บทที่ 51 Ink Stone_Romance

สาเหตุของสถานการณ์พลุที่สนามนั้นยังไม่ถูกเปิดเผยแน่ชัด มีเพียงคำอธิบายว่าเป็นแค่ดอกไม้ไฟสำหรับประกอบการแสดงบนเวทีจึงติดตั้งไว้ตามที่ต่างๆ แล้วบังเอิญมีคนไปเหยียบมันจึงระเบิดขึ้น

โล่งอกที่มีแค่เสียงที่ดังโหวกเหวก เพราะไม่ใช่พลุขนาดใหญ่อะไรนักจึงแทบจะไม่มีคนที่ได้รับบาดเจ็บ มีบางคนที่บาดเจ็บเนื่องจาก ชนกันเองไม่ใช่เพราะประกายไฟพลุ ทางราชวังจึงแจ้งว่าจะช่วยดูแลรักษาให้

“แค่พริบตาเดียวก็หายไปแล้ว ตกใจแทบแย่”

เพราะรีบวิ่งไปพลางจับมืออาซ แม้จะรู้สึกเหมือนวิ่งออกไปไกล แต่ก็ได้มาถึงที่ที่คลาดกันเมื่อครู่แล้วก็สามารถกลับไปยังละแวกเดิมได้อีกครั้ง

‘…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ’

แม้จะผ่านไปไม่กี่วันแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์นั้น ราวกับอาซร่ายเวทมนตร์ทำให้เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดเสียงอย่างนั้น

‘อย่าคิดอีกเลย’

ปัญหาที่ไม่มีทางแก้ มัวคิดไปก็มีแต่จะทำให้ปวดหัวเท่านั้น

อาเรียส่ายหัวไปมา ทันใดนั้นแอนนี่ที่กำลังหวีผมให้อาเรียอยู่ก็ทำหวีตก

“อ๊ะ เลดี้คะ ขอโทษค่ะ”

เจสซี่ที่รินชาอยู่จึงเข้ามาถาม

“เป็นอะไรไหมคะ เลดี้”

“…….”

เมื่อก่อนก็ดูเหมือนว่าคอยคุยเล่นได้ดีนี่นา เหตุใดถึงได้รู้สึกรำคาญข้ารับใช้ที่มีถึงสองคนนี้กันนะ อาเรียที่ไม่ได้พูดอะไรตอบ พลางจงใจปิดหนังสือเสียงดัง ทำเอาข้ารับใช้ทั้งสองวุ่นวายกันไปหมด

“ดิฉันเปลี่ยนชาให้ไหมคะ”

“หรือไม่ชอบกลิ่นน้ำมันทาผมคะ”

“ให้เอาขนมมาให้ใหม่ไหมคะ”

“หรือว่าชอบผมแบบถักเปียคะ”

“พวกเธอ…”

ในขณะที่เธอกำลังจะตวาดเสียงดังให้ออกไป เมื่อได้สบตากับทั้งสองคนที่มีแววตาเหมือนแกะน้อยรอรับใช้ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย

“…เฮ้อ”

ท้ายที่สุดก็ปรับสีหน้าพลางเก็บคำไม่ดีนั้นไว้

ยังไม่ทันทำดีให้สักเท่าไหร่ เธอเลยพยายามไม่แสดงด้านไม่ดีนัก เป็นอย่างนี้เลยไม่เสียชื่อนางร้ายอย่างไรล่ะ

“…เอาไปเปลี่ยนแล้วก็ถือซะว่าไปพักผ่อนเลยละกัน เดี๋ยวจะให้เงินค่าจ้างไปด้วย”

“ดิฉันไม่มีที่ที่อยากไปนักหรอกค่ะ ถ้าไม่ได้ทำงานแล้วรู้สึกเบื่อน่ะค่ะ”

“ดิฉันก็เหมือนกันค่ะ ได้อยู่กับเลดี้ก็สนุกอยู่แล้วนี่คะ”

