ตอนที่ 678 เกาะลอยฟ้านครแห่งดาบ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 678 เกาะลอยฟ้านครแห่งดาบ
เปาเฉิงโฉ่วเร่งรีบออกไปดูสถานการณ์ที่ด้านนอก
ฉินหยุนและคณะต่างตามติดออกไป จึงได้พบเห็นเรือบินลำใหญ่สีดำ
กำลังปล่อยละอองหมอกสีดำไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก
เรือทั้งสองลำต่างมีม่านพลังคุ้มกัน ดังนั้นการปะทะจึงไม่ได้สร้าง
ความเสียหายอะไร
ได้เห็นออร่าชั่วร้ายปรากฏจากเรืออีกฝ่าย สีหน้าของเปาเฉิงโฉ่วจึง
ดำมืด “นั่นเป็นเรือของสำนักอสูรในแดนอสูรอ้างว้าง!”
ที่แดนอสูรอ้างว้าง ถึงกับมีเรือบินอันแข็งแกร่งเพียงนี้ อย่างนั้นย่อม
ต้องเป็นสำนักอสูรที่เรืองอำนาจ
“เจ้าจงใจอย่างนั้นหรือ?” เปาเฉิงโฉ่วตะโกนถามอย่างกราดเกรี้ยว
“ใช่แล้วอย่างไร? ผู้ใดใช้ให้เจ้ามาบินนำหน้าพวกเรา!” อีกฝ่ายเป็น
ชายชราเส้นผมสีเหลืองปรากฏตัวบนดาดฟ้าเรือ เขาตะโกนดังพร้อม
ยิ้มเย็นเยียบ “ตาเฒ่าเน่าเฟะ พวกเราจงใจชนเรือเจ้าเอง!”
ใบหน้าเปาเฉิงโฉ่วดำมืด หมัดนั้นต้องกำเอาไว้แน่น
เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยเสียงเบา “จ้าวสำนัก สังหารพวกมันให้หมด!”
“ข้าคือจ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์ เปาเฉิงโฉ่ว! ข้าจะให้โอกาส
แก่พวกเจ้า หากยอมขออภัยจากใจ ข้าจะยอมปล่อยวางเรื่องนี้!” เปา
เฉิงโฉ่วกล่าว
“ข้ามาจากตำหนักโทเทม แล้วเจ้าเป็นตัวอะไร? สวะต่ำต้อยที่ไร้
นาม!” ชายชราเส้นผมสีเหลืองแค่นเสียง “แม้นครเซียนยุทธภัณฑ์มี
ชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย ทว่าเจ้าคล้ายไม่ใช่!”
เปาเฉิงโฉ่วมีโทสะ เขาคือจ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์ กระนั้น
เวลานี้ เขากำลังถูกสำนักอสูรกล่าววาจายั่วยุ
“อย่างนั้นจงไปรับรู้ในปรโลก!”
เปาเฉิงโฉ่วพลันนำเอาถ้วยอัคคีร้อนแรงขนาดใหญ่ออกมาพร้อม
โยนมันสู่ห้วงอากาศเบื้องหน้า
ฟึ่บ!
ถ้วยขนาดใหญ่ยักษ์เริ่มหมุนตัวพร้อมปลดปล่อยเสียงอัคคีเพลิงลุก
โชนออกมา
พร้อมเสียงระเบิด คลื่นอัคคีเพลิงได้แปรเปลี่ยนเป็นเสาอัคคีปะทะ
เข้ากับเรือสีดำลำใหญ่
เปาเฉิงโฉ่วโจมตีอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายไม่มีเวลาได้ทันตอบสนอง
หลังถูกลูกไฟยักษ์เข้าโจมตี เรือสีดำอีกฝ่ายจึงหักกลางลำ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เรือขนาดใหญ่ที่เพิ่งแตกออกกลางลำ ขณะนี้พลันระเบิดออกเป็น
ชิ้นส่วนที่ถูกเผาไหม้ด้วยอัคคีเพลิง
“น้ำมันสัตว์!” ฉินหยุนอุทานขึ้น “เรือลำนั้นบรรทุกน้ำมันสัตว์ปริมาณ
มหาศาลมาด้วย!”
