บทที่ 233 อายุเขาขนาดนี้แล้ว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เป็นอย่างที่คิด จากที่หลินจือพูดเตือนขึ้นมานั้น มือที่ยื่นออกมาของวีนาก็ต้องหดกลับไป

วีนาอยากจะตีเธอจริงๆ เธอถูกคำพูดนั้นของหลินจือทำให้โมโหมาก จะไม่ลงมือได้อย่างนั้นหรือ?

ชีวิตการแต่งงานของเธอกับไกอา ก้นบึ้งหัวใจของเธอนั้นมีความเจ็บปวดที่สุด และก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นด้วย แต่ความรู้สึกของเธอกับไกอาที่แตกหักเรื่องนี้คนนอกมีน้อยมากที่รับรู้ เนื่องจากว่าเธอมักจะทำท่าทางเต็มไปด้วยความสุขเวลาอยู่ต่อหน้าคนนอก

ไกอาอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน เธอบอกกับคนอื่นไปว่าเขามีการสร้างกิจการใหม่อยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนลูกชายเทาเท่ก็ดูแลฟอเรนากรุ๊ป ทั้งยังทำให้ฟอเรนากรุ๊ปกลายเป็นผู้โดดเด่นในวงการธุรกิจแห่งเมืองเจสเวิร์ด มีชื่อเสียงและอำนาจ ลูกสาวอย่างพินอินก็มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน

จากคนนอกมองมาแล้ว เธอเป็นครอบครัวที่เอาใจใส่ลูกและลูกก็มีความกตัญญูมาก ลูกชายลูกสาวประสบความสำเร็จในอาชีพ สามีเองก็มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จมีชีวิตที่งดงามมากเช่นกัน

คงจะคิดไม่ถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการแต่งงานและความรู้สึกกับลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะกับลูกชายอย่างเทาเท่ ได้มาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แตกไม่เป็นชิ้นเป็นอันไปแล้ว

หลินจือกับเทาเท่แต่งงานกันสามปี ถึงแม้วีนาจะไม่เคยเปิดเผยความไม่ลงรอยกันของเธอกับไกอาออกมาต่อหน้าหลินจือเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หลินจือก็สังเกตได้เอง และรับรู้ได้เองเช่นกัน

และคุณท่านก็เคยเอ่ยพูดถึงเรื่องความรักและความแค้นของวีนาและไกอาอยู่บ้าง ดังนั้นหลินจือจึงเข้าใจอย่างละเอียดแบบนี้

แต่วีนาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงเธอจะถูกหลินจือเด็กอ่อนๆคนนั้นใช้เรื่องนี้มาแทงใจเธอแบบนี้

วีนายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยด้วยร่างกายที่สั่นเทา ดวงตาทั้งสองข้างนั้นจ้องมองหลินจือด้วยความโมโห แต่กลับตบตีไม่ได้

หากเป็นเมื่อก่อน วีนาจะต้องตบหน้าเธอไปหนึ่งทีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หลินจือเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส เป็นคนที่เธอไม่สามารถที่จะไปตบตีได้

แต่เธอจะมาเจ็บปวดอะไร?

ถ้าหากไม่ใช่เธอที่ดูถูกเหยียดหยามว่าหลินจือมาพัวพันกับเทาเท่อย่างหน้าไม่อาย หลินจือจะไม่ชอบเธอแบบนี้ทำไม?

“ขอตัวนะคะ” หลินจือไม่ได้สนใจวีนาอีก เอ่ยพูดนิ่งๆไปหนึ่งประโยคแล้วก็เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย อีกทั้งยังปิดประตูตามลงมาด้วย เป็นการกีดกั้นวีนาเอาไว้ให้อยู่ด้านนอก

เดิมทีแล้วหลินจือจะไม่สนใจวีนาเลยก็ได้ แต่เธอเห็นท่าทางเย็นชาที่วีนามีต่อคุณท่านอย่างดูมีลับลมคมนัยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคุณท่าน

เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่ตระกูลฟอเรนา คุณท่านก็ปกป้องเธอพูดแทนเธอครั้งแล้วครั้งเล่า หลินจือก็ย่อมอยากที่จะปกป้องคุณท่านบ้างเช่นกัน