แต่อาเรียที่ใช้เวลาแต่ละวันหมดไปกับพวกหล่อนไม่ได้สนุกสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าใช้ชีวิตแบบหวาดกลัวด้วยซ้ำ แม้ตอนนี้จะดีกว่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม ทั้งยังเบื่อที่จะต้องคอยปรับตัวตามพวกหล่อนด้วย

‘แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็เบาใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หรือว่าเพิ่งเคยได้คนมาอยู่ฝั่งตัวเองครั้งแรกกันนะ’

แม้เจสซี่จะเป็นอย่างนั้นอยู่ก่อนแล้ว แต่แอนนี่ก็ยังไม่สามารถเชื่อใจได้อย่างสนิทใจ แต่จะว่าไปเธอก็ชอบที่มีพวกหล่อนพูดคุยนู่นนี่อยู่ข้างๆ เธอ

“แต่จะว่าไป เลดี้ได้ยินเรื่องนี้หรือยังคะ”

“อะไรเหรอ”

“เรื่องของเลดี้มิเอลน่ะค่ะ”

เธอสนุกกับภาพพวกนี้ เพราะเมื่อก่อนหล่อนที่เป็นสุนัขคอยถูกชักใยของมิเอล ตอนนี้กลับทรยศเจ้านายตัวเองหันมาสั่นหางอยู่ตรงหน้า

เมื่อเห็นว่าอาเรียสนใจอยู่นิดหน่อย หล่อนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเล่าเรื่องที่ได้ยินมา

“ได้ยินมาว่าส่งจดหมายให้ดัชเชสแห่งเฟรดเดอริกแล้วค่ะ”

ดัชเชสแห่งเฟรดเดอริกอย่างนั้นเหรอ จดหมายนั่นก็ด้วย

พอจะคาดเดาจุดประสงค์ได้แล้วล่ะ ดูเหมือนว่ามิเอลจะโน้มน้าวดัชเชสให้จัดการเรื่องหมั้นหมายล่ะสิ

ดัชเชสที่มีข่าวการหมั้นกับมกุฎราชกุมาร ถือเป็นการดุลอำนาจของท่านดยุกและเป็นผู้นำของเหล่าเลดี้ในตระกูลชนชั้นสูงอีกด้วย เท่าที่เธอจำได้ หลังจากที่หล่อนแต่งงานกับมกุฎราชกุมารก็จะช่วยถือหางท่านพ่อของตัวเองแล้วก็ทำให้ทั่วจักรวรรดิระส่ำระสายอีกด้วย

ท่านเคานต์โรสเซนต์ที่มองหล่อนเป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์ จึงส่งเสริมการหมั้นของมิเอลและออสการ์เพื่อความสนิทชิดเชื้อกัน

เพราะอย่างนั้นเคนและมิเอลที่มีอำนาจคอยหนุนหลังอยู่จึงสามารถบั่นคออาเรียได้อย่างง่ายดาย

การที่ทั้งสองสนิทสนมกันจึงไม่ดีต่ออาเรียเป็นอย่างมาก แต่จะว่าไปเธอก็ไม่มีหนทางที่จะขัดขวางมัน ทำได้แค่วางมืออยู่เฉยๆเท่านั้น

“งั้นหรือ”

อาเรียตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นแอนนี่ที่อยากได้รับความสนใจจากอาเรียอีกครั้งจึงเล่าเรื่องต่อ

“ส่วนเรื่องนั้น.. เห็นว่าเนื้อความเกี่ยวกับท่านออสการ์ด้วยล่ะค่ะ!”

“อย่างนั้นหรือ”

“ใช่ค่ะ! แม้จะไม่ได้ฟังรายละเอียดไปมากกว่านี้… แต่ว่าเป็นเรื่องงานหมั้นแน่นอนค่ะ!”