เรือบินสีดำมีความยาวกว่าหนึ่งพันเมตร เพียงพริบตามันกลับ
กลายเป็นเศษซากเรือเพราะเปาเฉิงโฉ่ว
และที่เปาเฉิงโฉ่วปลดปล่อยออกไปเมื่อครู่ เป็นอุปกรณ์เซียน
ผู้คนภายในเรือถูกอัคคีเพลิงเข้ากลืนกินในพริบตา แม้คิดหลบหนีก็
ไม่อาจ
ชิ้นส่วนเศษซากเรือบินร่วงโรยลงสู่เบื้องล่าง น้ำมันสัตว์ปริมาณ
มหาศาลที่บรรทุกมา เริ่มหยาดหยดลงสู่พื้นกลับกลายเป็นทะเลเพลิง
ผู้ฝึกตนอสูรหลายคนในเรือตรงหน้า ต่างกรีดร้องเจ็บปวดท่ามกลาง
ทะเลเพลิง
ชายชราเส้นผมสีเหลืองซึ่งกล่าววาจายั่วยุเปาเฉิงโฉ่ว เวลานี้บินเผ่น
หนีหายด้วยความหวาดกลัวเป็นล้นพ้น เขาแทบไม่เชื่อ ว่าจ้าวสำนัก
ของนครเซียนยุทธภัณฑ์จะหาญกล้าถึงขั้นทำลายเรือของพวกเขา
“พวกมันขนน้ำมันสัตว์ไปส่งที่ตำหนักจารึกเทวะอย่างนั้นสิ?” เปา
เฉิงโฉ่วมองที่เศษซากกลางอากาศก่อนจะหัวเราะดัง “พวกคนของ
ตำหนักโทเทม มักเอาแต่ทำตัวเป็นผู้เหนือกว่า ก่อการอหังการอวดดี
เสมอในแดนอสูรอ้างว้าง กระทั่งมาถึงแดนวิญญาณอ้างว้าง ยังไม่
รู้จักสำเหนียกตนเองว่าควรต้องระวังผู้ใด!”
ตำหนักโทเทมถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของฉินหยุนมายาวนาน กล่าวได้
ว่าตำหนักโทเทมเป็นหนึ่งในสำนักอสูรชั้นแนวหน้าของแดนอสูร
อ้างว้าง
“จ้าวสำนัก เหตุใดท่านไม่จัดการตาเฒ่าผมเหลืองนั่นไปด้วย?” เจี้ยน
รั่วหยานถามขึ้น “ด้วยกำลังท่าน คิดสังหารมันย่อมทำได้!”
“เป็นข้าเจตนาให้มันได้หลบหนี มันจะได้กลับไปรายงานต่อตำหนัก
โทเทม! เมื่อครู่ไม่ใช่มันหรือที่บอกว่าข้าไร้ชื่อเสียง? เช่นนั้นให้ข้า
ได้สร้างชื่อบ้างแล้ว!”
หลังได้รับตำแหน่งจ้าวสำนัก เปาเฉิงโฉ่วเก็บตัวเงียบมาโดยตลอด
ดังนั้นจึงมีแต่พวกคนเฒ่าชราระดับเดียวกันจึงทราบว่าเขาเป็นใคร
ครานี้ เขาแสดงตัวและกำลังในฐานะจ้าวสำนัก ดังนั้นย่อมไม่คิด
หวั่นเกรงต่อผู้ใด
และเมื่อครู่ ก็เป็นอีกฝ่ายจากตำหนักโทเทมที่ยั่วยุต่อพวกเขาก่อน
“หากเป็นท่านบรรพบุรุษที่โดนยั่วยุ เขาก็คงทำเช่นเดียวกัน!” เจี้ยน
รั่วหยานหัวเราะกล่าว
“ย่อมไม่ใช่ หากเป็นเจี้ยนสือเทียนถูกยั่วยุเพียงนี้ เขาคงสังหารเข่น
ฆ่าไปจนถึงตำหนักโทเทม ทั้งยังจะทำให้ทั้งตำหนักโทเทมออกมา
ขอขมา! ข้ายอมรับว่ากำลังข้าไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าเจี้ยนสือเทียน เพราะ
เหตุนั้นจึงไม่อาจทำดังเช่นเขาได้” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะรับ
ฉินหยุนกล่าว “จ้าวสำนัก ไม่ใช่ว่าเรือลำเมื่อครู่เดินทางไปทิศทาง
เดียวกับเราหรือ คงไม่ใช่ว่าพวกนั้นก็เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ด้วย?”
เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้ว “กระทั่งว่าตำหนักเซียนดาบต้องการน้ำมัน
สัตว์ปริมาณมหาศาล พวกเขาย่อมไม่ซื้อหามันจากตำหนักโทเทม!
หลายขั้วอำนาจในแดนวิญญาณอ้างว้าง ต่างติดต่อทางธุรกิจกับสำนัก
อสูรในทางลับ ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทำธุรกิจครั้งใหญ่
ในที่แจ้งอย่างแน่นอน!”
“เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจไปสร้างปัญหา!” เปาเฉิงโฉ่วมองไปยังทิศ
ทางไกลห่าง “ข้าได้ทราบข่าวคราวมา หลายสำนักอสูรที่เรืองอำนาจ
คิดอยากเข้าร่วมงานประลองยุทธ์เพื่อหาความสนุกสนาน”
“งานประลองยุทธ์จัดขึ้นที่ตำหนักเซียนดาบ สำนักอสูรเหล่านั้นยัง
กล้าคิดก่อปัญหา ไม่นับเป็นการรนหาที่ตายหรืออย่างไร?”
เจี้ยนรั่วหยานรู้จักตำหนักเซียนดาบเป็นอย่างดี นางคิดว่าไม่น่าจะมี
ทางเกิดเรื่องเช่นนั้นได้
“สมควรเป็นตำหนักจารึกเทวะเชิญตัวมา! เพราะตำหนักจารึกเทวะ
ยอมตกลงรับเงื่อนไขของเจี้ยนสือเทียน ที่จะให้จัดงานประลองที่
ตำหนักเซียนดาบ เจี้ยนสือเทียนก็ต้องตกลงเงื่อนไขถึงระดับหนึ่ง
ด้วยเช่นกัน!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “ดังนั้นแล้ว เป็นไปได้สูงยิ่งว่าสำนัก
อสูรเหล่านั้นจะเป็นตำหนักจารึกเทวะเชื้อเชิญมา!”
“มันไม่ใช่แค่งานประลองยุทธ์หรือ? เหตุใดตำหนักจารึกเทวะจึงให้
ความสำคัญมากมายเพียงนี้?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวเกินกว่าที่ตนจะ
เข้าใจได้
เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะกล่าว “งานประลองยุทธ์นี้ไม่ใช่ธรรมดาดังที่
คิด! ตำหนักจารึกเทวะเพียงรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน ทว่าเบื้องหลัง
นั้นคือสำนักเก้าตะวัน!”
สำนักเก้าตะวัน!
