DC บทที่ 254: ระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณ

 

“เจ้าจะช่วยข้าไปถึงเขตปฐพีวิญญาณได้อย่างไร เคล็ดลับประเภทไหนที่เจ้าซุกซ่อนไว้” ฟางซีหลานไม่ได้ตื่นเต้นมากมายในทันทีแต่ถามเขาด้วยท่าทางจริงจังแทน เมื่อเธอไม่อาจมั่นใจได้ว่าซูหยางมีความสามารถนั้น

 

“ไม่มีเคล็ดลับใดๆเกี่ยวข้อง”

 

ซูหยางตอบด้วยรอยยิ้ม

 

ทันใดนั้นหลังจากที่ซูหยางพูดคำเหล่านั้นแล้ว พลังกดดันอันลึกล้ำก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา จนเกิดเป็นริ้วพลังกระจายออกไปทั่วห้อง

 

ฟางซีหลานสามารถรู้สึกได้ว่าร่างของเธอทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความตระหนกหลังจากรับรู้ถึงพลังทรงอำนาจที่มาจากร่างซูหยาง ดวงตาของเธอเบิกค้างกรามร่วงถึงพื้นเมื่อเธอตระหนักว่าปราณไร้ลักษณ์ที่มาจากร่างของเขานั้นเป็นของเขตปฐพีวิญญาณ

 

แม้ว่าเธอไม่สามารถแยกแยะได้ว่าระดับไหนที่เขาอยู่เนื่องมาจากเธอขาดพลังการฝึกปรือ ฟางซีหลานก็ไม่ได้สงสัยในเมื่อปราณไร้ลักษณ์รอบร่างซูหยางนั้นเป็นสิ่งที่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเขตปฐพีวิญญาณเท่านั้นสามารถมีได้

 

“ป-เป-เป็นไปไม่ได้” เธออุทานออกมาด้วยเสียงแตกตื่น

 

ทำไมแค่ศิษย์ในธรรมดาอยู่ในเขตปฐพีวิญญาณ ในเมื่อกระทั่งผู้อาวุโสที่ทรงพลังที่สุดในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ยังอยู่ที่เขตปฐพีวิญญาณ หรือว่าซูหยางคนนี้ได้ซ่อนพลังการฝึกปรือของเขาไว้ตลอดเวลา จะเป็นอย่างไรถ้าซูหยางคนนี้แท้จริงแล้วเป็นผู้เชี่ยวชาญการปลอมแปลงตัวและตัวจริงไปอยู่ไหนก็ไม่รู้

 

“แม้ว่าข้ามิได้มีมีเจตนาจะเปิดเผยพลังการฝึกปรือของข้าเร็วนัก ข้าจักถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับเจ้า” ซูหยางพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

จะกล่าวไปแล้ว ในเมื่อพลังการฝึกปรือของเขาจะต้องเปิดเผยที่การแข่งขันระดับภูมิภาคอยู่แล้ว ซูหยางจึงไม่สนใจแม้แต่น้อยถ้ามันจะเปิดเผยก่อนหน้านั้น

 

และไม่ใช่ว่าเขาพยายามซ่อนพลังการฝึกปรือของเขาอย่างตั้งใจ ตามจริงเหตุผลเดียวที่ไม่มีใครสังเกตเห็นมาตั้งนานนั้นก็ง่ายดาย เพราะว่าพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะเห็นพลังการฝึกปรือของเขา

 

“อย่ากังวล ข้าเองเป็นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจริงๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญปลอมตัวมา” เขากล่าวต่อหลังจากที่อ่านสีหน้ากังวลของฟางซีหลานราวกับอ่านหนังสือ

 

“ข้าอยู่ในเขตคัมภีร์วิญญาณไม่นานมานี้ แต่หลังจากประสบกับโชคลาภ พลังการฝึกปรือของข้าจึงทะลวงผ่านประตูมังกร”

 

ฟางซีหลานอ้าปากแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป ดังนั้นเธอได้แต่หุบปากลงและนิ่งเงียบเป็นเวลาชั่วขณะขณะที่ใจของเธอพยายามที่จะเข้าใจกับเหตุการณ์

 

“ช-เช่นนั้นวิธีที่จักช่วยข้าไปถึงเขตปฐพีวิญญาณ…หรือว่าคือการร่วมฝึกกับเจ้า”

 

ฟางซีหลานถามด้วยเสียงที่ค่อนข้างสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังคงตระหนกกับการเปิดเผยในทันทีของเขา

 

“ข้ามิบังคับเจ้าถ้าเจ้ามิต้องการ”

 

ฟางซีหลานหรี่ตาเธอจ้องเขม็งไปเฉพาะใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบลงไปมากแล้วว่า “เจ้ามั่นใจว่าข้าจักถึงเขตปฐพีวิญญาณก่อนถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค”

 

“การแข่งขันระดับภูมิภาครึ” ซูหยางพลันเริ่มหัวเราะ “นั่นช่างนานเหลือเกิน ข้าสามารถรับรองได้ว่าเจ้าจักถึงเขตปฐพีวิญญาณภายในสองอาทิตย์และอย่างน้อยถึงระดับสี่ในครึ่งปีถ้าเจ้าร่วมฝึกกับข้า”

 

