เขาหลับตาลง เดินซวนเซ——
“รินจัง!”
เส้นหมี่กรีดร้องด้วยความตกใจทันที
ยังดีที่ในตอนนี้ คณาธิปมือไว รับร่างของเด็กน้อยที่ร่วงหล่นลงมาได้
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เงยหน้าขึ้น กำลังจะก่นด่าผู้ชายคนนี้ ก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆหยดลงมาที่แก้ม เธอตกใจเล็กน้อย
ก็พบว่ามันคือหยดน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาที่ยังคงปิดอยู่ของชายหนุ่ม
แพขนตานั้นช่างสวยงามจริงๆ……
ราวกับใบพัดเล็กๆ ที่ทั้งหนาและงามงอน ดวงตาคู่คมที่เบ้าตาสวยงามอย่างมาก แต่ในตอนนี้ มันก็ราวกับปีกของผีเสื้อที่เปียกปอน ไหวสั่นอยู่อย่างนั้น
“ลาก่อน เส้นหมี่”
ในที่สุดเขาก็ค่อยๆปล่อยมือออกจากเธอ จากนั้น ก็หันหลังแล้วเดินจากไป เท้าที่ก้าวย่างซวนเซ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมาอีก
เส้นหมี่เหม่อมองด้วยสายตาว่างเปล่า
จนเวลาผ่านไปสักพัก ร่างของคนคนนี้ก็หายลับไปจากห้องโถงของอาคารผู้โดยสาร เธอในตอนนี้ร่างกายก็ราวกับมีอะไรบางอย่างหลุดลอกออกมา
ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส ร่างเธอไหวสั่น ยกมือขึ้นกอบกุมหน้าอกของตัวเองทรุดตัวลงแล้วปล่อยโฮออกมา
พวกเขา……จบกันแล้วจริงๆ
——
ในตอนที่แครอทขับรถออกมาตามหาแสนรักจนเจอ ก็เกือบจะรุ่งเช้าแล้ว
เช้าตรู่ในฤดูใบไม้ผลิของเมืองA สภาพอากาศมีเม็ดฝนโปรยปราย และคืนนี้ก็เช่นกัน แครอทตามหามาตลอดทางจนเจอ เดิมทีคิดว่าชายหนุ่มจะอยู่ในสนามบิน
แต่เธอไม่คิดว่า จะมาเจอเขากลางทาง
ชายหนุ่มคนนี้เดินอยู่บนท้องถนนราวกับซากศพที่เดินได้ เขาไม่ได้ขับรถ ข้างกายห่างออกไปอีกหลายกิโล ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน เขาเดินซวนเซอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
นี่เขาบ้าไปแล้วหรือไง ?
อยากตายมากใช่ไหม ?
แครอทตกใจจนใบหน้าซีดเผือด รีบจอดรถในทันที เธอลงจากรถมาได้ก็ปรี่เข้าไปหาเขา“แสนรัก คุณกำลังทำอะไร ? คุณบ้าไปแล้วหรือไง ? มาเดินตากฝนทำไมแบบนี้!อยากตายมากหรือไง ?!!”
เธอเต็มไปด้วยความโกรธ
และในความโกรธ ก็มีความตื่นตระหนกและความกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนผสมปนเปอยู่ด้วย
แต่ทว่า ชายหนุ่มก็ราวกับมองไม่เห็นเธอ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ดวงตาของเขาว่างเปล่า ใบหน้าซึมเศร้า ริมฝีปากที่ถูกสายฝนอันเย็นเยือกซัดสาด ก็แทบมองไม่เห็นสีเลือด ราวกับซากศพ
ต้องขนาดนี้เลยเหรอ ? ผู้หญิงคนเดียว ทำร้ายเขาได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ความสง่างามที่เคยมีของเขาหายไปไหนเสียหมด ? ความหยิ่งผยองที่เคยมีไปไหนแล้ว ? นี่แสนรักนะ ราชาผู้อยู่เหนือคนทั้งปวงในเมืองนี้ !
ดวงตาของแครอทเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นชิงชัง
“เธอทำคุณจนกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำกับคุณแบบนี้ ? ฉันเป็นคนช่วยคุณ และฉันก็ดูแลคุณมากว่าแปดปี เธอมีสิทธิ์อะไร?!!”
