DC บทที่ 253: ความปรารถนาที่จะก้าวหน้า

 

“ตราบเท่าที่เจ้าป้อนเสือหิมะด้วยหญ้าหนึ่งใบทุกสี่วัน มันย่อมสามารถเติบโตเต็มวัยได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน บางทีอาจจะเร็วกว่านั้นขึ้นกับว่าวิญญาณพิทักษ์นี้มีพรสวรรค์เท่าไหร่”

 

แม้ว่าเขาไม่ได้พูดถึง แต่เสือหิมะถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับวิญญาณพิทักษ์อื่น แต่ถ้าจะว่าไปแล้ววิญญาณพิทักษ์ในระดับนี้ก็เพียงพอที่จะยึดครองโลกนี้ถ้าเติบโตเต็มที่และได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้บรรลุจุดประสงค์ที่ข้าได้มาที่นี่แล้ว ดังนั้นข้าจักขอตัวกลับในตอนนี้”

 

“รอสักครู่”

 

ฟางซีหลานพลันหยุดเขาไว้

 

“มีอะไรอีก”

 

“ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้ว ทำไมเจ้าไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อย ข้ามีสองสามคำถามที่ต้องการจะถามเจ้า” ฟางซีหลานกล่าวขณะที่เธอย้ายเก้าอี้ไปทางเขา

 

ซูหยางเหลือบมองเก้าอี้ชั่วขณะก่อนจะนั่งลง

 

“เรื่องอะไรที่เจ้าอยากถามข้า”

 

“เมื่อข้าเห็นเจ้าครั้งแรก ข้ารู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นเจ้ามาก่อน ตอนนี้เมื่อข้าได้มองดูเจ้าอย่างใกล้ชิด ข้าคิดว่าข้าจำได้ว่าเคยเห็นเจ้าที่โรงประมูลดอกบัวเพลิง เจ้าได้มีส่วนร่วมในการประมูลนั้นหรือไม่”

 

“โฮ่ เจ้าเห็นข้ารึ”

 

นอกจากเวลาที่เขาดูเธอเสนอราคาสำหรับแก่นพลังสัตว์อสูร ซูหยางจำไม่ได้ว่าเห็นเธออีกตอนไหน

 

ฟางซีหลานพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นเพียงเวลาชั่ววินาทีแต่ข้าจำได้ว่าเห็นเจ้าออกมาจากโรงประมูลหลังจากนั้น”

 

เพราะว่าหน้าตาหล่อเหลาของซูหยางนั้นโดดเด่นและน่าจดจำ ฟางซีหลานจึงสามารถจำใบหน้าของเขาแม้ว่าเธอจะได้เพียงเหลือบมองเขาเพียงแค่วินาทีเดียว

 

“ข้ามิได้วางแผนที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น แต่ในเมื่อเจ้าถาม แก่นพลังสัตว์อสูรแมวสายฟ้าทั้งหมดที่เจ้าซื้อจากโรงประมูลล้วนเป็นของข้า”

 

“เอ๋ จริงรึ พวกมันล้วนเป็นของเจ้ารึ ข้าเคยคิดว่าพวกมันล้วนเป็นของนักสะสมที่ร่ำรวย”

 

ฟางซีหลานมีสีหน้าประหลาดใจ ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นเจ้าของของแก่นพลังสัตว์อสูรมากมายปานนี้

 

“เช่นนั้นเจ้าต้องร่ำรวยพอสมควรตอนนี้ เฮ้อ ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมเจ้าจึงปฏิเสธที่จะรับหินวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับหญ้าเงินเจ็ดใบ ในเมื่อคนทั่วไปย่อมต้องรับมันไว้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร้องขอ”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “แล้วเจ้าล่ะ เหตุผลที่เจ้าซื้อแก่นพลังสัตว์อสูรมากมายก็เพื่อที่เจ้าจะได้ป้อนวิญญาณพิทักษ์นี้ใช่ไหม หือ”

 

“ใช่แล้ว” เธอพยักหน้าขณะที่เธอตบเซียวไป่ที่นั่งอยู่ข้างเธอเบาๆ

 

ซูหยางพลันพูดต่อ “เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกับข้าอีกไหม”

 

ฟางซีหลานพลันเงียบลง ดูเหมือนจะลังเลเกี่ยวกับคำถามข้อต่อไปของเธอ

 

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจข้าอยากถามว่า..ในเมื่อหญ้าเงินเจ็ดใบมีปราณไร้ลักษณ์บรรจุอยู่จำนวนมาก มนุษย์เราสามารถใช้มันฝึกฝนเช่นเดียวกับหินวิญญาณได้หรือไม่”

 

“…”

 

แม้ว่าซูหยางสามารถเดาเหตุผลที่เธอถามคำถามนั้น เขากลับไม่ได้ตอบเธอในทันที

 

“อย่ากังวล ถึงแม้ว่าข้าปรารถนาที่จะก้าวหน้าเช่นกัน ข้ามิได้มีแผนที่จะเอาส่วนของเซียวไป่มา ในเมื่อการเติบโตของเธอมีความสำคัญต่อนิกายมากกว่าข้า ยิ่งไปกว่านั้นเธอจักเกลียดข้าถ้าทำเช่นนั้น” ฟางซีหลานพูดหลังจากที่เห็นว่าซูหยางเหมือนมีสีหน้าครุ่นคิด

 

ซูหยางหลับตาลงและกล่าวว่า “ถ้าข้าพูดว่ามนุษย์สามารถฝึกฝนโดยใช้หญ้าเงินเจ็ดใบได้เช่นกัน คำถามต่อไปของเจ้าคงเป็นข้าสามารถทำขึ้นมาเพิ่มสำหรับเจ้าได้หรือไม่ ถูกต้องไหม”

 

ฟางซีหลานไม่ได้ซ่อนเจตนาของเธอ พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“อย่างที่เจ้ารู้ การแข่งขันระดับภูมิภาคเป็นที่สนใจของผู้คน ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสนิกายแต่กระทั่งเจ้านิกายก็มีความคาดหวังอย่างสูงสำหรับข้าด้วย ดังนั้นข้าจึงต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อที่จะได้อันดับสูงๆในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามคู่แข่งของข้าก็จะเป็นศิษย์หลักจากนิกายที่เก่งกาจทั่วภูมิภาค และพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนถึงเขตปฐพีวิญญาณก่อนหน้านั้น”

 

“แม้ว่าข้ามิได้มีข้อสงสัยว่าข้าจะสามารถเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณภายในสิ้นปี แต่ข้าก็มิอาจเห็นตัวข้าไปถึงเป้าหมายนั้นได้ก่อนการแข่งขันระดับภูมิภาค ถ้าเจ้าปรารถนาที่จะช่วยข้าด้วยหญ้าเงินเจ็ดใบ ข้าย่อมเป็นหนี้บุณคุณเจ้าอย่างสูง”

 

ซูหยางคิดชั่วขณะก่อนที่จะพูด “ทำไมเจ้ามิร่วมฝึกกับเจ้าตัวตลกเมื่อกี้ข้างนอกนั่น เขาดูเหมือนว่ามีความมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า”

 

“ยวินหนานเตียน เจ้าคนนั้นเพียงแค่พูดสิ่งที่คนต้องการได้ยินเท่านั้น ไม่ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่”

 

“หรือว่านั่นเป็นเหตุผลที่เจ้ามิชอบเขา ข้าเคยคิดว่าศิษย์หลักทุกคนค่อนข้างจะเป็นมิตรกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อมีพวกเจ้าเพียงไม่กี่คนในสถานที่นี้”

 

“นั่นย่อมมิใกล้เคียงกับความเป็นจริง แม้ว่าพวกเราทำตัวเช่นนั้นในที่สาธารณะ แต่พวกเราส่วนใหญ่ก็มักจะรังเกียจกันเอง ตามจริงเมื่อพวกเรามองหาคู่ฝึก พวกเรามักจะออกไปข้างนอกที่ซึ่งมีคนที่เข้มแข็งอยู่มากมาย”

 

ซูหยางพยักหน้า ด้วยคำพูดของเธอมีเหตุผล เพราะว่าศิษย์หลักทั้งหมดมีพลังการฝึกปรือใกล้เคียงกัน พวกเขาจึงต้องการผู้ที่มีความแข็งแกร่งกว่าตนเองมาเป็นคู่ฝึก ตามจริงศิษย์หลักยากที่จะฝึกฝนร่วมกัน และเพราะด้วยเหตุนี้ศิษย์หลักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยปกติจะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับคนที่มีความแข็งแกร่งและชื่อเสียงจากโลกภายนอก

 

“แม้ว่าข้าจะเข้าใจสถานการณ์ของเจ้า ข้าก็ต้องปฏิเสธที่จะผลิตหญ้าเงินเจ็ดใบมากกว่าเดิม” ซูหยางกล่าวหลังจากนั้นชั่วขณะ

 

“ข้าถามได้หรือไม่ว่าทำไม”

 

แม้ว่าฟางซีหลานรู้สึกอารมณ์เสียที่ศิษย์ในคนหนึ่งได้ปฏิเสธคำขอของเธอ สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อนถึงวันนี้ เธอก็ไม่ได้โกรธเขา

 

“ง่ายมาก หญ้าเงินเจ็ดใบจักฆ่าเจ้าเพราะว่ามนุษย์ไม่สามารถที่จะฝึกฝนกับสิ่งที่เหมาะสมกับวิญญาณพิทักษ์  ในเมื่อการทำงานของจุดตันเถียนของพวกมันแตกต่างจากพวกเราเป็นอย่างมาก”

 

“เอ๋ แต่เจ้าที่พูดเมื่อสักครู่…”

 

ฟางซีหลานมองดูเขาด้วยดวงตาโต

 

“ข้าเพียงพูดสมมุติเท่านั้น”

 

ฟางซีหลานไร้คำพูดอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าซูหยางให้ความหวังกับเธอและขยี้มันแทบจะในทันที เขาได้ตระหนักไหมว่าใครที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา ไม่มีศิษย์ธรรมดาคนไหนกล้าที่จะพูดกับเธออย่างไม่ใส่ใจ อย่าว่าแต่เล่นกับอารมณ์ของเธอแบบนี้

 

“ถ้าจะพูดไปแล้ว ถ้าเจ้าต้องการที่จะบรรลุเขตปฐพีวิญญาณ ข้าสามารถช่วยเจ้าให้บรรลุเป้าหมายได้”

 

ซูหยางพลันพูดขึ้น ดวงตาของฟางซีหลานเป็นประกายล้ำลึกหลังจากได้ยินเช่นนั้น