นับเป็นเวลายาวนานนักที่ฉินหยุนไม่เคยได้ยินผู้อื่นกล่าวถึงนามนี้
ย้อนกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง หลายคนจากสำนักเก้าตะวันได้
ปรากฏตัว ภายหลังพวกเขาต่างเคลื่อนย้ายมายังแดนวิญญาณอ้างว้าง
กระนั้นไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด
“ในแดนวิญญาณอ้างว้าง พื้นที่ซึ่งพวกเราอยู่อาศัยเรียกขานกันว่าเขต
แดนนอก นอกจากนั้นแล้ว ยังคงมีเขตแดนลึกล้ำ และเขตแดนโบราณ
สำนักเก้าตะวันตั้งอยู่ที่ใจกลางของเขตแดนลึกล้ำและปกครองที่นั่น
กล่าวได้ว่าพวกเขาคือตัวตนเรืองอำนาจที่สุด และมีอิทธิพลต่อการ
คงอยู่ของตำหนักจารึกเทวะ!”
“หลายปีก่อน พวกเขามีการเคลื่อนไหวในเขตแดนนอกอยู่บ้าง แต่
ภายหลังก่อตั้งตำหนักจารึกเทวะ พวกเขาจึงถอนตัวกลับเขตแดนลึก
ล้ำ” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว
ก่อนหน้านี้ ครั้งอู่หมิงซวีมาพบฉินหยุน เขาได้เอ่ยถึงเรื่องการสำรวจ
เขตแดนลึกล้ำในแดนวิญญาณอ้างว้าง หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้ข่าว
คราวใดของอีกฝ่ายเลย
“นั่นไม่ใช่หมายความถึงสำนักเก้าตะวันแข็งแกร่งเลิศล้ำหรือ? หาก
พวกเขามาที่นี่ จะสามารถยึดครองสำนักเซียนได้เลยหรือไม่?” ฉิน
หยุนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“แม้พวกเขาแข็งแกร่งเลิศล้ำ แต่หากคิดยึดครองสำนักเซียน พวกเขา
ก็ต้องจ่ายราคาสูงล้ำ! สาเหตุว่าทำไมพวกเขาไม่เคลื่อนไหวในเขต
แดนนอกมายาวนาน ก็เพราะหลายสำนักต่างแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งมาพวก
เขายิ่งไม่ยอมรับการควบคุมโดยกดขี่ ทว่าพวกเราสำนักเซียน ก็มี
การติดต่อทางลับกับพวกเขามาบ้างโดยตลอด” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว
“สาเหตุว่าทำไมหลายสำนักสามารถเติบโตขึ้นได้ ทั้งหมดก็เพราะ
สำนักเก้าตะวัน!”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนเคยได้ยินว่าในแดนวิญญาณอ้างว้างมีหลายขั้ว
อำนาจและตระกูลชนชั้นสูงมากมาย พวกเขาต่างเชื่อมโยงถึงสำนัก
เก้าตะวันในทางลับ
“แล้วความสำคัญของงานประลองยุทธ์อยู่ที่ใดกัน? หากพวกเราชนะ
ได้อันดับหนึ่ง พวกเราก็จะได้รับความสามารถเทวะ และก็เป็นตำหนัก
จารึกเทวะที่นำความสามารถเทวะนั้นออกมามอบ! มันก็เท่านั้นเอง
นี่!” ฉินหยุนกล่าว “เหตุใดท่านจึงคิดว่าตำหนักจารึกเทวะตั้งค่างาน
นี้เอาไว้สูงนัก?”
“ฉินหยุน หากพวกเราได้รับอันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์ พวกเรา
จะได้รับสิทธ์ิจากตำหนักจารึกเทวะ! เป็นเวลาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่
ผู้ที่ได้รับอันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์จะเป็นฝักฝ่ายทั้งหลายของ
ตำหนักจารึกเทวะ จากนั้นจึงเป็นตำหนักเซียนดาบ”
“ตำหนักจารึกเทวะสร้างขึ้นโดยหลายขั้วอำนาจ และพวกเขาจึงค่อย
แต่งตั้งผู้ดูแลมารับช่วงต่อ”
“ตอนนี้ สิทธ์ิของผู้ดูแลนั้นได้เติบโตมากขึ้น พวกเขาคิดเมินเฉยต่อ
ขั้วอำนาจอื่น และคิดควบคุมตำหนักจารึกเทวะเอาไว้โดยพวกของ
ตนเอง! พวกเขาจึงเป็นกังวลว่าพวกตนเองจะถูกกวาดล้างออกไป
ดังนั้นจึงจัดงานประลองยุทธ์ขึ้น ตราบเท่าที่ศิษย์ผู้ใดได้รับอันดับ
หนึ่ง ขั้วอำนาจเบื้องหลังพวกเขาจะได้เข้าไปมีสิทธ์ิจัดการเรื่องราว
ในตำหนักจารึกเทวะ”
เปาเฉิงโฉ่วได้บอกเล่าความลับเหล่านี้ออกมา
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าเบื้องลึกของงานประลองยุทธ์จะลึกล้ำเพียงนี้
กระนั้นเขาก็คิดว่ามันจะต้องไม่ได้มีเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน
“สำหรับเรื่องจำเพาะเจาะจงกว่านี้ข้าไม่มั่นใจเท่าใดนัก เพราะนคร
เซียนยุทธภัณฑ์ของเราไม่เคยได้รับอันดับหนึ่งมาก่อน เพราะอย่าง
นั้น คราวนี้ก็เป็นโอกาสที่พวกเจ้าจะไปคว้ามันมา!” เปาเฉิงโฉ่วยิ้ม
กล่าว
“จ้าวสำนักอย่าได้กังวล พวกเราจะช่วยเหลือนครเซียนยุทธภัณฑ์คว้า
เอาอันดับหนึ่งนั้นมาให้ได้!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวออกอย่างมาดมั่น
“น้องหยาน ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกหรือว่าตนเองหาได้ดีทัดเทียมเจี้ยนหนัน
หู่?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
เจี้ยนรั่วหยานครวญครางก่อนจะเดินหนีหาย
เรือบินลำใหญ่เดินทางอยู่สองวัน ในที่สุดฉินหยุนและคณะจึงค่อย
มาถึงตำหนักเซียนดาบ
ตำหนักเซียนดาบเป็นเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่ยักษ์ มันสูงเหนือพื้น
กว่าหนึ่งหมื่นเมตร เพียงมองจากแต่ไกล ก็สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้
พบเห็นได้ไม่น้อยแล้ว
ระหว่างเดินทาง เจี้ยนรั่วหยานได้บอกเล่าถึงความลึกลับของเกาะลอย
ฟ้าแห่งนี้ มันคงอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณ และด้วยศิลาลึกลับบางอย่าง
ภายในเกาะ จึงทำให้มันยังสามารถลอยตัวอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ที่บนเกาะมีเมืองขนาดใหญ่ไม่ด้อยไปกว่านครเซียนยุทธภัณฑ์ นาม
นั้นคือนครแห่งดาบ และที่ศูนย์กลางของเมือง มันคือคฤหาสน์ขนาด
ใหญ่ยักษ์ และตำหนักเซียนดาบก็ตั้งอยู่ในอาณาเขตคฤหาสน์ดังกล่าว
เรือบินขนาดยักษ์ค่อยหยุดเทียบท่าบริเวณพื้นที่มุมเกาะ มันไม่อาจบิน
เข้าไปได้ เพราะทั้งเกาะมีม่านพลังอันแข็งแกร่งเป็นปราการคุ้มภัย
หลังลงจากเรือ พวกเขาจึงโดยสารเรือบินลำน้อยที่ตำหนักเซียนดาบ
ส่งมา ออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าไปยังตำหนักเซียนดาบที่อยู่ใจกลาง
เมือง
บนเรือบินลำน้อยมีผู้คนกว่ายี่สิบ ออกจะแออัดไปบ้าง กระนั้น
ความเร็วหาได้เชื่องช้าแต่อย่างใดไม่
“ตำหนักเซียนดาบช่างอนาถานัก!” ฉินหยุนพูดเสียงเบา “ถึงกับส่ง
เรือลำเล็กเพียงนี้มารับแขกเหรื่อ!”
ฉินหยุนไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่คิดเช่นนี้ กระทั่งเจี้ยนรั่วหยานยังคิดไม่
ต่างกัน แม้ผู้อื่นคิดเห็นเหมือนกัน กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าพูดกล่าว
เพราะเจี้ยนรั่วหยานอยู่ร่วมด้วย
ชายวัยกลางคนจากตำหนักเซียนดาบที่ควบคุมเรือ พลันต้องเร่งร้อน
อธิบาย “เดิมพวกเรามีเรือต้อนรับแขกพิเศษขนาดใหญ่มากมายนัก
กระนั้นพวกมันถูกตำหนักจารึกเทวะหยิบยืมไปจนหมดสิ้น เดิม
พวกเราต้องได้คืนภายในสองวันก่อนหน้า กระนั้นพวกเขากลับไม่
ส่งมอบกลับคืน”
“ตำหนักจารึกเทวะ?” เปาเฉิงโฉ่วขมวดคิ้วกล่าว “เหตุใดพวกเจ้าให้
พวกนั้นหยิบยืมไป?”
“ข้าไม่อาจทราบ!” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ
“ผู้คนจากตำหนักจารึกเทวะช่างโฉดชั่วนัก เหตุใดจึงต้องให้พวกมัน
ได้หยิบยืม?” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวอย่างมีโทสะ
“ตำหนักเซียนดาบและตำหนักจารึกเทวะสมควรต้องตกลงอะไรกัน
บางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน” เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “ในตำหนักจารึก
เทวะ ไม่ใช่ว่ามีแต่สิ่งโสมม พวกเขาจำนวนหนึ่งที่ดีก็ยังมีหลงเหลือ!”
“คนดีเหล่านั้นทำอะไรกันบ้าง? พวกมันก็แค่อาศัยอำนาจบาตรใหญ่
จนเคยตัว!”
เจี้ยนรั่วหยานเกือบถูกศิษย์ร่างเซียนของตำหนักจารึกเทวะข่มขืน
ดังนั้นนางในเวลานี้ย่อมไม่หลงเหลือความประทับใจที่ดีอันใดต่อ
ตำหนักจารึกเทวะ
ย้อนกลับไปครั้งฉินหยุนอยู่ที่แดนยุทธ์อ้างว้าง เขาเองก็คิดว่าเบื้อง
บนของตำหนักจารึกเทวะล้วนสารเลวหมดสิ้น มีเพียงเล็กน้อยที่ยัง
กล่าวได้ว่าดี
“เรือต้อนรับแขกพิเศษกลับมาแล้ว!” ชายวัยกลางคนพลันมองขึ้นฟ้า
พร้อมอุทานดัง
เรือต้อนรับแขกพิเศษใหญ่โต ความยาวกว่าร้อยเมตร ส่วนทางด้าน
เรือบินที่ฉินหยุนและคณะโดยสารแออัดกันอยู่ ยาวเพียงกว่าสิบ
เมตรเท่านั้นเอง
เรือบินต้อนรับแขกพิเศษค่อนข้างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ทิ้งห่างพวก
เขาไปไกล
ไม่นานจากนั้น เปาเฉิงโฉ่วค่อยนำฉินหยุนและคณะมุ่งหน้าสู่
คฤหาสน์เซียนดาบ
“ผู้ฝึกตนอสูร… เรือต้อนรับแขกพิเศษนั่นถึงขั้นไปรับตัวผู้ฝึกตน
อสูร!”
เจี้ยนรั่วหยานพอได้เห็นกลุ่มคนจากเรือต้อนรับแขกพิเศษที่อัดแน่น
ด้วยพลังงานชั่วร้าย นางไม่อาจอดกลั้นจนต้องร้องโพล่งออกด้วยโทสะ