หญิงสาวกัดฟันกร่อน ในที่สุด ก็ยกมือขึ้น ออกแรงกดไปที่ท้ายทอยของชายหนุ่มที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
ทันใดนั้น เขาก็ค่อยๆล้มตัวลงอย่างอ่อนแรง
ภายใต้อ้อมแขนของเธอ
“อย่ากังวลไปเลย เรื่องแบบนี้ ฉันจะไม่ให้คุณต้องคิดถึงมันอีก เราใช้ชีวิตที่มีความสุขของเรา ตกลงไหม ?”
แครอทมองดูชายหนุ่มที่สงบนิ่งอยู่ในอ้อมแขน และพูดพึมพำออกมา……——
เส้นหมี่ก็ขึ้นเครื่องบินไปแล้วเช่นกัน
หลังจากที่เธอได้ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก อารมณ์ของเธอก็สงบนิ่งลงอย่างมาก
เมื่อคณาธิปเห็น อยากจะเข้าไปห่มผ้าให้สองคนแม่ลูกเพิ่ม เพราะในตอนกลางคืนบนเครื่องนั้น อากาศก็หนาวเย็นอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่า ทันทีที่เขาเดินมาถึง ก็ได้ยินหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย และเย็นชาอย่างที่สุดว่า“หลังจากลงเครื่องแล้ว อย่าให้ฉันเห็นหน้าคุณอีก”
คณาธิป“……”
ทันใดนั้นก็ราวกับมีน้ำเย็นมาเทราดรดลงบนศีรษะของเขา ความโชคดีและความสุขทั้งหมดที่เขามี ในตอนนี้ก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหวอีกครั้ง
“สวยใส ผม……”
“เมื่อเทียบการหลอกลวงกับครอบครัวแตกสลาย มันเทียบกันไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ คณาธิป คุณโกหกฉันมานานขนาดนี้ เมื่อกี้ฉันหลอกใช้คุณ ก็ถือว่าหายกัน ต่อไปคุณอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก !”
เส้นหมี่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กซีดเซียวเล็กน้อย ราวกับมีหิมะปกคลุมอยู่ เย็นจนทำเอารู้สึกหนาวสั่น ไม่ต้องพูดถึงดวงตาคู่คมที่มีเสน่ห์คู่นั้น ในตอนนี้มีเพียงความไร้เมตตาและเย็นชาให้เห็นเท่านั้น
คณาธิปหน้าซีดจนไม่เหลือสีเลือด
หายกัน ?
เขาเข้าใจได้ในทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจเรื่องที่เขาหลอกเธอ และไม่ใช่เพราะการโต้เถียงกันระหว่างผู้ชายสองคนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แล้วเธอเลือกเขา
แต่เพราะเธอเก็บเขาไว้ทีหลัง
ใช้เขาจัดการกับแสนรักก่อน แล้วตอนนี้ก็ถึงตาเขา มาคิดบัญชีย้อนหลัง แบบนี้มันโหดร้ายยิ่งกว่า
คณาธิปราวกับตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง“สวยใส ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ? ผมโกหกคุณจริง แต่ว่า ผมไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเลย หลายปีมานี้ ถึงผมจะคอยคิดหาวิธีที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ แต่ว่า สิ่งที่ผมทำมันทั้งหมด ก็แค่อยากจะปกป้องคุณเท่านั้น ”
“ปกป้อง?”เมื่อเส้นหมี่ได้ยินคำนี้ ก็ราวกับได้ยินเรื่องตลกขบขัน
“ทำไมคุณต้องมาปกป้องฉันด้วย ? ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ จำเป็นต้องให้คุณมาปกป้องด้วยเหรอ?”
“แน่นอน ตอนอายุสิบสอง ผมหิวจนเป็นลมที่โรงเรียน มีคุณคนเดียวที่ให้ขนมปังกับผม ในตอนนั้น ผมมีแค่เป้าหมายเดียว คือชีวิตนี้จะไม่ยอมให้คุณต้องเป็นทุกข์ใดๆอีก!”
เสียงคณาธิปสะอื้นเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมา