นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 552 เตรียมตัวมาแล้ว
“ผู้ชายงั้นหรอ”พอคำนี้ออกมาทั้งสองก็หัวเราะเยาะ คำพูดที่เต็มไปด้วยการเหน็บแนม
หลิวเสี่ยวหนิงที่มองดูอยู่ นักแสดงหญิงทั้งสองคนเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น ปกติมักจะเข้าใกล้เฉินจุนเหยียนเพื่อเกาะกระแส ไม่ต้องพูดก็รู้ว่ามีใจคิดสกปรก
“เธอว่าจะมีคนทำอะไรกับเธออย่างนั้นจริงหรอ ดูสิผอมอย่าสงกับไม้เสียบผีเห็นแล้วไม่เจริญตาเอาเสียเลย
หลิวเสี่ยวหนิงที่ได้ยินอย่างนั้นไม่เพียงแต่ก้มหน้ามองตัวเอง แต่ยังรู้สึกโกรธมาก
ถึงแม้เธอไม่ใช่คนที่มีรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่ก็ไม่ได้ผอมเหมือนไม้เสียบผีมั้ย
ทันใดนั้นเอง หลิวเสี่ยวหนิงรู้ว่าความให้เกียรติของตนกำลังถูกท้าทาย แล้วก็ผลักประตูเข้าไป
“ผอมเหมือนไม้เสียบผีแล้วยังไงก็เป็นธรรมชาตินะ ดีกว่าบางคนที่ต้องใช้เงินถึงจะได้มา”
หลิวเสียวหนิงหัวเราะเยาะเบาๆ มองหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาดูถูก
ทั้งสองคนต่างคิดไม่ถึงว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะเข้ามากะทันหัน ต่างก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หนึ่งในสองคนพยายามฝืนยิ้ม แล้วเอยพูด
“เสี่ยวหนิง….บังเอิญขังเลยนะ เธอมาล้างเครื่องสำอางหรอ”
“ทำไมไม่พูดต่อละ ฉันยังอยากจะฟังพวกเธอวิจารณ์ฉันอยู่เลยนะ “หลิวเสี่ยวหนิงที่ยืนพิงอยู่ขอบประตู ยกยิ้มหัวเราะเหน็บแนม
“พวกเรา……..”
นักแสดงหญิงที่สวมชุดแดงที่ฝืนยิ้มไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังหน้าด้านกำลังจะพูดอะไร แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอกลับเดินไปข้างหน้าชิดกับหลิวเสี่ยวหนิง
“ว่าเธอแล้วยังไง เธอเป็นใครก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ อย่ามาทำเป็นหน้าไม่อาย คิดว่าตัวเองมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังให้แล้วจะได้ใจหรอ”
“รั่วรั่ว……”นักแสดงหญิงชุดแดงหน้าไม่สู้ดีแล้ว
และคนที่ถูกเรียกชื่อรั่วรั่วก็มองหลิวเสี่ยวหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสำรวจ “ไม่รู้จริงๆ เลยว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน ถึงได้ถูกคนชักพามาถึงจุดนี้ได้”
“ฉันจะมีความสามารถมากแค่ไหนฉันยังไม่รู้ แต่ฉันรู้เพียงแต่ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีตา ต่อไปจะนินทาคนอื่นก็หัดล็อกประตูเสียบ้างนะ
หลิวเสี่ยวหนิงที่ทั้งพูดแล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และหน้าจอก็แสดงว่ากำลังบันทึกเสียงอยู่
เธอกดหยุดบันทึก มองดูหน้าของทั้งสองคนที่ทำหน้าโกรธ
“เธอกล้าบันทึกเสียงหรอ!”รั่วรั่วตะโกนลั่น
หลิวเสี่ยวหนิงยักคิ้ว แล้วเดินออกไปจากห้องแต่งตัว เดินมาหยุดยืนอยู่ตำแหน่งกล้องวงจรปิด”เธอคิดว่าผู้ชายของฉันจะได้ยินแล้วจะทำยังไงมั้ย”
“เข้าใจผิด…….เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว …….”นักแสดงหญิงชุดแดงเริ่มที่จะพูดไกล่เกลี่ย พร้อมทั้งฉุดชายเสื้อของรั่วๆ
“เธอ!”รั่วรั่วกัดริมฝีปากแน่น เดิมทีคิดจะแย่งโทรศัพท์แต่ทำได้เพียงแค่ทำท่าจะ “หลิวเสี่ยวหนิงเธออย่าทำตัวมากเกินไปนะ”
“มากเกินไปงั้นหรอ ที่แท้ทำอย่างนี้หรอเรียกว่ามากเกินไป “หลิวเสี่ยวหนิงที่หัวเราะเยาะอย่างดูถูก พร้อมส่ายโทรศัพท์ไปมาแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋า
“สังคมบันเทิงบ้าบอ ไม่ใช่หน้าอกใหญ่ก็ต้องหัดมีสมองบ้าง”
หลิวเสี่ยวหนิที่พอพูดมาถึงตอนนี้ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็มองไปทางรั่วรั่ว พร้อมกับมือปิดปากหัวเราะเยาะออกมา
“โอ๊ะ ไม่ใช่สิ ฉันจำได้ว่ารองผู้กำกับชอบหน้าอกใหญ่นี่นา ใช่มั้ย”
หลิวเสี่ยวหนิงที่ไม่สนใจมองคนข้างหลังว่าจะมีปฏิกิริยายังไง ก็เดินออกไป
“หลิวเสี่ยวหนิง ฝากไว้ก่อนเถอะ…..”รั่วรั่วกัดฟันแน่น แววตาจ้องไปทางหลิวเสี่ยวหนิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
……..
