บทที่ 232 ฉันคือคนที่คุณจะมาตบตีไม่ได้แล้ว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือไม่อยากจะสนใจท่าทางที่ดูหน้าหนาของเขาแบบนี้ แต่นึกขึ้นได้อีกว่าเขากำลังจะเดินทางไปทำงานแล้ว ก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย รีบให้เขาทานซุปแล้วเดินทางไป เธอเองก็จะสามารถอยู่อย่างสงบได้หลายวัน

นิวซีแลนด์ไกลมาก คาดว่าเขาไปแล้วอย่างน้อยๆก็ไม่สามารถกลับมาได้ในหนึ่งสัปดาห์อยู่แล้ว

ดังนั้นหลินจือจึงไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน หันกลับไปตักซุปแล้วยื่นส่งให้เทาเท่

หลังจากที่เทาเท่ทานเสร็จแล้วนั้นก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ต้องรู้ว่าช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเป็นหนาวลงอย่างกะทันหัน ซุปร้อนๆแบบนี้สามารถเพิ่มความสุขให้ได้มากจริงๆ

หลังจากที่เขาทานเสร็จแล้วหลินจือก็รับถ้วยมาแล้วหันกลับไปยังห้องครัว ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับเขามากเลย

เทาเท่มองดูท่าทางการล้างจานที่สุภาพและเยือกเย็นที่ดูแพรวพราวของเธอในห้องครัวแล้ว ก็คิดถึงความอบอุ่นในตอนนั้นที่เธอให้มาเป็นอย่างมาก

ตอนที่อากาศหนาวเขากลับมาบ้านด้วยความหิวโหยและเหนื่อยล้า แสงไฟอบอุ่น และซุปร้อนๆหนึ่งถ้วย อาหารอร่อยๆเต็มโต๊ะ ความเหนื่อยล้าและความหนาวทั้งหมดก็ถูกไล่กระจายไปจนหมด

ในช่วงสองสามปีนั้นเขาไม่ต้องกังวลอะไรเลย ราวกับว่าเพียงแค่เขาหันมา ก็จะสามารถเห็นเธอทำนู่นทำนี่เพื่อเขาอยู่ตรงที่เดิมนั้น

แต่ตอนนี้……

เทาเท่ไม่อยากจะยอมรับจริงๆ ว่าเขาตกมาอยู่ในขั้นที่ต้องอาศัยแมวตัวหนึ่งเพื่อเพิ่มความรู้สึกกับเธอแล้ว แล้วก็ตกมาอยู่ในขั้นที่ต้องมาอาศัยบารมีของคุณท่านแล้วถึงจะสามารถได้ทานซุปที่เธอทำได้

แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครที่จะเอาแต่รออยู่ที่เดิมไปได้ตลอดจริงๆ

ในใจนั้นรู้สึกหดหู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกลียดตัวเองที่ตอนนั้นไม่ได้รักษาเอาไว้ให้ดีๆ

คิดแบบนี้แล้วเขาก็ก้าวเข้าไปในห้องครัว ตะโกนเรียกชื่อเธอออกมาอย่างผ่านความรู้สึกเหนื่อยมามาก : “หลินจือ…..”

หลินจือรู้สึกกลัวกับการที่จะต้องมาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับเขาจริงๆ พอเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องครัวแล้ว ก็รีบเช็ดมือให้สะอาดแล้ววิ่งออกไปทางด้านข้างทันที

เทาเท่ : “……..”

นี่เธอเป็นเหมือนหนูที่เห็นแมวเลยใช่ไหม?

เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ?

หันกลับมายังห้องรับแขก เขาจ้องมองเธอและแมวตัวนั้นในอ้อมกอดของเธอแล้วประท้วงขึ้น : “คุณวิ่งทำไมน่ะ?”

หลินจือลูบแมวตัวน้อยในอ้อมกอดเบาๆ แล้วเอ่ยพูดขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น : “เจ้าเล็กกำลังร้องเรียก ฉันก็เลยออกมาดูว่ามันเป็นอะไร”

เทาเท่ส่งเสียงหัวเราะ มีแมวตัวนี้ พวกเขาทั้งสองคนได้ข้ออ้างจากแมวตัวนี้มาได้มากมายจริงๆ เขาเอาแมวมาเป็นข้ออ้างเพื่อจะมาหาเธอ เธอก็เอาแมวมาเป็นข้ออ้างเพื่อหนีเขา

และความสามารถในการลืมตาพูดโกหกของเธอนับวันก็ยิ่งเก่งขึ้นแล้ว พูดว่าเจ้าเล็กร้องเรียกอะไรกัน เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ยินแมวตัวนั้นร้องเลยด้วยซ้ำ!

