บทที่ 13 การปรากฏตัวของฉีฮัว

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 13 การปรากฏตัวของฉีฮัว

หลังจากที่เจรจาเรื่องต่างๆกับกู่หมิงเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธออยากลองปลูกต้นผลไม้ต้นหนึ่งเอาไว้ในมิติ ก่อนที่จะนำผลของมันไปให้คนในครอบครัวได้ลิ้มลอง นอกจากนี้ ถ้าเธอนำมันไปปลูกที่บ้านใหม่ มันจะไม่ได้เป็นที่สังเกตอีกด้วย

มู่หรงเสวี่ยเดินทางไปที่ตลาดต้นไม้ เพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ของผลไม้ ผักและสมุนไพรนานาชนิด

หลังจากที่ซื้อเมล็ดพันธุ์มากมายมาแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็ได้กลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ของตนในทันที

ทันทีที่เข้ามาที่ห้อง มู่หรงเสวี่ยก็เข้าไปในมิติสำหรับปลูกผลไม้ ผักและสมุนไพรพิเศษ เธอปลูกมันโดยเรียงตามพันธุ์และประเภทของมัน จากนั้นก็รดน้ำต้นไม้ด้วยน้ำพุจิตวิญญาณ โชคดีที่ทุกอย่างที่อยู่ที่นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ เพียงแค่คิดเท่านั้นก็สามารถควบคุมพวกมันได้ ไม่อย่างงั้นเธอจะต้องเหนื่อยแทบตายเลยล่ะ

เช้าวันต่อมา ดวงอาทิตย์ได้ส่องแสง ภายในห้องเรียน

เสี่ยวเข่อลี่ที่เห็นมู่หรงเสวี่ยเดินเข้ามาในห้องเรียนตั้งแต่เช้าจึงพูดบ่นว่า

“เสี่ยวเสวี่ย ทำไมวันนี้เธอไม่เรียกฉันมาโรงเรียนด้วยล่ะ? ฉันยืนรอเธอที่ประตูตั้งนาน ดูสิ ฉันปวดเท้าไปหมดแล้วเนี่ย”

ทันทีที่นักเรียนคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างพวกเธอได้ยินเข้า ต่างก็เริ่มจับกลุ่มซุบซิบกันพร้อมกับชี้นิ้วมาที่มู่หรงเสวี่ย เรื่องที่ว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่ไร้น้ำใจและมีแค่เสี่ยวเข่อลี่คนเดียวเท่านั้นที่ยอมทนอยู่กับอีกฝ่ายอยู่ได้ แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นๆอีก

“อย่าพูดจาเหลวไหลแบบนั้นสิ ฉันไปยืนรอเสี่ยวเสวี่ยเอง แล้วที่พวกเธอบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยเป็นคนเย็นชาน่ะ จริงๆแล้วเสี่ยวเสวี่ยนิสัยดีมากเลยนะ”

เหมือนกับว่าจะมีคนช่วยพูดแก้ต่างให้มู่หรงเสวี่ย แต่สีหน้าเหน็ดเหนื่อยที่แสดงออกมายิ่งกลับทำให้ดูน่าสงสารขึ้นไปอีก

แน่นอนว่าเสียงนินทารอบกายส่งเสียงดังขึ้นกว่าเก่า

สำหรับเสี่ยวเข่อลี่ ในชีวิตที่แล้วเธอมองมู่หรงเสวี่ยว่าใสซื่อดั่งดอกบัวสีขาวมาโดยตลอด เสี่ยวเข่อลี่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องขอโทษเธอเหมือนที่เคยทำในชีวิตที่แล้ว แต่เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับเพื่อนๆที่อยู่บริเวณรอบๆยังไง ดังนั้นคนทั้งโรงเรียนต่างก็ซุบซิบนินทาเธอ จนทำให้เธอไม่มีเพื่อนเลยสักคน

