ตอนที่ 121 ข้ากำลังจะได้เป็นพ่อแล้ว

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

“ใช่” กู้จิ้งถอนใจเบาๆ ในใจแอบคิดว่าคนที่ท้องเป็นเธอชัดๆ แต่ทำไมคนที่เพี้ยนกลับกลายเป็นเขาไปได้? พูดตั้งหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังเอาแต่พูดซ้ำๆ เหมือนหุ่นยนต์อยู่นั่นล่ะ

“เสี่ยวจิ้งเอ๋อ!” เซียวเถี่ยเฟิงยื่นมือใหญ่แข็งแรงไปกอดร่างของกู้จิ้งเอาไว้แน่น

เขากำลังดีใจมากอย่างที่ไม่เคยดีใจมาก่อน ความตื่นเต้นยินดีถาโถมเข้าสู่ทุกอณูในร่างของเขา แทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือดทุกเส้น ทำให้เขาดีใจจนอยากร้องตะโกนออกมาดังๆ เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมาแล้วหมุนตัวไปรอบๆ เหลือเกิน

“เรามีลูกด้วยกัน! ข้ากำลังจะได้เป็นพ่อแล้ว เจ้าเองก็กำลังจะได้เป็นแม่! เรามีลูกด้วยกันได้!”

นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ความคาดหวังในตอนแรก ความผิดหวังในตอนหลัง ไปจนถึงจำเป็นต้องตัดใจ เขาคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสมีลูกของตัวเอง เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่ผลสุดท้าย นางกลับตั้งครรภ์!

บางทีพวกเขาอาจจะมีลูกด้วยกันสักคน ไม่… บางทีอาจจะมีสักสองคน เขาออกไปตัดฟืนล่าสัตว์ ส่วนนางอยู่เลี้ยงลูกที่บ้าน รอให้ลูกโตขึ้นหน่อย พวกเขาก็จะพาลูกๆ ไปเก็บเห็ดเก็บผลไม้ป่าบนเขา เขายังจะบอกลูกๆ ด้วยว่านี่คือผลหรูหรู เป็นสิ่งแรกที่ทำให้พ่อกับแม่ของเจ้าสื่อสารกันรู้เรื่อง

กู้จิ้งบอกว่าพวกเขาจะไม่มีลูก แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพวกเขากำลังจะมีลูก ทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตดูสว่างสดใสเหลือเกิน

พวกเขาจะมีลูกด้วยกัน อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต พวกเขาจะเฝ้ามองลูกหลานที่ห้อมล้อมอยู่ข้างกายด้วยกันในยามแก่เฒ่า!

“ไป อย่ามัวแต่ยิ้มอยู่เลย หาที่พักก่อนเถอะ”

กู้จิ้งปรายตามองเซียวเถี่ยเฟิงแล้วก็แอบถอนใจอยู่เงียบๆ

ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ ป่านนี้แล้วยังเอาแต่ยิ้มอยู่ได้

“เสี่ยวจิ้งเอ๋อ จู่ๆ ข้าก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้” เซียวเถี่ยเฟิงยังคงจมอยู่กับความปลาบปลื้มยินดี

“อะไรหรือ?” กู้จิ้งนิ่งเฉยมาก เพราะเธอคิดเรื่องนี้มาสามวันแล้ว

“หากเรามีลูกได้ก็หมายความว่าเราจะมีลูกหลานรุ่นหลังน่ะสิ?”

แม้คำพูดประโยคนี้จะฟังวกไปวนมา แต่กู้จิ้งก็ฟังเข้าใจ

“ใช่” เธอพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…” น้ำเสียงของเซียวเถี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เราจะมีลูกหลานสืบต่อไปเรื่อยๆ ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้ไหมว่า จริงๆ แล้วยายของเจ้าเป็นลูกหลานของเจ้า?”

“หา?” คราวนี้กู้จิ้งนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้อีก

ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอแอบคิดว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เธอไม่ได้สนใจปัญหาที่ห่างไกลออกไปอย่างเรื่องท่านบรรพบุรุษหรือคุณยายสักนิด

พอเซียวเถี่ยเฟิงพูดขึ้นมา เธอถึงได้คิดขึ้นมาได้

เป็นไปได้ไหมว่า จริงๆ แล้วคุณยายเป็นลูกหลานของเธอเอง?

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงม้วนรายชื่อยาวเหยียดที่เคยกราบไหว้ในวันขึ้นปีใหม่ขึ้นมา

ชื่อทุกชื่อบนม้วนรายชื่อยาวเหยียดนั้นเห็นชัดหมดทุกชื่อ มีเพียงชื่อที่อยู่ข้างๆ ชื่อของเซียวเถี่ยเฟิงเท่านั้นที่เป็นแค่เครื่องหมายเลือนราง

ใครจงใจทำให้ชื่อของท่านบรรพบุรุษฝ่ายหญิงมองเห็นไม่ชัด ใครเป็นคนจงใจปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้คนที่มาเซ่นไหว้รู้?

