิเสธเรื่องการดูตัวแล้วคุณท่านจะได้ไม่ต้องโมโหอีก

จอนห์เอ่ยถามไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบ : “ถ้าอย่างนั้นประธานอยากไปเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศครับ?”

เทาเท่บีบหน้าผากตัวเองพลางคิด แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจ : “ช่างเถอะ ช่วยฉันจองตั๋วไปนิวซีแลนด์แล้วกัน ทางนั้นไม่ใช่ว่ามีรายการที่จะต้องไปคุยหรอกหรือ ฉันไปดูซักหน่อย”

เทาเท่คิดไปคิดมาแล้ว รู้สึกว่าไปที่ไหนก็ไม่น่าสนใจเลยอยู่แล้ว

ความจริงแล้วเมื่อก่อนตอนที่เขาอายุยังน้อยชอบไปเที่ยวและผจญภัยมาก ตอนที่เรียนหนังสืออยู่ที่ต่างประเทศช่วงปีนั้นเขามีเวลาว่างก็จะไปเที่ยว บางครั้งก็ไปรวมกลุ่มกันกับโซเมน บางครั้งก็ออกไปเพียงลำพัง

ต่อมากลับมารับช่วงฟอเรนากรุ๊ปแล้ว ก็ตั้งใจกับการทำงาน ก็ไม่ได้มีเวลาไปสนุกกับการใช้ชีวิตอีกแล้ว

ตอนนี้การพัฒนาของฟอเรนากรุ๊ปนับวันก็ยิ่งดีขึ้น เขามีเวลาแล้ว แต่กลับไม่มีความสนใจที่จะไปเที่ยวแล้ว

ถ้าหากมีคนที่ชอบอยู่ข้างๆกายด้วย เขาก็จะมีความสนใจที่จะไปเที่ยวขึ้นมาแล้ว

“โอเคครับ” จอนห์เอ่ยขึ้นตามหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี “จำเป็นต้องให้ผมไปด้วยไหมครับ?”

“ไม่ต้อง ฉันไปสำรวจก่อนเท่านั้นเอง”

สิ้นสุดการคุยโทรศัพท์กับจอนห์ไม่นาน คนขับรถก็พาทั้งสองคนส่งถึงประตูบ้าน

เวลาดึกแล้วเช่นกัน หลินจือบอกลาเทาเท่อย่างสั้นๆง่ายๆแล้วหันกลับเตรียมจะเข้าบ้านไป

เทาเท่เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ : “พรุ่งนี้ผมจะต้องเดินทางไปทำงานแล้ว”

“อ่อ เดินทางปลอดภัยนะคะ” หลินจือหันกลับมาพูดกับเขาหนึ่งประโยค

เธอได้ยินตอนอยู่บนรถแล้ว ว่าเขาจะต้องการที่จะออกไปทำงานเอง ตอนแรกก็ยังต้องการที่จะหยุดไปเที่ยวพักผ่อนอะไรนั่น แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง เดี๋ยวก็จะไปทำงาน เดี๋ยวก็จะไปเที่ยวพักผ่อน

เทาเท่เห็นว่าเธอไม่ถามต่ออีก จึงอธิบายขึ้นมาเอง : “คุณท่านจะให้ผมไปดูตัว ผมก็เลยต้องต้องเดินทางไปทำงานนอกสถานที่”

เทาเท่พูดจบแล้วก็จ้องมองอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้าของหลินจือ หวังว่าจะเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของเธอบ้างซักนิดก็ยังดี

เขาไปดูตัวเรื่องนี้ จะสามารถทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความสำคัญของเขาบ้างหรือเปล่า?

ใครจะรู้ว่าหลินจือจะกลับมีท่าทางยิ้มอย่างดูจริงใจมากแบบนี้ ยืนมองเขาอยู่ตรงนั้น : “ความจริงแล้วไปดูตัวก็ดีเหมือนกันนะคะ รู้จักผู้หญิงหลายๆคน จะต้องมีคนที่เหมาะสมกับคุณอยู่แล้ว”

เทาเท่กัดฟัน : “คุณอยากจะโมโหผมอยู่ใช่ไหม?”

หลินจือรู้สึกว่าเขาดูไม่มีเหตุผลอยู่บ้าง : “ถ้าหากคุณไม่อยากจะฟังก็ช่างเถอะค่ะ ฉันเองก็เพียงแค่แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาเท่านั้น”

“ฝันดีนะคะ”หลินจือพูดเสร็จแล้วก็เข้าไปในบ้านของตัวเองโดยไม่ได้หันกลับมาอีก

เทาเท่รู้สึกอารมณ์ความแค้นอัดแน่นอยู่ในอก แต่สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงหันหลังกลับบ้านไป

วันรุ่งขึ้นตอนที่หลินจือลุกขึ้นมาต้มซุปนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นมาจากทางด้านนอก เธอมองผ่านหน้าต่างบานยาวจากห้องรับแขกออกไปยังด้านนอก เห็นเทาเท่ลากกระเป๋าเดินทางออกมายืนอยู่ทางด้านนอก

หลินจือไม่ได้สนใจเขา แล้วหันกลับไปที่ห้องครัว

ผลปรากฏว่าไม่นานกริ่งที่ประตูของเธอก็ถูกดังขึ้นมา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั้นก็คือเทาเท่นั่นเอง

หลินจือยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมา เทาเท่ก็เอ่ยพูดขึ้นมาก่อนแล้ว : “ก่อนผมจะไปมาดูเจ้าเล็กซักหน่อยน่ะครับ”

หลินจือ : “……”

เขามีความรู้สึกอะไรกับเจ้าเล็กอย่างนั้นเหรอ?

ทั้งๆที่หลังจากที่ครั้งที่แล้วเขาถูกเจ้าเล็กข่วนแล้ว เขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดถึงเจ้าเล็กเลยซักคำ แต่นี่อยากจะมาดูเจ้าเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น

หลินจือเปิดประตูให้เขาเข้ามา เทาเท่แสร้งทำเป็นเดินไปมองตรงหน้าเจ้าเล็ก

ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ถูกข่วนเขาก็มีจุดดำ ไม่มีทางไปสัมผัสกับแมวตัวที่น่าโมโหนี่อีกอย่างเด็ดขาด

ถ้าหากไม่ใช่ต้องอาศัยแมวตัวนี้เพื่อสานสัมพันธ์กับหลินจือล่ะก็ หลังจากที่มันข่วนเขาแล้วเขาควรจะจับมันโยนออกไปเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่ดูเจ้าเล็กเสร็จแล้วนั้น เทาเท่ก็มองไปยังหลินจือที่อยู่ในครัว : “ทำอะไรอยู่น่ะครับหอมจัง?”

หลินจือตอบไปตามความจริง : “ต้มซุปให้คุณปู่ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปดูคุณปู่ที่โรงพยาบาล”

คุณท่านชอบซุปที่หลินจือทำที่สุด เมื่อก่อนตอนที่หลินจือกับเทาเท่ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่นั้น หลังจากที่ทำซุปเสร็จแล้วก็จะส่งไปให้กับคุณท่านอยู่บ่อยๆ ครั้งนี้คุณท่านไม่สบาย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาของเธอกับเทาเท่จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ความรักที่มีต่อคุณท่านกลับไม่ได้ตัดขาดไป

เทาเท่เอ่ยพูดอย่างไม่เกรงใจ : “ให้ผมถ้วยนึงนะ ผมยังไม่ได้ทานอาหารเช้า”

หลินจือ : “……