ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 333 คณาธิป อย่าพูดจนตัวเองสูงส่งแบบนั้น
อายุสิบสอง ?
ในตอนนั้น เส้นหมี่อายุแค่แปดขวบ และกำลังเรียนอยู่ชั้นป.3
เธอเคยให้ขนมปังกับเขาเหรอ ?
เส้นหมี่จำไม่ได้แล้ว เธอในตอนนั้น เอาแต่ยุ่งอยู่กับการเขียนจดหมายถึงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ถูกคุมขังเพราะเธอเป็นต้นเหตุ ใช้การเขียนหนังสือที่ยังไม่คล่องแคล่ว เขียนมันทีละตัวๆ
เป็นแบบนั้นอยู่ตลอดไม่เคยขาด
ดังนั้น เส้นหมี่ก็จึงจำเรื่องนี้ไม่ได้เลย
“ฉันไม่ต้องการการปกป้องจากคุณ และฉันก็จำไม่ได้ว่าเคยให้อะไรกับคุณ หากมีแบบนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอบอกคุณในตอนนี้ ว่าฉันรู้สึกเสียใจมากทำไมต้องให้อะไรคุณในตอนนั้นด้วย ? ความปรารถนาดีของฉัน ไม่ใช่ให้คุณเอามาอ้างสิทธิ์แล้วทำกับฉันแบบนี้!”
คำพูดของเส้นหมี่ช่างโหดร้ายอย่างมาก!
ราวกับมีดเล่มคม แทงเข้ามาที่หัวใจของชายหนุ่มอย่างรุนแรง ทำเอาใบหน้าที่แดงก่ำของเขาซีดขาว และขาวจนหมอง ช่างมีสีสันยิ่งกว่าร้านย้อมผ้าเสียอีก
ใช่เขาพูดจาฟังดูดีแต่กลับทำเรื่องน่าละอายจริงๆ
เขาเอาแต่พูดว่าเพื่อปกป้องเธอ พูดซะสูงส่งขนาดนี้ แต่ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เขาทำ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
ที่เมืองเคลียร์เส้นหมี่และเขารู้จักกันมาห้าปี จนเมื่อเธอถูกแสนรักพากลับมา เขาก็ตามกลับมาที่เมืองAด้วย จากนั้นก็วอลล์สตรีทในตอนนี้ รวมถึงคืนนี้ด้วย
เขากล้าพูด ว่าเขาไม่เคยทำอะไรที่ทำร้ายเธอเลยงั้นเหรอ ?
หากเส้นหมี่จำไม่ผิด เขาบอกว่าตอนอายุสิบสอง ลูกพี่ลูกน้องของเธอแต่งฝันก็บังเอิญไปที่โรงเรียนนั้น และก็บังเอิญ เรียนอยู่ชั้นป.6 เหมือนกัน
เส้นหมี่หลับตาลง และไม่ได้พูดอะไรอีก
วันถัดไป
เมื่อเครื่องลงจอดที่เมืองM ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างแล้ว เช้าวันใหม่ของอีกวัน
“หม่ามี๊ เรามาถึงแล้วเหรอ?”
ครั้งนี้หนูรินจังมากับหม่ามี๊ด้วย ลงจากเครื่องบินมา เห็นเมืองที่แปลกหูแปลกตาตรงหน้า แขนเล็กๆของเธอก็กอดหม่ามี๊แน่น สำรวจมองด้วยความอยากรู้และตื่นเต้น
เส้นหมี่โอบกอดเธอ และพยักหน้าให้ “ใช่ เรามาถึงแล้ว ต่อไป ลูกก็จะใช้ชีวิตอยู่กับหม่ามี๊ที่นี่นะ ”
หนูรินจัง“……”
แม้จะคิดถึงพี่ชายทั้งสองคนมาก แต่ว่า เธอในตอนนี้ก็ตอบเพียง“อืม”กลับไปอย่างเชื่อฟัง
แม่ลูกสองคนออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว คณาธิปไม่อยู่แล้ว และเส้นหมี่เองก็ไม่ได้สนใจเขา หลังจากที่ออกมา เธอก็กำลังจะโบกแท็กซี่กลับบ้าน
และในตอนนี้เอง เด็กผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาเธอ“พี่ครับ ทางนี้ ผมอยู่นี่ ”
คือปอร์เช่ เป็นเขาที่มารับพวกเธอ
สงสัยตอนที่คณาธิปจะไปได้บอกเขาเอาไว้ละมั้ง
ภายในใจของเส้นหมี่นิ่งสงบ อุ้มลูกน้อยเด็กเข้ามาหา แล้วยื่นสัมภาระในมือให้กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไป
“ที่วอลล์สตรีทเป็นยังไงบ้าง ? ยังสาวมาไม่ถึงเราใช่ไหม?”
“ยังครับ อีริคจัดการทุกอย่างอยู่ เรื่องมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร พี่ครับ พี่ไม่ต้องกังวลไปนะ”ปอร์เช่ที่ถือกระเป๋าสัมภาระอยู่ พูดด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย
เมื่อเส้นหมี่ได้ยิน มุมปากก็มีเพียงรอยยิ้มเยาะเท่านั้น
ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงห้องเช่าที่คอนโด เส้นหมี่อุ้มรินจังเข้ามา แล้วฝากลูกไว้กับน้องชาย จากนั้นเธอก็โทรไปหาอีริค
แม้จะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่เมื่อกลับมา ก็ต้องโทรไปทักทายเขาสักหน่อย
ต่อจากนี้ เธอยังต้องพึ่งพาเขาอีก
เส้นหมี่ตัดสินใจว่าจะตั้งใจทำงาน เก็บเงิน เธอจะไม่คิดอะไรอีก หวังแค่ก่อนที่พ่อจะออกมาจากคุก จะเตรียมเงินทุกอย่างให้พร้อม
จากนั้น วชิรนันท์กรุ๊ปจะกลับมายืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ที่โชคดีกว่านั้นก็คือ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เธอก็ได้ร่วมงานกับอีริคทำอีกหลายโครงการใหญ่ขึ้นมา นอกจากนั้นในบัญชีก็มีเงินสะสมเป็นจำนวนมากขึ้นไปด้วย
“ปอร์เช่ ตอนนี้เรามีเงินทุนแล้ว ฉันอยากจะซื้อคฤหาสน์ตระกูลวชิรนันท์กลับมาก่อน เรารู้ไหมตอนที่ธนาคารเปิดประมูล ท้ายที่สุดแล้วใครเป็นคนซื้อมันไป ?”
ในวันนี้ หลังจากที่เส้นหมี่ได้ดูยอดเงินฝากในบัญชีแล้ว ทันใดนั้นก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา
ปอร์เช่ในตอนนี้กำลังทำบัญชีอยู่
หลายเดือนมานี้ อันที่จริงแล้วเขาก็นิ่งลงมาก ไม่ได้เหมือนตอนนั้นที่มาที่นี่กับเส้นหมี่ คอยตามติดเป็นเงา และช่างพูดช่างจา
ทว่า นานวันเข้า เส้นหมี่ก็เริ่มคุ้นชินกับเขาในแบบนี้
“ได้ครับ ผมจะไปเช็กให้ แล้วจะบอกพี่นะ”เขาตอบเธอกลับอย่างจริงจัง จากนั้นก็วางงานในมือลง แล้วไปเช็กเรื่องนี้ให้
ไม่กี่นาทีต่อมา ผลก็ออกมา
“คนที่ชื่อภูวัต น่าจะเป็นคนเมืองA ”
“ดี งั้นไปหาเบอร์โทรของคนคนนี้มา แล้วถามเขาดูว่าจะขายให้ได้ไหม ? ฉันยินดีจ่ายให้สองเท่าในราคาที่เขาจ่ายไปในตอนนั้น”
เส้นหมี่เสนอเงื่อนไขที่ใจป้ำของตัวเองออกไป
แต่คฤหาสน์ตระกูลวชิรนันท์ ไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ครอบครัวของพวกเขาย้ายมาจากทางเหนือในตอนที่เส้นหมี่อายุได้ห้าขวบ และคฤหาสน์หลังนั้น ดิลกก็ได้ซื้อมันมา หลังจากที่เริ่มทำธุรกิจ
ที่เส้นหมี่ยอมซื้อมันกลับคืนมาในราคาที่สูงแบบนี้ ก็เพราะบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆมากมายของครอบครัวพวกเขาในตอนนั้น
ปอร์เช่ไปจัดการเรื่องนี้ในทันที ไม่นาน หัวฟูๆเล็กๆ ก็โผล่มาที่ประตูอย่างเงียบๆ
โอ๊ะ หม่ามี๊กับน้ากำลังทำงานกันอยู่ งั้นเธอก็ใช้ช่วงเวลานี้แอบโทรหาพี่ชายได้อีกแล้วใช่ไหม?
ดวงตากลมโตของเด็กน้อยที่ราวกับผลองุ่นดำก็เป็นประกาย และทันใดนั้น เธอก็หันหลังแล้ววิ่งหนีหายไป ไปแอบอยู่ในห้องของตัวเอง แล้วโทรหาพี่ชาย