“นี่ เข่อลี่ ฉันบอกเธอแล้วไงว่า ต่อไปนี้ เธอไม่ต้องมารอไปโรงเรียนพร้อมฉันแล้ว ถึงเธอจะอยู่ในบ้านฉัน แล้วคนในครอบครัวฉันก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเธอหมือนคนนอก ขนาดคนขับรถยังขับมาส่งเธอที่โรงเรียนได้เลย แล้วแบบนี้ เธอจะยืนรอให้ปวดเท้าเล่นทำไมล่ะ?! ฉันคิดว่าที่เธอปวดเท้าน่าจะเป็นเพราะเธอใส่รองเท้าส้นสูงมากกว่านะ หลังจากนี้เธอลองสวมรองเท้าส้นเตี้ยกว่านี้หน่อยดีไหม…. อ๊ะ มีอีกเรื่องที่ฉันยังไม่ได้บอกเธอสินะ ฉันย้ายออกมาจากบ้านแล้วนะ พอดีว่าฉันโตแล้วเลยอยากอยู่คนเดียวดูบ้าง เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ เธอก็หัดมาโรงเรียนเองได้แล้วนะ ไม่ต้องรอฉัน” มู่หรงเสวี่ยเดินไปนั่งที่ประจำของตัวเอง เธอขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเสี่ยวเข่อลี่แล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะทนยิ้มให้ศัตรูได้ทุกวันหรอกนะ!

“อ้อ เสี่ยวเข่อลี่อยู่ที่บ้านมู่หรงเสวี่ยนี่เอง มิน่าพวกเธอถึงได้มาโรงเรียนด้วยกันตลอด”

“แสดงว่าครอบครัวมู่หรงเสวี่ยจะต้องดีกับเสี่ยวเข่อลี่มากๆแน่เลย ไหนจะมีคนขับรถมาส่งอีก เนอะ”

“แม่นั่นแต่งตัวดีกว่ามู่หรงเสวี่ยอีก”

“…”

เสี่ยวเข่อลี่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเลยทีเดียว เพราะสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้น มู่หรงเสวี่ย! ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!!!

กระดิ่งบอกเวลาเข้าเรียนดังขึ้น เงาร่างหนึ่งได้เดินตามอาจารย์เข้ามา คนคนนั้นคือนักเรียนหนุ่มสุดหล่อ จนนักเรียนทั้งห้องเริ่มส่งเสียงดัง

นั่นเขานี่!!!? มู่หรงเสวี่ยกำหมัดแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อละเอียด ระงับสติไม่ให้ตัวเองเดินเข้าไปตบหน้าอีกฝ่าย

เห็นได้ชัดว่าฟางฉีฮัวหน้าตาหล่อเหลา นุ่มลึกและเท่มาก เขาวางมาดให้ตัวเองดูสง่า ตอนที่เขามองมาทางมู่หรงเสวี่ย เธอไม่สามารถละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้เลย ในชีวิตที่แล้ว เธอหลงเขาหัวปักหัวปำจนโงหัวไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ฟางฉีฮัวยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าต้องแสง มู่หรงเสวี่ยมองไปทางเขาที่ยืนอยู่ในพื้นที่แดดส่อง แสงจากข้างนอกเหมือนจะทำให้เธอแสบตาไม่น้อย ตอนนี้เธอถึงได้รู้สึกเจ็บตาระดับหนึ่ง

ในชีวิตที่แล้ว เธอมองเขาเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว ฟางฉีฮัวได้เข้ามาอยู่ในใจในทันที และทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว ระหว่างทางที่เธอกำลังกลับบ้าน เธอได้เจอกับพวกนักเลงเข้าโดยบังเอิญ ฟางฉีฮัวเป็นคนที่เข้ามาช่วยเธอไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ ท่วงท่าการต่อสู้ของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ

ฟางฉีฮัวคือสิ่งที่สวยงามที่สุดที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า ต่อจากนี้ เธอจะไม่ห้ามใจตัวเองไม่ให้ชอบเขาอีกต่อไปแล้ว

หลังจากนั้นมา มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มตามตื๊อฟางฉีฮัวมากขึ้นเรื่อยๆ และอีกฝ่ายก็มักจะปฏิบัติกับเธอแบบกำกวมเสมอ บางครั้งอีกฝ่ายก็ทำตัวเหินห่างกับเธอ ส่วนเธอเองก็ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของฟางฉีฮัวเลยสักครั้ง แต่เธอมักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารักเธอ และคิดว่าเพราะพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกันมาก ทำให้เขาไม่สะดวกที่จะคุยกับเธอเท่าไหร่นัก

เพื่อที่จะทำให้ฟางฉีฮัวพอใจ มู่หรงเสวี่ยได้เสนอตัวพาเขาไปงานสังคมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้สังคมของเขาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นๆเรื่อยๆ นอกจากนี้เขายังได้รู้จักคนชั้นสูงมากหน้าหลายตาอีกด้วย ต้องชมว่าฟางฉีฮัวเป็นคนที่เก่งมากจริงๆ