จะรู้ดีเกินไปไหมนะ เลือกเอาแต่ข้อมูลที่เจ้านายตัวเองต้องการพอดี ทำเอาเธอชอบใจเป็นอย่างมาก

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

“เรื่องนั้น…”

หล่อนที่ทำดีมาตลอด จู่ๆ ก็ปิดปากเงียบซะอย่างนั้น

ทำไมนะ หรือจะทำเรื่องไม่ดีกันนะ ดูท่าจะได้เวลาแล้ว อาเรียจึงแสดงสีหน้าราวกับกำลังสนใจเรื่องนั้น เพราะเธอสนใจว่าหล่อนไปเอาข้อมูลของมิเอลมาจากไหนกันแน่

“…ที่จริงแล้ว ไม่นานมานี้ดิฉันได้อ่านจดหมายของเลดี้มิเอลที่เขียนให้กับท่านออสการ์ด้วยล่ะค่ะ”

แน่ล่ะสิ หล่อนเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนซึมลึกลงไปถึงกระดูกด้วยซ้ำ อิจฉาทรัพย์สมบัติของเจ้านายตัวเอง คอยหลอกล่อมาเรื่อยๆ แม้จะมาอยู่กับเธอแล้วมีหรือที่จะไม่ทรยศอีก ทันใดนั้นอาเรียก็หรี่ตาลง แอนนี่จึงรีบแก้ตัวอย่างทันควัน

“นะ..แน่นอนว่า ดิฉันไม่เคยอ่านจดหมายของเลดี้อาเรียเลยนะคะ! เพราะเลดี้ปิดผนึกจดหมายไว้แน่นหนาตั้งแต่แรกไงล่ะคะ”

“งั้นถ้าฉันไม่ปิดผนึกให้แน่นหนาก็จะเปิดอ่านอย่างนั้นหรือ”

“ไม่มีทางค่ะ! ไม่แน่นอนค่ะ!”

แอนนี่บอกปฏิเสธพลางส่ายมือไปมา

ไม่สิ ถ้าเป็นหล่อนล่ะก็จะต้องเปิดจดหมายที่ไม่ได้ปิดแน่นหนาแน่ๆ แม้หล่อนจะทำนิสัยแบบนั้น แต่เธอก็ไม่ได้จะดุว่าอะไร แอนนี่ไม่มีทางทรยศเธออยู่แล้วอย่างไรล่ะ

คงจะสงสัยความลับของมิเอลที่ทำเป็นทะนงตัวอยู่คนเดียวล่ะสิ ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลพวกนั้นก็มีส่วนช่วยกับตัวเองด้วย

แค่อ่านจดหมายจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรไป อาเรียยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางปลอบแอนนี่

“นั่นสิ แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเชื่อใจเธอนะ แอนนี่”

“…จริงหรือคะ”

“อาจจะบังเอิญเห็นก็ได้นี่เนอะ ตอนที่ทำความสะอาดอยู่ดันไปเห็นจดหมายคลี่อยู่บนโต๊ะ หรือว่าเห็นมันตกอยู่ที่พื้นนึกว่าของที่ทิ้งเลยจะดูให้แน่ใจก็ได้”

อาเรียให้โอกาสแอนนี่ได้พูดโกหกอย่างเป็นธรรมชาติ หากเลือกจากทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็จะยิ้มและบอกว่าทำดีแล้วพลางชื่นชมหล่อน

“ใช่ค่ะ…! ดิฉันบังเอิญเห็นตอนกำลังทำความสะอาดค่ะ!”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ”

“เลดี้…! ขอบคุณที่เชื่อดิฉันนะคะ”

แล้วเนื้อความจดหมายว่าอย่างไรล่ะ อาเรียส่งสายตาให้แอนนี่พูดสิ่งที่ตนได้เห็นมา

“ดิฉันพูดถึงไหนแล้วนะคะ อ๋อ! ในจดหมายที่จะส่งให้ดัชเชสนั้น ดูเหมือนว่าท่านออสการ์จะยุ่งจนไม่ได้มีโอกาสพบกันเท่าไหร่เลยเสียดายกับอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ จะได้อยู่ด้วยกับท่านออสการ์น่ะค่ะ”

รู้อำนาจที่แท้จริงของท่านดยุกทั้งยังเขียนจดหมายไปให้อีก ดูเหมือนว่าจะยังพูดไม่จบ แอนนี่จึงพูดต่อ

“ตอนท้ายสุดมีที่เขียนว่าต้องการความช่วยเหลือจากดัชเชสด้วยค่ะ แล้วก็จดหมายยาวเหยียดนั้น เนื้อความส่วนใหญ่เกี่ยวกับท่านออสการ์ค่ะ แต่สำหรับดัชเชสที่ได้รับจดหมายนั้นมีแค่คำถามไถ่ทั่วไปแค่ประโยคเดียวเท่านั้นค่ะ”

แอนนี่บอกว่าคนธรรมดาก็ไม่เขียนแบบนั้นเหมือนกับเน้นข้อด้อยของมิเอล ที่ผ่านมาหล่อนทนมาได้อย่างไรกันนะ

“อย่างนั้นหรือ หวังว่าดัชเชสที่ได้รับจดหมายของมิเอลคงจะไม่ผิดหวังไปเสียก่อนนี่สิ… อ้อ เจสซี่ ช่วยไปรินชามาให้ใหม่ได้ไหม ข้าอยากจะดื่มชาเขียวให้สมองโล่งเสียหน่อย”

“ได้ค่ะ เลดี้ รอสักครู่นะคะ”

ทันทีที่เจสซี่ออกไปจากห้องเธอสะบัดมือให้แอนนี่ก้มหัวลงมา จากนั้นหล่อนก็คุกเข่าลงสงบเสงี่ยมราวกับลูกสุนัขแสนเชื่อง เธอจึงลูบผมแอนนี่อย่างนุ่มนวล พร้อมกับกล่าวชมว่าทำได้ดีแล้ว

“วันนี้ผมเธอดูโล่งๆ ไปนะ เอาสีม่วงดีไหมนะ หรือว่าสีเขียวดี”

“….สีม่วงค่ะ”

“ได้สิ เอาอย่างนั้นเลย”

ต้องให้รางวัลสุนัขที่แสนเชื่องหน่อยซะแล้ว ต้องทำเพียงเพื่อจะได้รางวัลที่ไม่ใช่การลูบหัว หล่อนต้องขโมยข้อมูลอะไรสักอย่างมา แล้วต้องเป็นข้อมูลที่ดีด้วย

หล่อนดูออกว่าอาเรียจงใจให้เจสซี่ออกไป จึงรีบไปเปิดกล่องพลอยพลางหยิบปิ่นปักผมสีม่วงออกมา คริสตัลไวโอเลต

แม้จะหายาก แต่ตระกูลชนชั้นสูงไม่ค่อยนิยมใช้กันสักเท่าไหร่ ทำให้ราคาถูกลงเมื่อเทียบกับพลอยจริงๆ เหล่านั้น

เพราะเช่นนั้นจึงดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมชั้นสูง ในหมู่คนธรรมดาทั่วไป เพราะแม้จะสวมใส่พลอยจริงๆ ก็ไม่มีใครมองออกอย่างไรล่ะ

ตอนแรกที่ให้รางวัลหล่อนเป็นคริสตัลที่มีสี หล่อนดีใจเหมือนกับได้รับเข็มกลัดทองด้วยซ้ำจึงเอาให้อีกสองสามชิ้น สามารถได้ข้อมูลที่มีคุณภาพในราคาถูก หล่อนเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างดีเลยล่ะ

เมื่อเอาปิ่นปักผมทาบผมตัวเองแล้วดูเหมือนว่าจะเข้ากัน แอนนี่ที่มองกระจกเห็นตัวเองหน้าแดงก่ำอยู่นั้น ก็นึกอะไรออกจึงเปิดปากพูด

“แต่จะว่าไป เลดี้คะ”

แอนนี่ที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าจริงจังขึ้น ทำให้อาเรียหันไปมอง จะพูดอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ

“เอ่อ ท่านออสการ์ไม่ได้สนใจเลดี้มิเอล แต่ว่าสนใจเลดี้อยู่ไม่ใช่หรอกเหรอคะ”

เพราะถามด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังมาก ทำให้อาเรียยกยิ้มขึ้น ในสายตาของเจ้าก็คิดแบบนั้นสินะ

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ก็… สำหรับเลดี้มิเอลแล้วยังไม่ส่งจดหมายให้เลย แต่เลดี้อาเรียท่านกลับตอบรับจดหมายอยู่เดือนละหลายครั้ง อีกทั้ง…”

“อีกทั้งอะไร”

“ที่จริงแล้วมีข่าวลือกันในหมู่ข้ารับใช้น่ะค่ะ ก็ที่ท่านออสการ์มางานวันเกิดของเลดี้มิเอลน่ะค่ะ แม้จะเป็นงานวันเกิดเลดี้มิเอล แต่กลับไปนั่งคุยกับเลดี้อาเรียอยู่ในสวนกันสองต่อสอง มีคนเห็นอย่างนั้นน่ะค่ะ”

หล่อนพูดพลางเอียงคอมองเหมือนกับถามว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า ใช่สิ วางมาดไปมาแบบนั้น จะไม่ให้เขาลือได้อย่างไรกัน แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่อาเรียก็พยายามเก็บรอยยิ้มนั้นไว้

ข่าวลือนั้นจะเข้าหูมิเอลบ้างหรือเปล่านะ ข้ารับใช้ของหล่อนคงจะชอบพูดไปเรื่อยพอๆ กับแอนนี่ ต้องได้ยินแล้วแน่นอน

แล้วก็ที่ส่งจดหมายนั่นก็ด้วย ท้ายสุดแล้วหล่อนจะแสดงสีหน้าอย่างไรกันนะ เธอสงสัยพลางเบ้ปากดั่งใจคิด

“แล้วก็ ชุดเดรสนั่นด้วยค่ะ”

“…อ๋อ”

“จะให้ของขวัญชุดเดรสคล้ายกันได้อย่างไรล่ะคะ”

เพราะดูเหมือนว่าหล่อนไม่เข้าใจสถานการณ์นี้อย่างไรล่ะ ไม่ใช่แค่แอนนี่ที่ไม่เข้าใจหรอกนะ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักคน

ทั้งอาเรียที่เป็นคนสร้างเรื่อง ออสการ์ที่หลงเชื่ออย่างง่ายดายจนเหมือนกับฝันไปซะอย่างนั้น

“อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่ดิฉันหรอกค่ะ ตอนนี้ข้ารับใช้ในคฤหาสน์ต่างคิดแบบนี้กันหมด ว่าคนที่ท่านออสการ์มีใจให้เป็นเลดี้อาเรียแน่นอน ไม่ผิดแน่ค่ะ”

หล่อนเต็มไปด้วยความมั่นใจ

อาเรียกลั้นยิ้มพลางทำสีหน้าเรียบเฉย

“ถ้าข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นฉันก็เป็นนางร้ายเพียงคนเดียวสินะ เพราะดันไปขโมยหัวใจผู้ที่น้องสาวรักและคิดถึงอย่างไรล่ะ”

“ไม่มีทางค่ะ! เพราะว่ายังไม่มีงานหมั้นอย่างเป็นทางการ จะเปลี่ยนใจเปลี่ยนคนชอบก็ย่อมได้อยู่แล้วนี่คะ”

“งั้นหรือ”

“แน่นอนสิคะ”

ถ้าจงใจจะแย่งมาก็ได้อย่างนั้นจริงเหรอ แต่จะว่าไป ไม่รู้ว่าแอนนี่จะตอบว่าใช่แน่นอนสิคะอีกครั้งหรือเปล่า

เพราะหล่อนที่อิจฉาริษยาเจ้าของตัวเอง ด้วยทางใดก็แล้วแต่อยากจะเลื่อนตำแหน่งตัวเองเสียเต็มแก่ เธอเข้าใจมันดี

“คุยกันวันนี้ได้ประโยชน์เยอะแยะเลยล่ะ ฉันจะคาดหวังครั้งถัดไปนะ แอนนี่”

แอนนี่รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า หากอาเรียพอใจที่จะคุยแบบนี้เรื่อยๆ อีกไม่นานเธออาจจะได้รางวัลที่มากกว่าพลอยก็เป็นได้

……………………….