“ส-สี่ระดับของเขตปฐพีวิญญาณเลยรึ” ฟางซีหลานมองดูเขาด้วยใบหน้างงงัน นี่เป็นไปได้ด้วยรึ หรือว่าเขาแค่พยายามเกี้ยวพานเธออย่างง่ายๆ เพราะว่าสิ่งที่เขาบอกเธอนั้นในเบื้องต้นก็คือเธอจะถึงระดับเดียวกับเจ้านิกายภายในครึ่งปี

 

“เจ้าจักเข้าใจยามเมื่อได้ลิ้มลองปราณหยางของข้า” เขาหัวเราะเล็กน้อย

 

ฟางซีหลานหรี่ตาและหลังจากเงียบไปอีกชั่วขณะเธอก็พยักหน้า “อย่างนั้นก็ได้ข้าจักฝึกกับเจ้า อย่างไรก็ตามถ้ากลเม็ดของเจ้าห่วย ข้าก็จะไม่รบกวนเจ้าอีกถึงแม้ว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้”

 

“นั่นมีเหตุผล” ซูหยางพยักหน้า

 

“เมื่อไหร่ที่เจ้าต้องการฝึกคู่” ฟางซีหลานถามเขา

 

“เวลาไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการ” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“เช่นนั้นพบกับข้าเช้าตรู่ที่ห้องสวีทแห่งศลิษาอีกสี่วันให้หลัง” ฟางซีหลานกล่าว

 

ซูหยางตกลงกับการนัดหมายของเธอและออกไปจากที่นั้นในเวลาไม่นานหลังจากนั้น

 

ยามเมื่อซูหยางจากไปแล้ว ฟางซีหลานก็ร้องขอพบโหลวหลานจีผ่านหยกสื่อสาร

 

สองสามนาทีหลังจากนั้น โหลวหลานจีก็แสดงตัวที่บ้านของฟางซีหลาน

 

“เกิดอะไรขึ้นรึ หรือว่าซูหยางทำให้เจ้าลำบากใจ” โหลวหลานจีถามเธอทันที

 

ฟางซีหลานส่ายหน้าและนำเอาหญ้าเงินเจ็ดใบออกมาแสดงให้โหลวหลานจีดู

 

“นั่นคืออะไร ข้าสามารถรับรู้ถึงปราณไร้ลักษณ์จำนวนมหาศาลภายในนั้น”

 

ฟางซีหลานทำการอธิบายให้โหลวหลานจีฟังถึงหญ้าเงินเจ็ดใบและสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

 

“หญ้าเงินเจ็ดใบจักยอมให้เซียวไป่เติบโตเต็มวัยภายในหนึ่งเดือน และเขาให้มันกับข้าฟรีแม้ว่าข้าจะเสนอให้มากมาย เขาพูดว่าสิ่งที่เขาต้องการคือการช่วยนิกายก้าวหน้าเท่านั้น”

 

“นั่นเป็นสิ่งที่เขาพูดรึ” โหลวหลานจีมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหยางคิดถึงสำนักเมื่อเขาให้หญ้าเงินเจ็ดใบแก่เธองั้นรึ ตามที่รู้จักนิสัยของซูหยางเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยคำกล่าวนั้น

 

โหลวหลานจีจึงตรวจสอบหญ้าเงินเจ็ดใบและพยักหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองไปยังสมบัติล้ำค่า

 

“เขาบอกเจ้าหรือไม่ว่าเขาได้มาอย่างไร”

 

“เขาพูดว่าเขาเพาะมันขึ้นมาด้วยตนเอง แต่ข้ามิมั่นใจว่ามันถูกต้องแต่ไหน” ฟางซีหลานพูด

 

โหลวหลานจีมองไปยังสมุนไพรและคิดอยู่ในใจ “มันน่าจะเป็นเรื่องจริงในเมื่อเขาเป็นนักปรุงยาที่สร้างน้ำมันรัญจวน…”

 

“อย่างไรก็ตาม ทำไมมันจึงเรียกว่าหญ้าเงินเจ็ดใบในเมื่อมันมีเพียงแค่หกใบเท่านั้น” โหลวหลานจีถาม

 

“โอ ข้าได้ป้อนให้กับเซียวไป่ไปแล้ว” ฟางซีหลานพูดขณะที่เธอชี้ไปยังเซียวไป่ ซึ่งกำลังสั่นอย่างเห็นได้ชัดอยู่ที่มุมห้องในเวลานั้น

 

“ทำไมเธอจึงสั่นแบบนั้น” โหลวหลานจีถามหลังจากที่เห็นสภาพเซียวไป

 

“อะไรนะ” ฟางซีหลานซึ่งไม่ได้สังเกตจนกระทั่งจนกระทั่งได้พูดถึงพลันหันไปมองดูเซียวไป่

 

“ข-ข้ามิมั่นใจ…” ฟางซีหลานส่ายหน้า

 

“เซียวไป่ เจ้ายังดีอยู่ไหม”

 

อย่างไรก็ตามขณะที่ฟางซีหลานตรงเข้าไปหาเซียวไป่ แรงกดดันอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นในห้อง และเซียวไป่ก็อ้าปากกว้างขึ้นปล่อยเสียงคำรามก้อง จนทำให้สถานที่นั้นสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว