1003 มุ่งหน้าขึ้นเหนือ
“คุณแม่เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” ซูเสี่ยวซวีรีบถามขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงไอของมารดาเธอจําได้
ว่า ตอนที่เธอออกไปจากบ้านในตอนเช้าแม่ของเธอก็ยังปกติดี เธอจึงรู้สึกงุนงงเมื่ออยู่ๆแม่ของเธอก็มีอาการไอ
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะ แม่แค่รู้สึกแน่นหน้าอกเท่านั้น”ซงรุ่ยปิงโบกมือและพูดว่า “ลูกโทรบอกเสี่ยวเข้าให้ระวังตัวไว้ด้วย ถั่วเจิ้งเหอเจ้าเล่ห์เกินไป”
“ได้ค่ะ”
ซูเสี่ยวซวีรีบโทรหาหวังเย้าทันที
“อะไรนะ? เขาไปหาเธอที่ปักกิ่งอย่างนั้นเหรอ?”หวังเย้าตกใจที่ได้ยินว่ากั๋วเจิ้งเหอยังไม่ยอมแพ้ความเป็นปฏิปักษ์ที่เขามีต่อชายหนุ่มตระกูลกั่วเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมในทันที
คนบางคนมักทําตัวน่ารังเกียจและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรหยุด
“ใช่ค่ะ แล้วเขายังมาที่บ้านของฉันด้วย”ซูเสี่ยวซวีพูด
“เขาไปที่บ้านของเธอเหรอ?” หวังเย้าถาม“เธอพบความผิดปกติในตัวเขาบ้างไหม?” “ความผิดปกติเหรอคะ?มีค่ะฉันรู้สึกว่าเขามีบรรยากาศรอบตัวที่ผิดปกติ แล้วสีหน้าของเขาก็ ดูไม่ปกติด้วยค่ะ”ซูเสี่ยวซวีนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอได้พบกับกั๋วเจิ้งเหอใบหน้าของกั๋วเจิ้งเหอดูแตกต่างจากคนปกติทั่วไปเล็กน้อยเขาดูคล้ายกับคนที่แต่งหน้ามา
ซงรุ่ยปิงที่นั่งอยู่ข้างเธอเริ่มไอขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณป้าอยู่ข้างๆเหรอ?” หวังเย้าถาม “เธอเป็นอะไร? ไม่สบายรึเปล่า?” “คุณแม่รู้สึกแน่นหน้าอกค่ะทั้งที่ตอนเช้าก็ดูปกติดี” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ถ้าตอนเช้าเธอสบายดี แล้วเธอเริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ที่ได้เจอกั๋วเจิ้งเหอใช่รึเปล่า?”หวังเย้าถามด้วยความกังวล
“ดูเหมือนจะใช่นะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงคิดตามที่หวังเย้าถามมาและพบว่าเป็นความจริงเขานั่งอยู่ที่บ้านได้ไม่ถึง 10 นาทีและไม่ได้พูดเรื่องสลักสําคัญอะไรเพียงแค่พูดเรื่องทั่วๆไปเท่านั้นแต่เธอรู้สึกเหมือนได้กลิ่นแปลกๆและหลังจากที่เขากลับไปเธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมา “ผมจะรีบไปปักกิ่งทันทีเลย”หวังเย้าพูด“บอกคุณป้าด้วยว่าห้ามออกไปข้างนอก”
“ทําไมเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ไว้ผมจะบอกทีหลัง”