ระหว่างที่คิดถึงปัญหานี้ ภาพควันลอยสูงในศาลบรรพชนก็ปรากฏขึ้นในสมอง ทำไมม้วนรายชื่อบรรพบุรุษที่แสนลึกลับและน่าเกรงขามถึงมีตำหนิเช่นนี้ได้?

“คนคนนั้นก็คือฉัน?” ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดกู้จิ้งก็เอ่ยคำพูดประโยคนี้ขึ้นมาอย่างยากลำบาก

“ใครคือเจ้า?” เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอมีสีหน้าเลื่อนลอยก็รีบเอื้อมมือไปประคองร่างเธอเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงดังให้เธอตกใจ

“เป็นฉันจริงๆ…” เธอส่ายหน้าพลางพึมพำต่อ “ที่แท้บรรพบุรุษฝ่ายหญิงของคุณยายก็คือตัวฉันเอง”

ที่แท้บรรพบุรุษฝ่ายหญิงของคุณยายก็คือตัวเธอเอง…

ที่แท้บรรพบุรุษฝ่ายหญิงของคุณยายก็คือตัวเธอเอง!

 

นับตั้งแต่ค้นพบความลับของจักรวาลเรื่องที่บรรพบุรุษฝ่ายหญิงของคุณยายคือตัวเธอเอง ชีวิตนี้กู้จิ้งก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีก

เธอมีอะไรต้องกังวลใจอย่างนั้นหรือ เธอเป็นหมอเทวดาในยุคสมัยนี้ หมายความว่าเธอประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน (ถึงแม้ว่าจะเป็นอาชีพที่ดูเหมือนสิบแปดมงกุฎก็เถอะ) เธอเป็นบรรพบุรุษฝ่ายหญิงของคุณยาย หมายความว่าลูกหลานของเธอจะสืบทอดเชื้อสายต่อไปเรื่อยๆ และบรรพบุรุษฝ่ายชายข้างกายเธอคนนี้ก็จะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อยากมีลูกหลานก็มีลูกหลาน อยากมีผู้ชายก็มีผู้ชาย อยากมีพรสวรรค์ก็มีพรสวรรค์ เธอยังมีอะไรต้องกลุ้มใจอีก?

กู้จิ้งซึ่งไม่มีอะไรต้องกลุ้มใจอีกเดินตามเซียวเถี่ยเฟิงกลับไปที่บ้านหลังเดิมแล้วแอบย่องเข้าไป จากนั้นก็เริ่มใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝันแต่ก็คล้ายกับหัวขโมยอยู่ในบ้านหลังนั้น

ที่ว่าเหมือนอยู่ในความฝันเพราะกู้จิ้งไม่ต้องกังวลใจเรื่องการกินการอยู่ เซียวเถี่ยเฟิงปรนนิบัติเธอเหมือนปรนนิบัติบรรพบุรุษไม่มีผิด เดี๋ยวก็กลัวเธอเหนื่อยเดี๋ยวก็กลัวเธอหิว เดี๋ยวก็ออกไปล่าสัตว์มาให้เธอบำรุงร่างกาย วันนี้ตุ๋นปลาพรุ่งนี้เคี่ยวน้ำแกงกระดูกหมูมะรืนนี้ตุ๋นไก่กับเห็ด นอกจากนี้เขายังไปจับนกแสนสวยสองตัวมาให้เธอเลี้ยงแก้เบื่ออีกด้วย

ที่ว่าเหมือนหัวขโมยเพราะพวกเขาไม่อยากให้คนข้างนอกรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว จึงได้แต่แอบซ่อนอยู่ในบ้านเงียบๆ เพราะกลัวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

แม้บ้านหลังนี้จะถูกทิ้งร้างมาสิบปี แต่โชคดีที่ตอนสร้างใช้วัสดุอย่างดี มันจึงไม่ถล่มลงมา ต่อมามีคนมากราบไหว้มากมายก็มีการซ่อมแซมไปรอบหนึ่ง ตอนนี้เซียวเถี่ยเฟิงแค่ซ่อมเพิ่มนิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถอาศัยอยู่ได้

พวกเขาใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ มาได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งวันหนึ่ง เซียวเถี่ยเฟิงออกไปเก็บผักป่ามาห่อเกี๊ยว สตรีมีครรภ์ซึ่งไม่มีอะไรทำอย่างกู้จิ้งก็ออกไปเดินเล่น ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เย็นแล้ว ไม่น่าจะมีคนมากราบไหว้ต้าเซียนอีก เธอจึงออกไปเดินเล่นอยู่ในป่าเล็กๆ ที่นอกบ้าน