ด้านนอกประตูนั้นมีเสียงเดินด้วยรองเท้าส้นสูงจากไปอย่างลนลาน คุณท่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้นเอ่ยพูดกับหลินจืออย่างเลี่ยงไม่ได้ : “ทำไมจะต้องไปโมโหกับคนแบบนั้นด้วย? ฉันชินแล้วล่ะ”

เมื่อครู่นี้คุณท่านยังกลัวว่าหลินจือจะเสียเปรียบวีนาเสียอีก กำลังคิดที่จะส่งให้พ่อบ้านออกไปห้ามเอาไว้ ก็ได้ยินคำพูดที่หลินจือทำให้วีนาไม่พอใจเข้า

คุณท่านก็เลยกวักมือเรียกให้พ่อบ้านกลับมา คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ของหลินจือ คุณท่านก็รู้แล้วว่าหลินจือไม่ใช่เด็กผู้หญิงกล้ำกลืนฝืนทนอย่างในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่จำเป็นให้เขามาปกป้องอีกแล้ว

ทำไมคุณท่านจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนหลินจือกล้ำกลืนฝืนทนไปเพื่ออะไร ก็ไม่ใช่เพื่อหลานชายคนที่ไม่รู้จักรักษาสิ่งดีๆเอาไว้นั่นหรอกหรือ?

เป็นเพราะไม่หวังที่จะให้เขามาติดอยู่กับความสัมพันธ์เหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงกลืนกับความไม่ได้รับความเป็นธรรมนี้เอง

“เธอรังแกคนอื่นมากเกินไป” หลินจือเอ่ยพูดแบบนี้แล้วพลางเอาซุปที่ตัวเองนำมาวางไว้บนโต๊ะข้างๆ หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้มซุปมาให้ค่ะ”

พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆยิ้มและเอ่ยขึ้น : “คุณท่านกำลังบอกว่าไม่อยากอาหารไม่อยากจะทานอะไรทั้งนั้นเลยครับ”

หลินจือเข้าใจความหมายของพ่อบ้าน รีบตักซุปให้คุณท่านถ้วยเล็กๆหนึ่งถ้วย

คุณท่านรับมาพลางยิ้ม ซุปที่หลินจือต้มมาให้ เขาจำเป็นต้องดื่ม

เพียงแต่คุณท่านทานไปได้สองสามคำ ก็อดที่จะถอนหายใจออกมาแรงๆไม่ได้

ภรรยาดีๆแบบนี้ หลานคนนั้นของเขาพลาดไปได้ยังไงกัน!

น่าโมโหมากเสียจริงๆ

หลินจือเห็นว่าคุณท่านถอนหายใจแล้ว จึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง : “เป็นอะไรไปคะ? รสชาติไม่อร่อยเหรอคะ?”

คุณท่านส่ายหน้า : “ไม่ใช่หรอก ซุปที่เธอทำน่ะถูกปากฉันที่สุดแล้ว เป็นเพราะอร่อยมากเกินไป ฉันถึงได้ถอนหายใจด้วยความหดหู่ไงล่ะ”

หลินจือสามารถเข้าใจได้ถึงความหมายของคุณท่าน แต่เธอก็เจตนาที่จะเลี่ยงประเด็นนี้ไป : “ในเมื่ออร่อยก็ต้องทานเยอะๆนะคะ แบบนี้ถึงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็วๆ”

คุณท่านขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ฉันไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ได้เลยเหรอ? ฉันไม่ชอบกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่นี่เลยจริงๆ”

พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น : “คุณหมอบอกแล้วครับ ว่าอย่างน้อยที่สุดท่านต้องอยู่ที่นี่ถึงสามวัน”

คุณท่านทำท่าทางโมโหขึ้นมาทันที หลินจืออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ว่ากันว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งเหมือนเด็ก เป็นแบบนี้จริงๆ

คุณท่านทานซุปไปพลางเอ่ยถามหลินจือขึ้นมา : “แล้วเจ้านั่นล่ะ?”

