DC บทที่ 252: เพื่อแลกเปลี่ยนกับหญ้าเงินเจ็ดใบ

 

“จ-ใจเย็นเซียวไป่”

 

แม้กระทั่งด้วยพลังการฝึกปรือระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณ ฟางซีหลานยังยากที่จะเก็บเซียวไป่ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดของเขตปฐมวิญญาณไว้ใต้การควบคุม

 

นี่แสดงให้เห็นว่าวิญญาณพิทักษ์มีพละกำลังเหนือกว่าและลึกล้ำกว่าเพียงไหน และทำไมกระทั่งนิกายระดับสูงยังต้องเริ่มสงครามเพื่อให้ได้สักตัว

 

ถ้าเซียวไป่โตเต็มวัย มันก็สามารถต่อสู้แม้กระทั่งกับผู้ฝึกวิชาระดับปฐพีวิญญาณในขณะที่ตัวมันอยู่ในเขตคัมภีร์วิญญาณ

 

“ซูหยาง เจ้าต้องการอะไรในการแลกเปลี่ยนสำหรับหญ้าเงินเจ็ดใบนี้”

 

ฟางซีหลานรีบถามเขา เธอสงสัยว่าเขาปรารถนาที่ยกให้ฟรีหรือ

 

“เพียงแค่แจ้งราคามาและนั่นจะเป็นของเจ้า”

 

แม้กระทั่งเธอไม่มีหินวิญญาณพอเพียง ฟางซีหลานก็มั่นใจว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็จะจ่ายให้เธอ ในเมื่อหญ้าเงินเจ็ดใบนี้เป็นไปได้อย่างมากที่จะช่วยเซียวไป่โตเต็มวัย เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งโหลวหลานจีก็ไม่ปฏิเสธแม้ว่ามันจะมีค่ามหาศาล

 

“ข้ามิได้ต้องการหินวิญญาณของเจ้า…”

 

หลังจากที่ได้หินวิญญาณนับหมื่นจากคลังเซียน ซูหยางไม่ได้ต้องการความร่ำรวยใดอีกต่อไป ในเมื่อมันเพียงคล้ายกับหยดน้ำสองสามหยดลงในทะเล

 

“ถ้าเจ้ามิต้องการหินวิญญาณ เช่นนั้นอะไรที่เจ้าต้องการ”

 

หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะ ฟางซีหลานก็หรี่ตา เธอถามว่า “อย่าบอกว่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับหญ้าเงินเจ็ดใบ เจ้าต้องการร่างกายของข้า…”

 

ถ้าซูหยางไม่ต้องการหินวิญญาณ นั่นก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำไมเขาถึงเข้ามาหาเธอพร้อมกับหญ้าเงินเจ็ดใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหากพิจารณาถึงชื่อเสียงและความสวยงามของเธอในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนที่ให้กระดาษบันทึกแก่เธอ

 

ซูหยางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าข้ามาหาเจ้าเพียงแค่ร่างกายของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ได้ดูถูกตัวข้าแล้ว”

 

“เพียงแค่รึ เช่นนั้นเจ้าก็ยังคิดถึงอยู่มิใช่รึ” ฟางซีหลานถาม

 

“แน่นอน ข้ามิปฏิเสธการร่วมฝึกคู่กับเจ้าถ้าหากมีโอกาส แต่อย่างที่บอกไปแล้วข้ามิมีเจตนาที่จะขอให้เจ้าใช้ร่างเจ้าในการแลกเปลี่ยนสำหรับหญ้าเงินเจ็ดใบ”

 

ซูหยางไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาต้องการร่วมฝึกคู่กับเธอ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบกับความรู้สึกของเธอสำหรับเซียวไป่โดยการใช้หญ้าเงินเจ็ดใบกดดันเธอให้ร่วมฝึกกับเขา ซึ่งนั่นเป็นความเลวสำหรับคนเช่นเขา

 

หลังจากที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็ยื่นส่งกระถางของหญ้าเงินเจ็ดใบทั้งกระถางให้กับเธอและกล่าวว่า “ข้ามิได้มีเจตนาในการร้องขอสิ่งใดสำหรับหญ้าเงินเจ็ดใบ ในเมื่อนี่เป็นวิถีทางในการช่วยนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของข้า”

 

ซูหยางต้องการที่จะช่วยนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเติบโตจนเป็นสถานที่ที่มีพลังน่าเกรงขามก่อนที่เขาจะจากไปสู่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมเขาจึงยังคงอยู่ที่นี่และฝึกฝนกับบรรดาศิษย์เหล่านั้นซึ่งไม่มีผลกับความก้าวหน้าของเขามากนัก แม้ว่าจะมีทางเลือกไปยังที่ที่มีผู้คนที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าอยู่ทั่วไป ดังเช่นทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีเรือบินของชิวเยวี่ย ซึ่งจะทำให้เขาเดินทางได้ง่ายกว่าเดิม

 

จะว่าไปแล้วถึงแม้ว่าเขาเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางและฝึกฝนอยู่ที่นั่น พลังการฝึกปรือของเขาก็จะเพียงเพิ่มขึ้นมากก่อนที่จะถึงทางตันที่ไม่อาจข้ามไปได้เนื่องมาจากปริมาณปราณไร้ลักษณ์ในโลกนี้

 

อีกนัยหนึ่งเขาก็จะประสบกับปัญหาเดียวกับที่ชิวเยวี่ยประสบในตอนนี้ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากมายเพียงใดหรือว่าจะฝึกเคล็ดวิชาท้าทายสวรรค์อะไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถช่วยให้ก้าวข้ามไปได้นอกจากจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง

 

การกระทำของซูหยางสร้างความมึนงงให้กับฟางซีหลาน ซึ่งยังสงสัยเจตนาที่แท้จริงของเขาอยู่

 

“เจ้ามิต้องการสิ่งใดในการแลกเปลี่ยนสำหรับหญ้าเงินเจ็ดใบรึ เจ้ามั่นใจรึ” เธอถามเพียงเพื่อให้เกิดความมั่นใจ

 

“ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีค่ามากสำหรับวิญญาณพิทักษ์ แต่หญ้าเงินเจ็ดใบง่ายมากในการเพาะปลูก” เขากล่าว

 

“เดี๋ยวก่อน…เจ้าปลูกมันด้วยตนเองรึ” อันดับแรกฟางซีหลานคิดสงสัยในใจจึงตัดสินใจถามเขา

 

ซูหยางพยักหน้ายืนยันความคิดของเธอ

 

“ป-เป็นไปไม่ได้…” ฟางซีหลานตกตะลึงอย่างแท้จริงเมื่อมาถึงจุดนี้

 

ทำไมคนที่อยู่เขตคัมภีร์วิญญาณและเป็นเพียงศิษย์ในธรรมดาจึงสามารถปลูกบางอย่างที่สามารถช่วยวิญญาณพิทักษ์โตเต็มวัยได้ สิ่งนี้จะเป็นเหตุให้เกิดการนองเลือดถ้าหากมีการรู้กันเข้า บ้าแล้ว เธอก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องหญ้าเงินเจ็ดใบมานับจนวันนี้

 

“ถ้าเขาสามารถปลูกสิ่งนี้ได้ด้วยตนเองจริงๆ เช่นนั้นข้าก็มิอาจจินตนาการได้ว่าโลกจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าพวกเขาเรียนรู้ความสามารถของเขา…” ฟางซีหลานสามารถรู้สึกว่าร่างของเธอมีเหงื่อไหลหลังจากที่รู้ถึงความสามารถระดับท้าทายสวรรค์ของซูหยาง

 

แต่แน่นอนว่าในสายตาของซูหยาง หญ้าเงินเจ็ดใบเป็นสิ่งของทั่วไปในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ และถือได้ว่าเป็นอาหารทารกแต่สำหรับเพื่อวิญญาณพิทักษ์เท่านั้น ในอีกนัยหนึ่งพวกมันไม่ได้หายากดังเช่นที่ฟางซีหลานคิดว่ามันควรจะเป็น

 

“ไปป้อนให้กับเสือหิมะหนึ่งใบ” เขาพลันกล่าวกับเธอ

 

“ด-ได้”

 

ฟางซีหลานปล่อยเซียวไปจากการจับและรีบฉวยหญ้าเงินเจ็ดใบไว้ก่อนที่เซียวไป่จะกลืนมันลงไปทั้งหมด

 

“เซียวไป่ นั่งลง”

 

ลูกบอลขนสีขาวพลันนั่งลงเมื่อฟางซีหลานแสดงหญ้าเงินเจ็ดใบให้เธอเห็น

 

ฟางซีหลานดึงเอาหญ้าเงินเจ็ดใบออกมาหนึ่งใบจากกระถางและป้อนให้กับเซียวไป่ ซึ่งกลืนสิ่งนี้เข้าไปในคำเดียวหลังจากที่เคี้ยวไปสองสามครั้ง

 

หลังจากกินหญ้าเข้าไปไม่กี่วินาที เซียวไปก็จ้องมองฟางซีหลาน เห็นชัดว่าขอเพิ่ม

 

ฟางซีหลานหันไปมองดูซูหยางซึ่งส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าควรจะเตือนเจ้าว่าหญ้าเงินเจ็ดใบแต่ละใบเปี่ยมไปด้วยปราณไร้ลักษณ์จำนวนมาก ถ้าเจ้าป้อนมันเกินกว่าที่แนะนำไว้ มันจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงแก่วิญญาณพิทักษ์ กระทั่งอาจฆ่ามันได้”

 

คำพูดของซูหยางสร้างความหวาดกลัวให้แก่ฟางซีหลานได้อย่างง่ายดาย เตือนเธอให้ซ่อนกระถางหญ้าเงินเข้าไปในแหวนมิติในทันที แม้ว่าเซียวไป่จะมีสายตาวิงวอน

 

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง” เธอกล่าวด้วยเสียงจริงใจ ถึงกับก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย สิ่งที่ยากจะเกิดขึ้น