คิดไม่ถึงว่า ในตอนนั้นเองกลับมีผู้หญิงสองคนถือธูปเดินตรงมาทางด้านนี้

กู้จิ้งคิดจะหลบ แต่ไม่ทันเสียแล้ว

เธอเจอกับผู้หญิงสองคนนั้นเข้าจังๆ

ชั่ววินาทีนั้น กู้จิ้งอดตื่นตระหนกไม่ได้ แต่หลังจากหายตื่นตระหนก เธอก็ตั้งสติได้

ต้าเซียนกลับลงมายังโลกมนุษย์แล้ว ใช่… เป็นแบบนี้ ไม่ต้องกลัวๆ

ผู้หญิงสองคนนั้นเห็นกู้จิ้งเข้าก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่จากนั้นพวกนางก็คุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

“ท่านหมอเทวดาสำแดงปาฏิหาริย์แล้ว ท่านหมอเทวดากลับมาแล้ว ผู้น้อยคำนับท่านหมอเทวดา!”

กู้จิ้งแอบกระแอมเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ในเมื่อเจอพวกเธอ ฉันก็จะไม่ปิดบังอีก ฉันได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้กลับลงมาบำเพ็ญวิชาเซียนที่เขาเว่ยอวิ๋นอีกครั้ง แต่เพราะไม่อยากให้คนนอกล่วงรู้ก็เลยซ่อนตัวเร้นกายอยู่ที่นี่ พวกเธอรู้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่อย่าได้แพร่งพรายไปให้คนนอกภูเขารู้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้”

“ผู้น้อยทราบเจ้าค่ะ ผู้น้อยรับบัญชา ผู้น้อยจะไปบอกให้ทุกคนในหมู่บ้านทราบว่าต้องปกปิดเรื่องที่ต้าเซียนกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งเป็นความลับ!”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หมู่บ้านเว่ยอวิ๋นกับหมู่บ้านตระกูลหนิงทะเลาะกันมาห้าปีแล้วว่าท่านหมอเทวดาเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่!

ในช่วงห้าปีมานี้ หมู่บ้านเว่ยอวิ๋นสร้างศาล หมู่บ้านตระกูลหนิงก็สร้างบ้าง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร คราวนี้ทุกคนไม่ต้องทะเลาะกันอีกแล้ว ท่านหมอเทวดาเป็นของหมู่บ้านเว่ยอวิ๋น เพราะตอนนี้ท่านกลับลงมายังโลกมนุษย์ และอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ในเขตหมู่บ้านเว่ยอวิ๋น!

“อย่างนั้นก็ดี” กู้จิ้งแสร้งพยักหน้าอย่างไว้เชิง “พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ”

สตรีทั้งสองรับคำแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป คิดไม่ถึงว่าสตรีซึ่งสวมชุดกระโปรงสีเทาเพิ่งถอยไปได้สองก้าว จู่ๆ นางก็เดินกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้ากู้จิ้ง

“ท่านหมอเทวดา ตอนนั้นผู้น้อยอายุยังน้อย ไม่รู้ความ ล่วงเกินท่านหมอเทวดาเข้า ขอท่านหมอเทวดาอย่าได้ถือสาเลย”

“ล่วงเกินฉัน?” นี่มันเรื่องอะไรกัน กู้จิ้งไม่ค่อยเข้าใจ เธอเคยถูกใครล่วงเกินด้วยหรือ?

“ท่านหมอเทวดา ข้าคือชุนเถาอย่างไรเล่า ท่านยังจำได้ไหม?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

“ชุนเถา?” กู้จิ้งรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูมาก พอคิดดูดีๆ ถึงจำได้ว่าเป็นสตรีที่เคยหลงรักเซียวเถี่ยเฟิงในอดีต

เธอพิจารณามองใบหน้าของสตรีตรงหน้า ถึงแม้จะดูคล้ายกับชุนเถาในอดีตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนนัก ตรงหางตาของนางมีริ้วรอย ใบหน้าก็ไม่ได้เปล่งปลั่งเหมือนชุนเถาในอดีต

มองเผินๆ เธอยังคิดว่าเป็นแม่ของชุนเถาเสียอีก

“เธอคือชุนเถาจริงๆ หรือ?” กู้จิ้งประหลาดใจ ต่อให้เธอข้ามเวลามาสิบปีก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้นี่นา

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านหมอเทวดา ข้าคือชุนเถา!” ชุนเถาเหมือนจะมองความสงสัยของกู้จิ้งออก ดังนั้นจึงรีบอธิบายว่า “ผ่านไปสิบปีแล้ว รูปร่างหน้าตาของท่านหมอเทวดายังไม่เปลี่ยนไปสักนิด ท่านเป็นเซียนย่อมไม่ตระหนักถึงความทุกข์ยากของผู้คนบนโลกมนุษย์ หญิงชาวป่าชาวเขาเช่นข้าต้องทำงานหนักทุกวัน ย่อมต้องแก่เร็วเป็นธรรมดา”