หลังจากนั้นฟางฉีฮัวก็ได้กลับไปหาครอบครัวในฐานะบุตรของตระกูลฟาง จากการติดต่อของเขาเองและความช่วยเหลือของมู่หรงเสวี่ย เขาจึงได้รับมรดกของตระกูลฟาง และได้ดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลฟาง แต่ต่อมาเขาก็เฉดหัว มู่หรงเสวี่ยให้กลับบ้านไป ถึงขนาดเปิดตัวว่ากำลังคบหากับ เสี่ยวเข่อลี่

สุดท้ายฟางฉีฮัวก็จับตัวมู่หรงเสวี่ยมาอีกครั้ง แล้วปล่อยให้เสี่ยวเข่อลี่ทรมานเธอได้ตามอำเภอใจ ด้วยความที่กลัวว่าตระกูลมู่หรงจะสร้างปัญหาให้เขา

มู่หรงเสวี่ย ชีวิตของเธอนี่มันช่างตลกร้ายเสียจริง ในชีวิตที่แล้ว ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็เพื่อเขา ยอมทำทุกอย่างก็เพื่อเขา แล้วสุดท้ายก็ต้องมาลงเอยกับจุดจบที่อนาถแบบนั้น…

ในชีวิตนี้ เธอจะไม่ให้ฟางฉีฮัวได้มีโอกาสได้ใช้งานเธอเหมือนบันได ในฐานะคุณหนูมู่หรงเพื่อก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูง และได้เป็นเพื่อนกับพวกคนที่มีอำนาจแน่นอน

ฟางฉีฮัวรู้สึกเหมือนว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงหันไปมองรอบๆและสะดุดกับเด็กสาวที่หน้าตาสดใสในชุดเดรสราคาแพงสีเขียวอ่อนที่มีลายปักรูปดอกไม้ตรงช่วงเอว อีกฝ่ายมีใบหน้าที่ขาวนวลพร้อมด้วยดวงตาโตที่สะดุดตา ดูเหมือนว่าทุกอย่างในโลกจะต้องมาสยบแทบเท้าเธอ เพราะสายตาอันพราวเสน่ห์และท่าทางที่สง่างามนี้

ทันใดนั้น ร่างกายฟางฉีฮัวก็มีแรงกระตุ้นบางอย่างที่อยากจะดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แต่สายตาของอีกฝ่ายกลับดูแปลกประหลาด สายตาคู่นั้นดูเหมือนว่ากำลังโกรธแค้นเขา ราวกับว่าเขาทำเรื่องผิดพลาดไป โดยที่ไม่สามารถให้อภัยได้

เธอเป็นใครกัน?

หรือว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน? แต่แล้วก็เกิดความย้อนแย้งขึ้นในความคิด เขามั่นใจมากว่าเขาและเธอไม่เคยพบเจอกันมาก่อน

ฟางฉีฮัวจึงมองไปที่เธออีกครั้ง และพบว่า อีกฝ่ายไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป เธอลืมทุกความรู้สึกและหันกลับไปพูดคุยและหัวเราะกับเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆแทน

“นักเรียนทุกคน นี่คือ ฟางฉีฮัว นักเรียนใหม่ที่ย้ายมาเรียนที่ห้องเราจ้ะ ครูหวังว่าในอนาคตพวกเธอทุกคนจะเข้ากับเขาได้นะจ๊ะ”

“ว้าวววว เขาหล่อมากกกก”

“จริงด้วย เขาหล่อสุดๆไปเลย โอ๊ยยยย หล่อพอๆกับ หยางเฟิงเลยอ่ะ”

“นี่อาจจะเป็นโชคชะตาของฉันกับเขาก็ได้นะ ฮิฮิ”

“พักเถอะ พูดเว่อร์เกินไปแล้วนะพวกเธอน่ะ”

“หา นี่เธอพูดอะไรออกมาน่ะ? หนังหน้าแบบเธอยังจะกล้าพูดแบบนั้นออกมาอีกเหรอยะ?”

“…”

อ๋า! แล้วจะให้ฉันพูดยังไงดีล่ะ? แต่ว่าฟางฉีฮัวเป็นคนที่หน้าตาดีอย่างนี้พวกเธอพูดจริงๆนั่นแหละ…

ถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่เคยมีประสบการณ์แบบชีวิตที่แล้วมาก่อน เธอก็คงจะรู้สึกเหมือนกับพวกเพื่อนคนอื่นๆที่เพิ่งได้เจอหนุ่มหล่อหน้าตาดีเพิ่งย้ายมาในห้องของเรานั่นแหละ เฮ้อ..