และยังมีอีกว่าเธออุ้มแมวตัวนั้นขึ้นมา เพื่อใช้วิธีนี้ในการต่อต้านการเข้าใกล้ของเขาใช่ไหม?

แมวตัวนั้นไม่ดีกับเขา พอเขาเข้าใกล้ไม่แน่ว่าจะข่วนเขาอีกก็ได้

เมื่อครู่ที่เทาเท่อารมณ์ดีขึ้นมาเพราะซุปถ้วยนึงนั้น ก็เป็นเพราะหลินจือทำให้หายไปอีกครั้ง

หลินจือเร่งเขา : “สายแล้วนะคะ คุณรีบไปขึ้นเครื่องเถอะค่ะ ฉันเองก็จะไปหาคุณปู่แล้วเหมือนกัน”

เวลาจะไม่ทันแล้วจริงๆ เทาเท่เองก็ทำได้เพียงเดินออกไป

หลินจือมองดูรถของเทาเท่หายไปในสายตาแล้ว ก็นับว่าถอนหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งอก

นับตั้งแต่ที่เทาเท่สารภาพรักกับเธอแล้ว ก็มันจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธออย่างหลากหลายวิธี แม้แต่เธอไปที่ปักกิ่งเขาก็ไม่หยุด เธอรู้สึกว่าแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

รอเขาเดินทางไปทำงานนอกสถานที่แล้ว หลินจือจะไม่รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างนั้นหรือ?

หลังจากที่เทาเท่ออกไปแล้ว หลินจือเก็บของแล้วก็เอาซุปที่ทำเสร็จแล้วไปที่โรงพยาบาล

ตอนที่ถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยของคุณท่านนั้น เธอได้ยินเสียงคุยกันอยู่ทางด้านในก็หยุดชะงักเท้าลง เนื่องจากว่าเธอได้ยินเสียงของวีนา

หลินจือมองผ่านจากทางหน้าต่างของประตูห้องพักผู้ป่วย ก็เห็นวีนายืนอยู่ข้างๆเตียงของคุณท่านแล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชา : “พ่อ พ่อต้องระวังสุขภาพด้วยนะ”

ปากของวีนาพูดออกมาแบบนี้ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับไม่ได้มีความเป็นห่วงคุณท่านเลยแม้แต่นิดเดียว และอาการที่แสดงออกมาของเธอนั้นก็ยิ่งดูเฉยเหมือนสูงส่งเหมือนกับไม่เกี่ยวกับตัวเอง ราวกับว่าเธอมาเยี่ยมคุณท่านเพียงแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น

หลินจืออยู่ทางด้านนอกเห็นอาการที่แสดงออกมาของวีนาได้อย่างชัดเจน ในใจอดที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาไม่ได้

คุณท่านอายุมากขนาดนี้แล้ว วีนาจำเป็นต้องทำเย็นชาไร้ความเมตตาแบบนี้กับคุณท่านไหม?

ถึงแม้ว่าเรื่องของพินอินคุณท่านจะไม่ได้ปกป้องพินอิน วีนากล่าวโทษคุณท่าน แต่หลายปีมานี้คุณท่านเองก็ช่วยวีนาเลี้ยงดูเทาเท่มาไม่ใช่หรือ?

ถ้าหากไม่ใช่การเลี้ยงดูสั่งสอนของคุณท่าน ลูกชายของเขาจะมีความสำเร็จในทุกวันนี้ได้ไหม?

หลืนจือกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ วีนาก็เปิดประตูเดินออกมา หลินจือรู้สึกมาเสียใจทีหลังที่ตัวเองไม่ได้หลบไปก่อน

ที่เธออยากจะหลบนั้นไม่ใช่ว่ากลัววีนา เธอเคยทำให้วีนาโมโหจนเป็นลมมาแล้ว มีอะไรให้ต้องกลัวกัน?

เพียงแต่เธอไม่อยากจะมาถกเถียงกับวีนาตรงหน้าประตูห้องของคุณท่านเพียงเท่านั้น เลี่ยงที่จะทำให้คุณท่านโมโห

พอวีนาเปิดประตูออกมาแล้วเห็นหลินจืออยู่หน้าประตูนั้น ในมือถือกล่องเก็บอุณหภูมิเอาไว้หนึ่งกล่อง แสดงอาการตกตะลึงไปก่อน

ถึงแม้ว่าวีนาจะรู้แล้วว่าหลินจือเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส แต่สองสามปีนี้ความสูงส่งเวลาอยู่ต่อหน้าหลินจือนั้น ทำให้เธอพูดจาเย็นชากับหลินจือไปแล้วโดยสัญชาตญาณ : “เธอมาที่นี่ทำไม?”

หลินจือตอบกลับไปอย่างไม่แสดงถึงอาการใดๆ : “ฉันมาเยี่ยมคุณปู่ค่ะ”

วีนาเหลือบมองกล่องเก็บอุณหภูมิในมือของเธอ แล้วอดที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ : “หลินจือ เธอคงไม่ใช่ว่าจะใช้วิธีมาเอาใจคุณท่านเพื่อมาเอาใจเทาเท่อย่างหน้าไม่อายหรอกนะ?”

น้ำเสียงของหลินจือเย็นชาขึ้นมา : “คุณหญิงวีนา คุณคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ ฉันมาเยี่ยมคุณปู่ เพียงแค่เพราะว่าคุณปู่ดีกับฉันเท่านั้น”

วีนาหัวเราะเยาะออกมา : “ใครจะรู้ว่าเธอจะเป็นพวกปากอย่างใจอย่างมีเจตนาหรือเปล่า?”

ในคำพูดของวีนานั้นกำลังคิดเองอย่างมั่นใจว่าที่หลินจือทำแบบนี้ก็เพื่อเทาเท่

หลินจือมองวีนาแวบหนึ่ง จากนั้นริมฝีปากก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

ในเสียงหัวเราะของเธอนั้นเธอเอ่ยพูดอย่างชัดเจน : “คุณหญิงวีนา คุณวางใจได้ค่ะ เรื่องของการปฏิบัติกับผู้ชาย หัวใจของฉันคงไม่ได้ใหญ่เหมือนกับคุณอย่างแน่นอน”

คำพูดนี้ของหลินจือทำให้วีนารู้สึกงุนงง นี่เกี่ยวอะไรกับเธอกัน?

หลินจือแสดงรอยยิ้มออกมา : “คุณไกอามีผู้หญิงอยู่ข้างนอกไม่หยุด แต่คุณกลับไม่พูดถึงเรื่องหย่าเลย แบบนี้ไม่ใช่ว่าใจใหญ่หรอกหรือคะ?”

“ฉันก็ไม่เหมือนกัน ฉันรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจหย่า และในเมื่อหย่าแล้ว ก็จะไม่หันกลับมาอีก”

“เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องคิดว่าฉันจะยังคิดถึงลูกลายของคุณอยู่ตลอดเวลานะคะ”

ในรอยยิ้มของหลินจือเอ่ยคำพูดที่เสียดสีจนจบ วีนาเกือบจะโมโหเธอจนเป็นลมสลบไปอีกครั้ง

“เธอ–” วีนากัดฟันด้วยความแค้น

หลินจือถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างจากเธอ หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นมาขวางตรงหน้าอกตัวเองเอาไว้ : “傅夫人 กรุณาระวังการกระทำของตัวเองหน่อยนะคะ ถ้าหากทำลายกำไลข้อมือของฉัน คุณจะต้องชดใช้นะคะ”

หลินจือเจตนาที่จะยกกำไลข้อมือของตัวเองขึ้นมา เพื่อเป็นการเตือนวีนาว่าอย่าลงมือกับเธอเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เธอเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส ไม่ใช่หลินจือคนที่วีนาด่าว่าพ่อไม่รัก พี่ชายไม่เอ็นดู สามีไม่ปกป้องคนนั้นอีกแล้ว

ความจริงแล้วบนมือของเธอนั้นไม่ได้สวมกำไลหยกเอาไว้ เธอเพียงแค่ใช้วิธีนี้มาเตือนวีนาถึงสถานะในตอนนี้ของตัวเองเพียงเท่านั้น