กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 684
กู้ชูหน่วนตะโกนขึ้นมาอย่างดุดัน จากนั้นคว้าแส้และกระบองจากมือของชาวเผ่า ดวงตาสีดำและขาวของนางดูมืดมนอย่างน่ากลัว

ประชาชนชาวเผ่าทั้งหลายต่างคิดว่าความโกรธเคืองของกู้ชูหน่วนนั้นมาจากเหวินเส่าอี๋

รวมไปถึงการที่พวกเขาจับนายน้อยแห่งเผ่าเพลิงฟ้าผู้สูงส่งมาได้ แต่ละคนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“ท่านหัวหน้าเผ่าท่านดูสิว่าพวกข้าจับใครมาได้? ผู้ชายคนนี้เป็นถึงนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าเชียวนะ และถือเป็นหัวหน้าเผ่าในอนาคต แต่ตอนนี้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเราแล้ว”

“หลายปีมานี้เผ่าเพลิงฟ้ากดขี่เรามาโดยตลอดและทำร้ายพวกเราอย่างเจ็บปวด ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เขารับรู้ถึงอะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”

“ท่านหัวหน้าเผ่า พวกเราจะทรมานเขาอย่างไรดีหรือ? หรือจะหลอกใช้เขาอย่างไรเพื่อให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าต้องจบชีวิตลงทุกคน”

ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างมีความหวัง ราวกับเพียงกู้ชูหน่วนพูดออกมาคำเดียว พวกเขาก็จะลงมือทำทันที

คำพูดของกู้ชูหน่วนติดอยู่ในลำคอ โดยไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร

คนของเผ่าเพลิงฟ้าโหดเหี้ยมก็จริง แต่เหวินเส่าอี๋……

เท่าที่นางรู้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขากลับคอยช่วยเหลือนางและช่วยชีวิตนาง

จอมมารพันเส้นผมสีดำดกของตัวเองเล่นอย่างสนุกและคอยดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ

เหวินเส่าอี๋ลืมตาที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้น เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนที่สวมใส่ชุดสีแดงเพลิง จากนั้นเขาจึงยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันและหลับตาลงอีกครั้ง และถูกแขวนอยู่บนราวเหล็กอย่างไร้เรี่ยวแรง

ความอ่อนล้าของลมหายใจนั้น ชัดเจนว่าคือการยอมรับชะตากรรม

พี่เฉียวกล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนดูดรับพลังภายในของเขาไป เป็นถึงยอดฝีมือระดับหกแต่กลับเหลือเพียงระดับสอง ช่างน่าหัวเราะแต่ก็น่าสงสารในคราเดียวกัน แต่ดูดรับออกไปก็ดี ทางที่ดีควรจะดูดไปจนหมดเสียเลย เพื่อเขาจะได้ไม่ไปทำร้ายใครอีก”

กู้ชูหน่วนเบะปาก

คนที่ดูดกำลังภายในของเขาไป ไม่ใช่นางหรอกหรือ

นางกล่าวขึ้นมาเสียงดัง “หากเราต้องการต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้า เช่นนั้นก็ต่อสู้อย่างเปิดเผย หากใช้การหลอกใช้คนอื่นเพื่อจะได้รับชัยชนะ เช่นนั้นแล้วเราจะต่างอะไรกับสัตว์ร้ายเหล่านั้นของเผ่าเพลิงฟ้าล่ะ?”

“ท่านหัวหน้าเผ่าหมายความว่า……ฆ่าเขาทิ้งเลยอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นจะเป็นการง่ายเกินไปสำหรับเขาหรือไม่?”

“คนคนนี้ยังพอมีประโยชน์สำหรับข้า พวกเจ้ามาเขาไปที่ข้าของข้า”

ทุกคนต่างจ้องหน้ากันต่างไม่เข้าใจว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขากำลังคิดอะไร

ผู้อาวุโสเจ็ดได้รับบาดเจ็บสาหัสและเดินกะเผลกเข้ามา โดยมีผ้าพันแผลหนาพันอยู่รอบตัว

เขาเป็นคนนิสัยไม่ดีมาโดยตลอด สำหรับเผ่าเพลิงฟ้าแล้วนั้นยิ่งมีความเกลียดชัง เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนก็รู้สึกสงสัยและถามขึ้นมา

“ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าได้ยินมาว่าท่านสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับเหวินเส่าอี๋ เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

ชู่ว……

ก้อนหินสั่นสะเทือนเป็นคลืื่นนับร้อยพัน

ทุกคนต่างจ้องมองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อ

ท่านหัวหน้าเผ่าและนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าสนิทสนมเป็นการส่วนตัว?

เป็นไปได้อย่างไร?

สีหน้าของกู้ชูหน่วนค่อยๆ แย่ลง

“เขาเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าติดค้างน้ำใจของเขา”

ไม่รอให้ผู้อาวุโสเจ็ดพูดขึ้น ประชาชนในเผ่าต่างแย่งกันตะโกนออกมาทีละคน

“เผ่าเพลิงฟ้าทำเรื่องแย่ๆ มากมาย ไม่มีใครดีสักคน เขาจะช่วยชีวิตท่านได้อย่างไร ต่อให้เขาช่วยชีวิตท่าน เช่นนั้นเขาต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน”

“ใช่ ท่านหัวหน้าเผ่าอย่าถูกเขาหลอกเอาได้ คนของเผ่าเพลิงฟ้าล้วนเป็นคนเลว”

“หากไม่พูดว่าเขามีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ ต่อให้เขาช่วยชีวิตหัวหน้าเผ่าจริง จากที่พวกเขาทำกับพวกเรานั้น เราก็ไม่สามารถยกโทษให้เขาง่ายดายเช่นนี้”

“ใช่ เหวินเส่าอี๋ต้องตาย และก่อนที่เขาจะตายต้องให้เขาได้รับรู้ถึงรสชาติความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่พวกเราต้องเผชิญทั้งหมด”

คนในเผ่าล้วนต่างเคารพนอบน้อมต่อกู้ชูหน่วนมาโดยตลอด ครั้งนี้พวกเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นและต้องการให้ฆ่าเหวินเส่าอี๋เสีย

สีหน้าของกู้ชูหน่วนกลัดกลุ้มและจ้องมองไปที่ทุกคนพร้อมกับพูดออกมา “เช่นนั้นพวกเจ้าต้องการให้ข้าเป็นคนที่ลืมบุญคุณคนอื่นและเป็นคนไร้จิตใจเช่นนี้หรือ?”

“ท่านหัวหน้าเผ่า……”

“อาหน่วน……”

“ไม่ว่าเหวินเส่าอี๋จะมีเหตุผลอะไร หรือเขาเป็นใคร ข้ารู้เพียงแค่ หากไม่มีเขา เช่นนั้นก็ก็คงตายไปนานแล้ว ในเมื่อข้าติดหนี้บุญคุณเขา เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องตอบแทนเขากลับไป หากพวกเจ้ายังเห็นข้าเป็นหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นก็ให้เกียรติข้าและปล่อยเขาไปก่อน จากนั้นกักบริเวณเขาเอาไว้”

ทุกคนต่างพากันเงียบขรึม

ผู้อาวุโสเจ็ดปฏิเสธออกมาโดยไม่คิด “ไม่ได้ เหวินเส่าอี๋พูดอะไรก็ไม่สามารถปล่อยไปได้”

“ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสสูงให้มาเชิญบอกว่ามีเรื่องสำคัญอย่างมากขอรับ”

ลูกศิษย์คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงาน

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

นางกวาดสายตาไปที่ประชาชนจำนวนมากของเผ่าหยกและมองไปที่เหวินเส่าอี๋ที่ถูกมัดแขวนเอาไว้อย่างทรมาน และรู้ว่าความโกรธแค้นของเหวินเส่าอี๋และเผ่าหยกนั้นไม่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งผู้อาวุโสสูงเรียกนางไปพบ เช่นนั้นจะต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน

หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่เป็นเวลานาน กู้ชูหน่วนยังคงเลือกที่จะไปพบผู้อาวุโสสูงก่อนและก่อนจะจากไปได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

“ใครก็ตามห้ามทำร้ายหรือทรมานเหวินเส่าอี๋เป็นการส่วนตัวโดยเด็ดขาด ผู้อาวุโสเจ็ดท่านอยู่ที่นี่ หากใครกล้าทำร้ายเหวินเส่าอี๋หรือหากเกิดอะไรขึ้นกับเหวินเส่าอี๋ เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องกับท่าน”

ประโยคนี้ดูเหมือนจะพูดด้วยคำสั่งของหัวหน้าเผ่า

ไม่เพียงแค่ข่มขู่ประชาชนในเผ่า แต่ยังกดดันไปถึงผู้อาวุโสเจ็ดด้วย

ผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกตกใจอย่างมาก

หัวหน้าเผ่าของพวกเขากลับทำเช่นนี้กับพวกเขา เพียงเพื่อศัตรูอย่างเผ่าเพลิงฟ้า……

นี่นางยังเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกเขาอีกหรือไม่?

ประชาชนของเผ่าหยกต่างพากันส่ายหน้าและไม่พึงพอใจในกู้ชูหน่วนเล็กน้อย

แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางได้เสียสละและทำเพื่อเผ่าหยกอย่างมากมาย และนางได้สูญเสียไปหลายสิ่ง จากนั้นความโกรธของพวกเขาก็หายวับไป

ภายในเรือนยา

เมื่อกู้ชูหน่วนก้าวเข้าไปก็ได้กลิ่นเลือดคละคลุ้ง

อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสสูงรุนแรงกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ ดูเหมือนว่ากระดูกตามร่างกายของเขาจะหักแทบทั้งหมด หากไม่ใช่เป็นเพราะเขามีรากฐานที่ดี เช่นนั้นเกรงว่าอาจจะเสียชีวิตไปนานแล้ว

ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับไม่สามารถทำให้เขาฟื้นตัวได้ในทันที หากต้องการฟื้นกลับคืนสู่ปกติ เช่นนั้นก็คงต้องใช้เวลากว่าแปดปีหรือสิบปี

“ท่านหัวหน้าเผ่า” ทุกคนต่างพากันคารวะ

ผู้อาวุโสสูงฝืนพยายามลุกขึ้นมาคารวะ

กู้ชูหน่วนพยักหน้าเล็กน้อยและประคองผู้อาวุโสสูงที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นซักถามด้วยความเป็นห่วง “ผู้อาวุโสสูง ท่านกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ นอนลงก็ได้แล้ว”

“อืม……พวกเจ้าออกไปก่อนและปิดประตูเสีย ห้ามใครเข้ามาโดยเด็ดขาดและห้ามใครก็ตามเข้ามาใกล้”

ผู้อาวุโสสูงพูดกับคนอื่นที่อยู่ในห้อง

ทุกคนต่างรู้ว่าผู้อาวุโสสูงมีเรื่องสำคัญจะพูดกับหัวหน้าเผ่า จากนั้นต่างพากันถอยออกไปและปิดล้อมเรือนยาเอาไว้ ห้ามใครเข้าไป

“ผู้อาวุโสสูงต้องการพูดกับข้าเรื่องอะไรหรือ?”

“ข้าได้ยินที่ไป๋เฉ่าเล่ามาหมดแล้วเรื่องที่ท่านล้มเหลวในการหลอมรวมไข่มุกมังกร ท่านมีเรื่องสงสัยในใจมากมายและอยากรู้ว่าเหตุใดการหลอมรวมถึงล้มเหลวใช่หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนรู้สึกหนักใจและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ท่านรู้หรือว่าเป็นเพราะเหตุใด”

ผู้อาวุโสสูงถอนหายใจ แต่ไม่ได้ตอบคำถามกู้ชูหน่วน แต่กลับพูดเปลี่ยนเรื่องออกไป

“หนึ่งพันกว่าปีมานี้ เผ่าหยกทุกข์ทรมานอย่างมาก ทุกคนล้วนต่างเกิดมาทนรับกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของคำสาปโลหิต พวกเขาโกรธแค้นคนของเผ่าเพลิงฟ้าและต้องการทรมานเหวินเส่าอี๋ก็พอจะเข้าใจได้ ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนมีความชอบธรรม เหวินเส่าอี๋เคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ท่านจึงทนเห็นเขาต้องทุกข์ทรมานไม่ได้ ข้าจะพยายามปกป้องความปลอดภัยให้กับเขาและไม่ยอมให้คนในเผ่าทำร้ายเขามากเกินไป”

“แต่……เขาเป็นถึงนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ต่อให้คุ้มครองความปลอดภัยให้กับเขา ต่อให้พยายามทำให้เขาต้องทนทุกข์น้อยที่สุด เช่นนั้นแล้วเขาก็ทำได้เพียงถูกกักบริเวณอยู่ในเผ่าหยกไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ใครบอกให้เขาเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า แถมยังเป็นนายน้อยที่สูงส่งของเผ่าเพลิงฟ้าอีกด้วย”

มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุกและไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา

ตอนแรกที่นางสั่งให้ไป๋จิ่นจัดการเขา กลับไม่ได้บอกให้ไป๋จิ่นนำเขากลับมายังเผ่าหยก

ตอนนั้นสถานการณ์บีบคั้น นางจึงไม่ทันได้อธิบายอย่างละเอียด ไม่คิดเลยว่า……