“ถ่ายทำได้ราบรื่นดี ใกล้จะเสร็จแล้ว”
คนตัดต่อมองซูฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดตอบ
ซูฉิงที่มองดูฉากที่หลิวเสี่ยวหนิงกับเฉินจุนเหยียนที่กำลังแสดงอยู่ก็พยักหน้า ผ่านเรื่องมามากมาย ในที่สุดก็ถ่ายทำอย่างราบรื่นสักที
และตอนที่ถ่ายฉากที่หลิวเสี่ยวหนิงก็เห็นสายตาของเฉินจุนเหยียน เธอก็หันไปมองก็เห็นว่าเป็นซูฉิง
มิน่า…..
หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจ และก็รู้สึกนับถือเฉินจุนเหยียนจริงๆ
การถ่ายทำที่ใกล้จะเสร็จแล้ว เฉินจุนเหยียนที่อยากจะไปหาซูฉิง ก็เห็นว่าเธอกลับไปแล้ว ตอนแรกที่อารมณ์ดีก็เหมือนถูกคนเอาน้ำเย็นมาสาด
เพียงแค่ซูฉิงไม่รู้เรื่องนี้ วันนี้ถึงแม้ว่าเธอจะมาดูการทำงาน แต่ไม่ได้อยู่นาน เพราะว่าตอนบ่ายเธอมีคุยเรื่องความร่วมมือกับบริษัท
แต่พูดไปก็แปลก เดิมทีสัญญานี่ควรจะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ตอนเช้า แต่บริษัทคู่ร่วมมือไม่รู้ว่าทำไมถึงได้แจ้งเซ็นสัญญาล่วงหน้า ก็คือวันนี้ตอนบ่าย
พอคิดว่าตอนบ่ายไม่มีธุระอะไร ซูฉิงเลยตกลงรับปากไป แต่ก็รู้สึกแอบแปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะเรื่องอะไรถึงต้องเซ็นสัญญาความร่วมมือล่วงหน้า
“ประธานซู ประธานเฉินโทรมาค่ะ”
บนรถ เลขาได้ยื่นโทรศัพท์มาให้กับซูฉิง
ประธานเฉินคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทที่ซูฉิงจะต้องไปเซ็นสัญญาความร่วมมือด้วย
“ประธานเฉิน ฉันใกล้จะไปถึงแล้ว “ทั้งสองนัดเจอกันที่สวนเทคโนโลยี ซูฉิงเตรียมข้อมูลที่จะลงทุนกับละครเรื่องหนึ่ง
แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงกล่าวคำขอโทษมาปลายสาย “ประธานซู ต้องขอโทษ พวกเราเปลี่ยนสถานที่นัดเจอกันนะครับ
“ประธานเฉินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง “ซูฉิงคิ้วขมวดถาม
ประธานเฉินที่อยู่ปลายสายมีท่าทีลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็พูดออกมา:”ที่จริงแล้วผมนั้นให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะมาคุยกันก่อน………..เอ่อ……รอให้หาโอกาสดีๆ แล้วมาชมสวนเทคโนโลยี”
ซูฉิงได้ยินประธานเฉิงพูดไม่เป็นประโยคก็เอ่ยเสียงเรียบ :”ประธานเฉินถ้าหากคุณไม่อยากร่วมมือกับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนก็พูดมาตรงๆ เลยค่ะ ไม่ต้องเป็นต้องสรรหาคำพูดสวยหรูหรอก”
“ไม่ๆ นะครับ ประธานซูเข้าใจผิดแล้ว”
ทางฝ่ายประธานเฉินที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบพูดอธิบาย “ผมขอพูดตามตรงกับคุณนะ ที่จริงแล้วมีบริษัทหนึ่งที่ชอบสวนเทคโนโลยีและเหมือนจะอยากได้ให้ได้”
ซูฉิงที่ยินได้อย่างนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับคู่แข่ง
และกล้าที่จะเอ่ยออกมาว่าจะต้องได้ ซูฉิงอยากจะรู้จริงๆ เลยว่าเป็นบริษัทไหน เพราะแวดวงบันเทิงนั้นบริษัทที่จะมาเป็นคู่แข่งกับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์นั้นไม่มีเลย
“ประธานเฉินบอกฉันหน่อยได้มั้ยคะว่าเป็นบริษัทไหน”
“เอ่อ……บริษัทที่มีชื่อว่าห้าวฮ่าน”ประธานเฉินมองคนตรงหน้าที่ยิ้มกระหยิ่มอยู่อย่างงระมัดระวัง เหงื่อก็ไหลชุ่มออกมา
“ห้าวฮ่าน?”ชื่อแปลกนี้ทำให้ซูฉิงคิ้วขมวด แล้วสั่งให้ผู้ช่วยช่วยสืบหาข้อมูล
และสิ่งที่ทำให้ซูฉิงคิดไม่ถึงก็คือ มีบริษัทใหม่และจดทะเบียนยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ
บริษัทใหม่ทำไมถึงได้มีความกล้าขนาดนี้ เอาความอวดดีมาจากไหนกัน
และชื่อห้าวฮ่านนี้ก็เหมือนตั้งใจตั้งมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์
“ประธานเฉิน ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ เจ้าของบริษัทห้าวฮ่านท่านนี้ ตอนนี้หน้าจะนั่งอยู่ตรงหน้าของคุณใช่มั้ย”
ซูฉิงยกยิ้มขึ้นมา
และก็ได้เสียงเสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นมาตามสาย ซูฉิงก็นิ่งฟังอยู่
ผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงนุ่มดังเข้ามาในหูของซูฉิง
“ไม่เจอกันนายเลยนะ คนสวยและฉลาด”