หวังเย้ากังวลว่า ถั่วเจิ้งเหอจะเป็นตัวกลางที่น่าพาแมลงพิษที่ได้รับจากเมี้ยวซีเหอไปแพร่ที่บ้านของซูเสี่ยวซวีถ้าเป็นแบบนั้นจริงที่บ้านของซูเสี่ยวซวีก็จะไม่ปลอดภัย
เขาโทรเรียกจงหลิวชวนกับเจี๋ยจื้อจาย และรีบกลับไปเก็บของที่บ้าน
“คอยดูแลที่หมู่บ้านนี้ให้ดี จื้อจายคอยติดตามข่าวของกั๋วเจิ้งเหอด้วย เขาเป็นตัวอันตรายมาก”“ได้ครับเชียนเชิง”เจี๋ยจื้อจายพูด “เชียนเชิงวางใจได้เลย”
“เอาล่ะ พวกคุณก็ระวังตัวด้วย ถ้าสถานการณ์คับขันจริงๆก็ให้กินยาอายุวัฒนะทันทีพวกมันสามารถช่วยชีวิตของพวกคุณได้”
“ได้ครับ”
หลังจากเก็บของที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกกับพ่อแม่ของเขาว่าจะเดินทางไปหาซูเสี่ยวซวีที่ปักกิ่ง พ่อแม่ของเขาไม่ได้ถามอะไรมากมายและบอกแค่ให้เขาระวังตัวเท่านั้น พวกเขายังบอก
ให้เขาไม่ต้องรีบกลับมาที่หมู่บ้านนี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะอยู่ที่ปักกิ่งและใช้เวลาร่วมกับซูเสี่ยวซวีมากขึ้น
หวังเย้าจองตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุดและเดินทางไปถึงบ้านของซูเสี่ยวซวีในคืนนั้น
เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ซงรุ่ยปิงก็นอนอยู่ที่เตียงด้วยอาการแน่นหน้าอก เธอไอไม่หยุดและบางครั้งก็ไอออกมาเป็นเลือดเฉินโจวชวนคอยดูแลเธออยู่ไม่ไกลซูเสี่ยวซวีมีท่าทีกระวนกระวาย“เชียนเชิงมาแล้ว!”
“ผมขอดูอาการแม่ของเธอก่อน” หวังเข้ารีบเข้าไปดูอาการของซงรุ่ยปิง
“เธอถูกพิษ”
“พิษ? จากถั่วเจิ้งเหอเหรอคะ?”
“น่าจะเป็นเขา” หวังเย้าพูด “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ต้องรักษาคุณป้าก่อน”
การรักษานั้นง่ายมาก
เขาใช้ใบของสมุนไพรแก้พิษครึ่งใบและหญ้าพิษอีกครึ่งใบร่วมกับกุยหยวนก็เพียงพอแล้วหลังจากดื่มยาหมดไปหนึ่งถ้วย พอผ่านไปได้ 30 นาทียาก็เริ่มเห็นผล
เธอหยุดไอและไม่แน่นหน้าอกอีกต่อไป
“รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยังครับ คุณป้า?”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะจ๊ะ”ซงรุ่ยปิงถอนหายใจอย่างโล่งอก“ขอบใจที่อุตส่าหรีบมาที่นี่นะจ๊ะ”“ไม่เป็นไรเลยครับ”หวังเย้าพูด“คุณป้านอนพักก่อนนะครับ ผมจะเตรียมยาไว้ให้เพื่อบํารุงร่างกายของคุณป้า”
“ได้จ๊ะ”
ทุกคนพากันออกมาจากห้องนอน
“คุณแม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”ซูเสี่ยวซวีถาม
“เธอปลอดภัยแล้วล่ะ”หวังเย้าพูดปลอบเธอ“พิษไม่ได้ร้ายแรงมาก ผมอยู่นี่แล้วเธอไม่ต้องกังวล”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหนุ่มตระกูลกั๋วจะทําเรื่องแบบนี้ได้”เฉินโจวชวนพูด “เขาทําไปเพื่ออะไรกัน?”
หวังเย้าคิดเล็กน้อยและพูดว่า“เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้ครับ”
คนที่มีสติดีไม่มีทางท่าเรื่องแบบนั้นเด็ดขาดแล้วซงรุ่ยปิงก็ป่วยทันทีที่เขากลับไปนั่นเป็นการชี้เป้าไปที่เขาได้อย่างง่ายดายยิ่งไปกว่านั้นตระกูลซูก็ไม่ใช่คนธรรมดาการทําร้ายคนของตระกูลก็ไม่ต่างจากการยั่วโมโหพวกเขาคนที่มีสมองสักหน่อยก็จะคิดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรท่าหวังเย้าตรวจดูแล้วพบว่าเธอได้รับพิษเพียงเล็กน้อยและไม่ใช่พิษจากกู่นั่นอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่กั๋วเจิ้งเหอรักษาพิษกู่โดยการใช้เลือดของเมี่ยวซีเหอและทําให้ซูเสี่ยวซวีรู้สึกถึงความผิดปกติในตัวเขาพูดตามจริงแล้วตัวเขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์ยาแต่เป็นยาที่มีพิษเป็นส่วนประกอบหลัก
“แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้นเหตุของเรื่องนี้ แล้วเขาก็ไม่ได้มาดีตั้งแต่แรกแล้วด้วย”ซูเสี่ยวซวีพูดเสียงเย็น
เดิมเธอมีความประทับใจที่ดีต่อกั๋วเจิ้งเหอ และหลังจากนั้นก็ค่อยๆลดลงจนอยู่ในระดับ
ธรรมดา จากนั้น ความประทับในตัวกั่วเจิ้งเหอก็เปลี่ยนไปอยู่ในขั้นเลวร้ายและเธอยังรู้สึกขยะแขยงชายหนุ่มด้วยตอนนี้เธอทั้งขุ่นเคืองและเกลียดชังเขาอย่างที่สุด “เขาสมควรได้รับโทษ”นั่นเป็นคําพูดที่รุนแรงซึ่งออกมาจากปากของซูเสี่ยวซวี“ลงโทษ?”หวังเย้าถาม “ตอนที่พวกเราคุยกันอยู่เขาก็น่าจะกําลังได้รับโทษอยู่แล้วล่ะ”การดื่มเลือดของเมี่ยวซีเหอนั้นย่อมมีผลข้างเคียงที่ตามมาด้วย
เขาพูดอยู่กับซูเสี่ยวซวีเล็กน้อยก่อนจะขอตัวไปต้มซุปเป่ยหยวน ครั้งนี้เขาได้พกสมุนไพรมาด้วยหลายตัวพวกมันถูกเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบกว่าที่เขาจะต้มยาเสร็จ มันก็ดึกมากแล้วซูเสี่ยวซวีคอยอยู่ข้างๆเขาไม่ไปไหนหลังจากที่ให้ซงรุ่ยปิงดื่มยาแล้วเขาก็ตรวจดูซูเสี่ยวซวีด้วยเมื่อยืนยันได้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับไปพักห้องใครห้องมันและนี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนค้างคืนที่บ้านตระกูลซู
วันต่อมา ซงรุ่ยปิงก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเธอกลับมาเป็นปกติและรู้สึกโล่งอกเธอออกไปเดินออกกําลังกายเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทานอาหารเช้าที่บ้านหวังเย้าก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน
“เป็นยังไงบ้างครับ คุณป้า?” เขาถาม
“ดีขึ้นมากแล้วจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงยิ้มตอบ“ฉันไม่รู้สึกแน่นหน้าอก และไม่ปวดตามเนื้อตามตัวแล้ว”
“มาเถอะ ฉันเตรียมข้าวเช้าเอาไว้ให้แล้ว”
ซูเสี่ยวซวีที่กําลังลงมาจากชั้นบนพูดขึ้นมาว่า“ข้าวเช้า?หอมมากเลยค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบลงมากินสิจ๊ะ”ซงรุ่ยปิงพูด
หวังเย้าไม่ได้รีบทานข้าวเช้าแต่เขาเดินเข้าไปตรวจดูอาการของซงรุ่ยปิงก่อน หลังจากที่
มั่นใจว่าเธอสบายดีแล้วเขาจึงเริ่มลงมือทานอาหารเช้าพร้อมกับสองแม่ลูก
“กินเยอะๆนะคะคุณแม่”ซูเสี่ยวซวีปอกเปลือกไข่ต้มใบชาให้กับแม่ของเธอ
“ขอบใจจ๊ะลูกก็กินเยอะๆนะจ๊ะ”
ที่บ้านเพียงล่าพัง หลังจากนั้นไม่นานชูเหลียนก็มาถึง
“คุณผู้หญิง”
“เด็กจากตระกูลถั่วทําเกินไปแล้ว!”ซงรุ่ยปิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จแล้วหวังเย้าก็ไปมหาวิทยาลัยกับซูเสี่ยวซวีซงรุ่ยปิงจึงอยู่
ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ แต่ความจริงก็คือเขาคือคนที่ทําให้เธอต้องป่วย มันถือเป็นการยั่วโมโหพวกเขาการมาสร้างเรื่องถึงที่บ้านของพวกเขาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจําเป็นจะต้องยอมทน
“คุณผู้หญิงจะทํายังไงต่อดีคะ?” ชูเหลียนถาม
“ให้คนคอยจับตาดูเขาเอาไว้” ซงรุ่ยปิงพูด“ฉันอยากรู้ว่าเขายังจะทําอะไรได้อีก”
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
ซูเซี่ยงฮวากลับมาถึงที่บ้านในช่วงสายของวัน
“เดินทางคราวนี้คงจะเหนื่อยมากเลยใช่ไหมคะ?”ซงรุ่ยปิงถาม
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาแล้วซูเซี่ยงฮวาก็พูดว่า“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกผมชินแล้ว”
“เมื่อคืน เสี่ยวเข้ามาที่นี่ค่ะ”
“เหรอ? ตอนเที่ยง ช่วยบอกให้เขามาหาผมที่นี่ทีสิผมไม่ได้เจอเขามาสักพักแล้ว”ซูเซี่ยงฮวาพูดด้วยตําแหน่งหน้าที่การงานทําให้ตารางงานของเขาแน่นเอี๊ยดอยู่เสมอมีหลายเรื่องที่เขาต้อง
เข้าร่วมไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตามเวลาในชีวิตของเขาจึงมีแต่เรื่องงานไม่จบไม่สิ้น
“คุณรู้ไหมคะว่าเขามาทําไม?”ซงรุ่ยปิงถาม
“ทําไมล่ะ?” ซูเซี่ยงฮวางุนงงกับคําถามที่ได้รับ
“เขามาเพราะฉันค่ะ”ซงรุ่ยปิงพูด
“คุณ?”ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยความตกใจ“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?คุณไม่สบายเหรอ?”
“ฉันเกือบตายเพราะพิษค่ะ”ซงรุ่ยปิงพูด“ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเข้ามาได้ทันเวลาคุณอาจจะไม่
ได้เจอหน้าฉันแล้วก็ได้”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”ซูเซี่ยงฮวามีสีหน้าเคร่งเครียดเขารู้นิสัยของภรรยาดีเธอไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่น
ซงจุ้ยปิงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
“นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!” ซูเซี่ยงฮวาตะโกน
“ดูเหมือนเสี่ยวเย้าจะยังไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดไว้ผมจะคุยกับเขาทีหลังเอง”
“ค่ะ”
ซูเสี่ยวซวีใช้เวลากับหวังเย้าในมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข เพราะพ่อของเธอกลับมาบ้านพวกเขาจึงกลับไปที่บ้านในตอนเที่ยง
หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วซูเซี่ยงฮวาก็บอกให้หวังเย้าตามเขาไปที่ห้องทํางานทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลานานหวังเย้าบอกเรื่องทั้งหมดตั้งเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบันเท่าที่เขาจะพอ นึกออกกับซูเซี่ยงฮวาเขาไม่ได้ปิดบังอะไรไว้เลยแต่เขาพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทางใต้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้
“เขาฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“ผมไม่มีหลักฐาน แต่นอกจากเขาแล้วผมก็คิดถึงใครไม่ได้อีก” หวังเย้าตอบ