“เขาบอกว่าเดินทางไปทำงานที่นิวซีแลนด์ค่ะ” หลินจือบอกไปตามความจริง เธอไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยต่อหน้าคุณท่านเพื่อเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์กับเทาเท่เช่นกัน

คุณท่านเหลือบมองอาการที่ดูสงบนิ่งของเธอแวบหนึ่ง พลางกัดฟันเอ่ยพูดขึ้น : “นี่เขาตั้งใจสินะ! กลัวว่าฉันจะจัดให้ไปดูตัว”

หลินจือเอ่ยพูดไปตามคำพูดของคุณท่าน : “เขานี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเลยจริงๆนะคะ การดูตัวมีอะไรไม่ดีกัน เขาก็อายุขนาดนั้นแล้ว ควรจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาก่อร่างสร้างตัวได้แล้วนะคะ”

คุณท่านได้ยินหลินจือพูดแบบนี้ ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะยินดีกับความโชคร้ายนี้เสียจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาเอาคำพูดนี้ไปบอกกับหลานคนนั้นของเขา จะโมโหแทบตายหรือเปล่ากัน

หญิงสาวว่าเขาอายุมากแล้ว!

แต่ในขณะเดียวกันที่อยากจะหัวเราะออกมานั้นก็รู้สึกเจ็บปวดแทนหลานชายด้วยเช่นกัน เธอสามารถพูดออกมาได้ว่าให้เขารีบไปดูตัวได้อย่างสงบนิ่งแบบนี้ ในใจนั้นไม่ได้มีความรู้สึกกับเขาแล้วจริงๆ

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว คุณท่านก็ไม่มีอารมณ์จะหยอกล้ออะไรหลานชายตัวเองขึ้นมาในทันที แล้วทานซุปไปอย่างเงียบๆจนหมด

หลินจือคุยเรื่องอื่นๆกับคุณท่านอีก ตอนที่เธอลุกจะไปนั้นคุณท่านก็กำชับเธอ : “ถ้าเธอยุ่งก็ไม่ต้องมาหาฉันหรอกนะ ฉันเองก็มีคนดูแล ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”

หลินจือยิ้มพลางเอ่ย : “ไม่เป็นไรค่ะ ถึงยังไงเวลางานของฉันก็อิสระอยู่แล้ว”

คุณท่านถอนหายใจออกมาอีกครั้ง : “ถูกนักข่าวถ่ายรูปเอา จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อเธอนะ”

ตอนนี้เธอเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส ความสนใจของสื่อนั้นมีสูงมาก ถ้าหากถูกสื่อถ่ายรูปเธอที่วันทั้งวันเอาแต่ไปเยี่ยมคุณปู่ของเทาเท่ เกรงว่าพวกนักข่าวจะแต่งเรื่องราวขึ้นมากมายอีก

ถึงแม้ว่าคุณท่านจะชอบที่นักข่าวแต่งเรื่องหลานชายของเขากับหลินจือคบกันก็ตาม แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ยุติธรรมกับหลินจือนัก

หลินจือคิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะแคร์เรื่องพวกนี้ คุณท่านเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้ง : “ไม่เป็นไรแล้วเหมือนกัน ถึงตอนนั้นถูกถ่ายรูป ก็เปิดเผยกับสื่อไปเลย บอกว่าเธอคืออดีตภรรยาที่เขาไม่รู้จักรักษาให้ดีในตอนแรกจนตอนนี้ต้องมาร้องห่มร้องไห้จะตามจีบกลับมาอยู่แบบนี้”

หลินจือ : “………”

คุณท่านฉีกหน้าหลานชายตัวเองแบบนี้ เหมาะสมรึเปล่ากัน?

แล้วอีกอย่าง เทาเท่เองก็ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้จะตามจีบเธอกลับมา การบรรยายของคุณปู่นี้ก็เกินจริงมากไปแล้ว

“พวกนักข่าวไม่น่าเบื่อขนาดนั้นที่เอาแต่จ้องจะถ่ายฉันทั้งวันหรอกค่ะ” หลินจือปลอบใจคุณท่าน “ท่านพักผ่อนนะคะ เอาไว้เดี๋ยวฉันจะมาเยี่ยมอีก”

แต่ทว่า หลินจือนั้นไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ถึงแม้ว่าพวกนักข่าวจะไม่ได้คอยจ้องจะถ่ายรูปเธอทั้งวัน แต่ตอนนี้ความเป็นที่รู้จักของเธอนั้นสูงมาก มองเพียงแค่แวบได้ก็ถูกจำได้แล้ว สถานที่ที่มีนักข่าว เธอก็ถูกคว้าเอาไว้ได้แล้ว